xs
xsm
sm
md
lg

ศาลสั่งผู้ว่าฯ นครนายก ปิดถนนจัดงานกาชาดต้องไม่กระทบสิทธิชาวบ้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เจ้าของโรงพิมพ์เศร้า พ่อเมืองนครนายกสั่งปิดถนนจัดงานกาชาดยาว 10 วัน ชี้ตั้งเต็นท์กีดขวางทางเข้าบ้านกระทบการประกอบอาชีพ โร่ร้องศาลจนออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เห็นควรให้จัดงานกาชาดได้แต่ต้องไม่กระทบสิทธิการดำเนินชีวิตโดยปกติสุขของชาวบ้านตาม รธน.

วันนี้ 30 ก.ย. เมื่อเวลา 19.30 น. ที่สำนักงานศาลปกครอง ถ.แจ้งวัฒนะ นายเทอดพงศ์ คงจันทร์ ตุลาการศาลปกครองกลาง และเจ้าของสำนวน มีคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา คดีที่นายชัยชาญ วัชรโรจน์ ยื่นฟ้อง จังหวัดนครนายก, ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก และ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครนายก ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-3 กรณีที่ได้ปิดถนนบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครนายก เพื่อตั้งเต็นท์ ร้านค้างานกาชาดโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสาม รื้อถอนเต็นท์ร้านค้า และหยุดการจัดงานกาชาดบนถนนดังกล่าว โดยขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา โดยให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามเลื่อนการจัดงานกาชาดจังหวัดนครนายกประจำปี พ.ศ. 2554 ไปก่อนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา

โดยศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสาม ดำเนินการเพื่อให้ผู้ฟ้องคดีและประชาชนที่พักอาศัยในบริเวณที่ตั้งเต็นท์ ร้านค้าบนถนนสุวรรณศร สามารถเดินทางเข้าออกเคหะสถานได้โดยสะดวกตามสมควร และให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสาม ควบคุมการใช้เครื่องกระจายเสียงภายในงาน ไม่ให้รบกวนการพักอาศัยของผู้ฟ้องคดีและประชาชนที่พักอาศัยในบริเวณงานเกินกว่าที่จำเป็นจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ทั้งนี้ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มีบทบัญญัติคุ้มครองสิทธิของบุคคลในการที่จะอยู่อาศัยและครอบครองเคหะสถานได้โดยปกติสุข ดังนั้น การใช้อำนาจทางปกครองตามกฎหมายโดยองค์กรของรัฐทุกองค์กร จึงต้องคำนึงถึงสิทธิดังกล่าวของบุคคลเป็นสำคัญ โดยจะต้องเป็นการใช้อำนาจที่พอสมควรแก่เหตุ และก่อให้เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวมโดยไม่สร้างภาระหรือส่งผลกระทบต่อสิทธิของบุคคลใดในการที่จะอยู่อาศัยและครอบครองเคหสถานได้โดยปกติสุขจนเกินสมควร การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ดำเนินการห้ามรถทุกชนิดเดินรถในถนนสุวรรณศรฝั่งหน้าศาลากลางจังหวัดนครนายกเป็นระยะทาง 997เมตร เพื่อจะใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นสถานที่ตั้งเต็นท์ร้านค้าในงานกาชาดประจำปีของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 โดยมีกำหนดเวลาตั้งแต่วันที่ 1-10 ต.ค. 54 ในเวลา 12.00-22.000 น. โดยเต็นท์ร้านค้าดังกล่าวมีที่ตั้งอยู่ด้านหน้าอาคารที่พักของผู้ฟ้องคดี ซึ่งผู้ฟ้องคดีใช้สำหรับพักอาศัยและประกอบกิจการโรงพิมพ์ โดยต้องมีการเข้าออกอาคารในเวลากลางวันสำหรับลูกค้าที่มาติดต่องาน และต้องใช้พื้นที่หน้าร้านเพื่อให้รถรับส่งสินค้าสามารถจอดรถรอได้ อีกทั้งเมื่อมีการ เริ่มงานในเวลากลางคืนตั้งแต่เวลา 18.00-22.00 น.โดยประมาณ จะมีประชาชนที่เข้าชมสินค้าในเต็นท์ร้านค้าบริเวณหน้าอาคารที่พักของผู้ฟ้องคดีเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสาม จึงต้องห้ามการเดินรถผ่านเส้นทางดังกล่าว ทำให้ผู้ฟ้องคดีไม่อาจนำรถยนต์ส่วนตัวเข้าจอดในบริเวณอาคารที่พักได้ โดยต้องนำรถไปจอดรอไว้ชั่วคราวที่สถานีขนส่งผู้โดยสารซึ่งอยู่ห่างจากอาคารที่พักของผู้ฟ้องคดีประมาณ 70 เมตร แล้วต้องรอจนงานเลิกจึงจะกลับไปขับรถกลับมาจอดบริเวณอาคารที่พักได้ นอกจากนี้ ในการจัดงานผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีความจำเป็นต้องใช้เครื่องกระจายเสียงอยู่โดยตลอดเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในงานได้รับทราบกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้น จึงเห็นได้ว่า การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จัดงานประจำปีของจังหวัดโดยกำหนดจุดตั้งเต็นท์ร้านค้าบนถนนสุวรรณศรดังกล่าว แม้จะเป็นการปิดถนนห้ามเดินรถเพียงฝั่งเดียวเพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อการจราจรในบริเวณนั้น แต่ก็ก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรือเสียหายแก่การประกอบกิจการค้าขาย การพักอาศัย และการดำรงชีวิตโดยปกติสุขของผู้ฟ้องคดี แต่การที่ผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษาโดยให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-2 เลื่อนการจัดงานกาชาดจังหวัดนครนายกประจำปี พ.ศ. 2554 ไปก่อนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ย่อมมีผลกระทบต่อการดำเนินการจัดงานดังกล่าวของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสาม ซึ่งศาลไม่เห็นสมควรที่จะมีคำสั่งเช่นนั้น

ขณะที่คำสั่งของศาลไม่ก่อให้เกิดปัญหาหรืออุปสรรคแก่การบริหารงานของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามแต่อย่างใด เนื่องจากผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามยังคงจัดงานดังกล่าวต่อไปได้ จึงเห็นสมควรกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษาเพื่อคุ้มครองสิทธิในการอยู่อาศัยและครอบครองเคหสถานโดยปกติสุขของผู้ฟ้องคดีและประชาชนที่พักอาศัยในบริเวณงานในระหว่างการพิจารณาคดีของศาล
กำลังโหลดความคิดเห็น