“ศาลปกครอง” นัดฟังคำพิพากษาสรรหา กสทช.คดีแรก 22 ส.ค.นี้ “สุรนันท์” ใจชื้นหลังตุลาการผู้แถลงคดีชี้คณะกรรมการสรรหาต้องเสนอชื่อตนเองให้กับวุฒิสภาแทน “อรรถชัย” ที่ขาดคุณสมบัติ ไม่ใช่ใช้วิธีการลงคะแนนใหม่ ขณะเดียวกัน มอง ปธ.สรรหาปกปิดความสัมพันธ์ระหว่างตนกับผู้ได้รับการคัดเลือกถือว่ามีสภาพร้ายแรงและเป็นการกระทำไม่ชอบ
วันนี้ (19 ส.ค.) องค์คณะตุลาการศาลปกครอง ที่มีนายอนุวัฒน์ ธาราแสวง ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองกลางเป็นตุลาการเจ้าของสำนวน มีคำสั่งนัดฟังคำพิพากษาในคดีที่นายสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร ผู้เข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ฟ้องคณะกรรมการสรรหา กสทช. และเลขาธิการวุฒิสภา กรณีขอให้ศาลฯสั่งให้คณะกรรมการสรรหาส่งรายชื่อของตนเองเป็นผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นกรรมการ กสทช.สายผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ ให้วุฒิสภาในวันจันทร์ที่ 22 ส.ค.เวลา 10.00 น.
ทั้งนี้ ก่อนนัดฟังคำพิพากษา องค์คณะตุลาการซึ่งได้ออกนั่งบัลลังก์พิจารณาคดีครั้งแรกได้เปิดโอกาสให้คู่กรณีแถลงด้วยวาจาเพิ่มเติม และได้ให้นายกฤตยชญ์ ศิริเขต ตุลาการผู้แถลงคดีแถลงความเห็นส่วนตัวต่อคดีที่ไม่มีผลผูกพันองค์คณะ โดยนายกฤตยชญ์เห็นว่า กระบวนการสรรหาในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ในการลงคะแนนครั้งแรกเป็นไปตามกฎหมาย และระเบียบวิธีการสรรหาที่เลขาธิการวุฒิสภาได้ประกาศไว้ จึงส่งผลให้ผู้ได้รับเลือกเป็นผู้ได้รับการสรรหาโดยถูกต้องทั้ง 4 ราย คือ นางจันทิมา สิริแสงทักษิณ นายพิษณุ เหรียญมหาสาร นายวิชัย โถสุวรรณจินดา และนายอรรถชัย บุรกรรมโกวิท เป็นผู้ได้รับการสรรหาเพื่อส่งชื่อให้วุฒิสภาคัดเลือกต่อไป
แต่ต่อมาพบข้อเท็จจริงว่า นายจตุรงค์ ปัญญาดิลก ประธานกรรมการสรรหา มีความสัมพันธ์กับนายอรรถชัย ผู้ที่ได้รับการคัดเลือก ซึ่งถือว่ามีสภาพร้ายแรงในเรื่องของการจะให้ความเป็นธรรม นอกจากนี้ยังพบว่านายอรรถชัยเป็นกรรมการ บจม.อสมท ก่อนที่คณะกรรมการสรรหาจะลงคะแนนสรรหา รวมทั้งพ้นจากตำแหน่งกรรมการ บจม.อสมท มาไม่เกิน 1 ปี ซึ่งนายจตุรงค์ ปัญญาดิลก ประธานกรรมการสรรหา รู้แต่ปกปิดข้อเท็จจริง โดยอ้างว่าเพื่อให้ความเป็นธรรมกับนายอรรถชัย เนื่องจากยังไม่มีการจดทะเบียนความเป็นกรรมการ อสมท และนายอรรถชัยอาจถอนตัวภายหลัง การปกปิดดังกล่าวของนายจตุรงค์จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการที่นายจตุรงค์ยังคงปล่อยให้มีการสรรหาอรรถชัย จนได้รับการคัดเลือก จึงเป็นการใช้ดุลยพินิจที่ไม่ชอบ ซึ่งในที่สุดนายอรรถชัยก็ขาดคุณสมบัติไป แต่คณะกรรมการสรรหากลับมีมติให้มีการลงคะแนนใหม่ เป็นผลให้นายยุทธ์ซึ่งได้ 7 คะแนนได้รับเลือกเข้ามาแทนนายอรรถชัย ขณะที่นายสุรนันท์ ซึ่งเดิมมีคะแนนอยู่ในลำดับที่ 5 ต่อจากนายอรรถชัยได้คะแนนในการสรรหาใหม่เพียง 2 คะแนน จึงไม่ได้รับเลือก
“กรณีที่ต้องมีการเลือกแทนผู้ที่ขาดคุณสมบัตินั้น ในระเบียบการสรรหาไม่มีการกำหนดระบุเพียงว่าให้เป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการสรรหา แต่กรณีนี้เป็นการสรรหากรรมการ กสทช. ซึ่งมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุ โทรทัศน์ และโทรคมนาคม ซึ่งมีส่วนกระทบต่อผลประโยชน์ ความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงต้องดูเจตนาของการสรรหาที่ใช้หลักเสียงข้างมากมาแต่ต้น โดยการลงคะแนนใหม่ในรอบที่สองนั้น ผลคะแนนในรอบแรกอาจมีผลต่อการใช้ดุลพินิจของคณะกรรมการในรอบที่สอง ก่อให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างผู้สมัคร ประกอบกับประธานกรรมการสรรหาได้ปกป้องผลประโยชน์ของนายอรรถชัยมากกว่าประโยชน์ของผู้สมัครรายอื่น ส่งผลให้การสรรหากรณีนายอรรถชัยมิชอบมาแต่ต้น จึงสมควรต้องเลื่อนนายสุรนันท์ซึ่งมีคะแนนอยู่ในละดับที่ 5 ในรอบแรกขึ้นมาแทน โดยถือว่าผู้ได้รับคะแนนลำดับที่ 3 เป็นโมฆะ”
นายกฤตยชญ์ย้ำว่า การที่คณะกรรมการสรรหาลงคะแนนเลือกใหม่ เป็นการละเมิดนายสุรนันท์ จึงเห็นว่ามติของคณะกรรมการสรรหาครั้งที่ 13 ลงวันที่ 29 เม.ย. ที่เลือกนายยุทธ์ ชัยประวิตร เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกแทนนายอรรถชัยไม่ชอบด้วยกฎหมาย สมควรที่ศาลจะสั่งเพิกถอน และสั่งให้คณะกรรมการสรรหาส่งชื่อนายสุรนันท์ให้กับวุฒิสภาพิจารณา
นายสุรนันท์ยอมรับว่า รู้สึกใจชื้นขึ้นบ้างหลังฟังความเห็นส่วนตัวของตุลาการผู้แถลงคดี แต่ขอที่จะรอฟังคำพิพากษาในวันที่ 22 ส.ค.ก่อน ซึ่งตนขอให้เปลี่ยนแปลงรายชื่อของผู้ที่ได้รับการสรรหาในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐศาสตร์เท่านั้น ไม่ได้ร้องขอให้ล้มกระบวนการสรรหาทั้งหมดตามที่เป็นข่าว อย่างไรก็ตาม กรณีผู้สมัครรายอื่นที่ร้องขอให้ล้มกระบวนการสรรหาทั้งหมดนั้น หากศาลปกครองสั่งให้ล้มและเริ่มกระบวนการใหม่ ตนก็จะมาลงสมัครอีกครั้ง
สำหรับคดีที่เกี่ยวกับการสรรหากรรมการ กสทช.นั้นยังคงอยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองอีก 3 คดี ประกอบด้วย 1 กรณีนายรัชทรัพย์ นิชิด้า 2.กรณีนายณัฐศิลป์ จึงสงวน ฟ้องเพิกถอนกระบวนการสรรหาทั้งหมด โดยอ้างว่าที่มาของกรรมการสรรหาไม่ชอบด้วยกฎหมาย และกรรมการสรรหามีความสัมพันธ์กับผู้ได้รับการสรรหา 3 กรณีนายสุทธิพร ปทุมเทวาภิบาล ฟ้องขอให้ศาลสั่งให้ตนเองเป็นผู้มีคุณสมบัติในการเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการกสทช.ด้านโทรคมนาคม และให้เพิกถอนรายชื่อผู้ผ่านการสรรหาด้านโทรคมนาคม 4 คน ที่มีลักษณะต้องห้าม
ส่วนกระบวนการสรรหาในวุฒิสภานั้น ล่าสุดคณะกรรมาธิการของวุฒิสภาได้รับฟังวิสัยทัศน์ของผู้ได้รับการสรรหาทั้ง 44 คนแล้ว กำลังรอรวบรวมผลการตรวจสอบเบื้องลึกจากหน่วยงานต่างๆ ก่อนจะรวบรวมส่งให้วุฒิสภาคัดเลือกให้เหลือ 11 คน ซึ่งคาดว่าจะมีการลงมติลับเพื่อคัดเลือกในวันที่ 5 ก.ย. โดยวันที่ 11 ก.ย. จะครบกำหนด 60 วันที่วุฒิสภาต้องทำหน้าที่คัดเลือก หากเกินกว่านั้นจะตกเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีในการคัดเลือกแต่งตั้งแทน