xs
xsm
sm
md
lg

ศาลปกครองยกคำร้อง “สุรนันท์” ฟ้องบอร์ดสรรหา กสทช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร (แฟ้มภาพ)
ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งยกคำร้อง “สุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร” หนึ่งในผู้สมัคร กสทช.ฟ้องบอร์ดสรรหาไม่โปร่งใส ระบุการสรรหาเป็นไปตามระเบียบแล้ว เจ้าตัวเตรียมอุทธรณ์

วันนี้ (22 ส.ค.) ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาสั่งยกคำร้องกรณี นายสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร หนึ่งในผู้สมัครเป็นคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านเศรษฐศาสตร์ ที่ได้รับคะแนนเป็นอันดับ 5 ในการสรรหาฯ ซึ่งได้ยื่นฟ้องนายจตุรงค์ ปัญญาดิลก ประธานคณะกรรมการสรรหา กสทช. รวมทั้งกรรมการสรรหาฯ ทั้งคณะ และเลขาธิการวุฒิสภา เรื่องการดำเนินการสรรหา กสทช.โดยไม่โปร่งใส

ทั้งนี้ องค์คณะตุลาการศาลปกครองเห็นว่า การประชุมลับของคณะกรรมการสรรหาฯ เพื่อพิจารณาคัดเลือกเมื่อวันที่ 25 เม.ย.54 นั้นมีความถูกต้องตามระเบียบวุฒิสภาว่าด้วยหลักเกณฑ์วิธีการสรรหา กสทช.

โดยคดีนี้นายสุรนันท์ระบุในคำฟ้องว่า กระบวนการสรรหา กสทช.ไม่โปร่งใส เนื่องจากคณะกรรมการสรรหาฯ ไม่เสนอชื่อตนเองให้เป็นผู้ได้รับการพิจารณาคัดเลือก 1 ใน 4 หลังพบว่าการสรรหาเมื่อวันที่ 25 เม.ย.54 นายอรรถชัย บุรกรรมโกวิท ที่ได้รับคะแนนเลือกเป็นอันดับ 3 เป็นกรรมการของ บมจ.อสมท (MCOT) ซึ่งถือว่าขาดคุณสมบัติตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ขณะที่ตนเองมีคะแนนอันดับถัดมาเป็นที่ 5 แต่กลับลงมติใหม่เลือกนายยุทธ์ ชัยประวิตร ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นผู้ได้รับคะแนนอันดับ 7 แทนนายอรรถชัย ทั้งๆ ที่ตามกฎหมายแล้วการคัดเลือกใหม่จะทำได้ก็ต่อเมื่อผู้สมัครมีคะแนนเท่ากันเท่านั้น

ด้าน นายสุรนันท์กล่าวว่า จะยื่นอุทธรณ์เรื่องดังกล่าวต่อไป โดยขอนำคำแถลงของตุลาการผู้แถลงคดีมาพิจารณาก่อนว่ามีประเด็นใดเพิ่มเติมอีกหรือไม่

คำแถลงศาลปกครอง ดังนี้

คดีนี้ผู้ฟ้องคดี (นายสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร) ฟ้องว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ (กรรมการสรรหา กสทช.) และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ (เลขาธิการวุฒิสภา) ดำเนินการคัดเลือก ผู้สมควรได้รับเลือกเป็น กสทช. ด้านเศรษฐศาสตร์ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้มติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ที่ได้มีมติให้มีการลงคะแนนใหม่เพื่อทำการคัดเลือกผู้สมควรได้รับเลือกเป็น กสทช. ด้านเศรษฐศาสตร์ แทนนายอรรถชัย บุรกรรมโกวิท ซึ่งเป็นผู้ได้รับคัดเลือก แต่ต่อมาได้ถูกเพิกถอนเนื่องจากเป็นผู้ขาดคุณสมบัติ โดยไม่ได้เลื่อนผู้ฟ้องคดีที่ได้รับคะแนนในครั้งแรกในลำดับที่ ๕ ขึ้นมาแทน และผู้ร้องสอด (นายยุทธ์ ชัยประวิตร) เป็นผู้ได้คัดเลือก โดยไม่มีกฎหมายและระเบียบให้อำนาจกระทำได้ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๔ ว่า การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้ให้ผู้สมัครยื่นใบสมัครเข้ารับการคัดเลือกมากกว่าหนึ่งด้านไม่มีกฎหมายระเบียบจำกัดสิทธิให้สมัครเพียงด้านเดียว และในขณะที่นายอรรถชัยสมัครเข้ารับ

การคัดเลือกได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ประธานของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ (นายจตุรงค์ ปัญญาดิลก) ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) จึงยังไม่มีความสัมพันธ์กับนายอรรถชัยในขณะนั้น ส่วนการแสดงวิสัยทัศน์ด้วยวาจา

เป็นส่วนหนึ่งของเอกสารแสดงวิสัยทัศน์ การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ มีมติไม่ให้มีการซักถามผู้แสดงวิสัยทัศน์กับผู้สมัครทุกคน โดยเท่าเทียมกันจึงไม่ได้เป็นเหตุให้กระบวนการสรรหาเสียไป ส่วนการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ มีมติให้ทำลายบัตรลงคะแนน แม้ธรรมเนียมในทางปฏิบัติจะต้องเก็บบัตรลงคะแนนเพื่อใช้ในการตรวจสอบในกรณีมีผู้ร้องคัดค้าน แต่ในกรณีนี้ผู้ฟ้องคดี มิได้คัดค้านว่าการลงคะแนนไม่ชอบกับยอมรับผลการลงคะแนนดังกล่าวว่าผู้ฟ้องคดี ได้คะแนนเป็นลำดับที่ ๕ จึงไม่เป็นเหตุให้กระบวนการสรรหาเสียไปเช่นเดียวกัน และแม้

ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่าวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๔ นายอรรถชัยได้รับเลือกให้เป็นกรรมการบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ก่อนที่จะมีการลงคะแนนคัดเลือกในครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๔ ซึ่งประธานของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ที่เป็นกรรมการบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) เช่นเดียวกับนายอรรถชัยและทราบอยู่แล้วในขณะนั้นว่านายอรรถชัยเป็นผู้ขาดคุณสมบัติ แต่ก็ให้มีการลงคะแนนในวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๔ จนมีผู้ได้รับการคัดเลือกครบ ๔ คน โดยหนึ่งในสี่ของผู้ได้รับเลือกมีนายอรรถชัยรวมอยู่ด้วย กรณีจึงถือได้ว่านายจตุรงค์ประธานของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ มีสภาพร้ายแรงทำให้การพิจารณาทางปกครองไม่เป็นกลาง ตามมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙

แต่ในภายหลังได้มีการดำเนินการแก้ไขความบกพร่องในเรื่องคุณสมบัติของนายอรรถชัยและเหตุที่มีสภาพร้ายแรงอันทำให้การพิจารณาทางปกครองไม่เป็นกลางของนายจตุรงค์ประธานของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ แล้วโดยได้เพิกถอนสิทธิของนายอรรถชัย และถือว่าในวันนั้น (๒๕ เมษายน ๒๕๕๔) ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ มีมติเลือกผู้สมควรได้รับเลือกเป็น กสทช. ด้านเศรษฐศาสตร์ เพียง ๓ คน เมื่อมีผู้ได้รับคัดเลือกเพียง ๓ คน ไม่ครบจำนวน ๔ คน ตามที่กฎหมายกำหนด และเมื่อระเบียบของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ไม่ได้กำหนดวิธีการคัดเลือกในกรณีนี้ไว้ จึงเป็นปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ซึ่งข้อ ๑๓ ของระเบียบดังกล่าวกำหนดให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ เป็นผู้วินิจฉัย และเมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑

ได้วินิจฉัยโดยมีมติเป็นเอกฉันท์ให้มีการลงคะแนนใหม่ จึงเป็นการใช้อำนาจตามข้อ ๑๓ ของระเบียบผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ที่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ และระเบียบของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ที่มีวัตถุประสงค์ชัดเจนที่จะให้ผู้ได้รับคัดเลือกเป็น กสทช. มาจากการลงคะแนนของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ แล้ว และเมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๔ มีผู้ได้รับการคัดเลือก และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ให้การรับรองว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติเพียง ๓ คน โดยผู้ฟ้องคดีไม่ได้รับการเลือก จึงยังไม่อาจถือได้ว่าผู้ฟ้องคดีเป็นผู้มีคุณสมบัติที่เลื่อนผู้ฟ้องคดีขึ้นไปแทนนายอรรถชัยได้ และเมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้ทำการลงคะแนนใหม่ปรากฏว่า

ผู้ร้องสอดเป็นผู้ได้รับคะแนนสูงสุด ผู้ร้องสอดจึงเป็นผู้ได้รับการคัดเลือกและเป็นผู้ที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ รับรองคุณสมบัติแล้ว มติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ที่เลือกผู้ร้องสอดเป็นผู้ที่ได้รับคัดเลือกเป็นผู้สมควรได้รับเลือกเป็น กสทช. ด้านเศรษฐศาสตร์ แทนนายอรรถชัย จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ศาลจึงมีคำพิพากษายกฟ้อง
กำลังโหลดความคิดเห็น