“ชวนนท์” จวก “นพดล” ไส้ศึกเขมร ทำไทยเสี่ยงแพ้คดีศาลโลก อัดเตรียมต่อยอดความอัปยศยกพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ถวายพาน “ฮุนเซน” คิดทำบาปกับประเทศไทย ย้ำท่าทีรัฐบาลทำไทยเสียเปรียบ อัด “ปึ้ง” จ้อ “บันคีมูน” ยอมทำตามคำสั่งศาลโลก แต่ทหารยืนยันยังไม่ถอนกำลัง เตือน หากไร้กึ๋น อย่าพูดพล่อยทำบ้านเมืองเสียหาย
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงตอบโต้นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ออกมาตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับนโยบายด้านการต่างประเทศทั้งๆ ที่ไม่มีตำแหน่งในรัฐบาลว่า ต้องถามนายนพดลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอะไรในการกำหนดนโยบายของรัฐบาล ซึ่งนายนพดลควรจะตระหนักว่าตัวเองเคยทำบาปกับประเทศด้วยการออกแถลงการณ์ร่วมสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว จนทำให้ไทยเสียเปรียบและยังเป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญด้วย หรือว่าสิ่งที่ทำในขณะเป็น รมว.ต่างประเทศยังไม่ถึงเส้นชัยจึงต้องการให้รัฐบาลนี้ต่อยอดเพื่อให้พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นของกัมพูชา ตามที่นายนพดลเคยมีเจตนามาก่อนหน้านี้ที่จะให้กัมพูชาได้บริหารจัดการพื้นที่ดังกล่าว
“การที่นายนพดลบอกว่าไทยจะไม่ถอนตัวจากการเป็นภาคีมรดกโลกแปลว่าเราจะรับแผนบริหารพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารของกัมพูชาที่เสนอค้างอยู่ในที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกใช่หรือไม่ ต้องพูดให้ชัดเจนในรายละเอียด เพราะหากท่าทีของรัฐบาลเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้การประชุมคณะกรรมการมรดกโลกมีการพิจารณาแผนบริหารพื้นที่ของกัมพูชาทันที ทำให้การต่อสู้ตลอดสามปีของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เพื่อขัดขวางเรื่องนี้สูญเปล่า และยังส่งผลกระทบต่อการพิจารณาคดีของศาลโลกด้วย”
นายชวนนท์กล่าวว่า แม้ว่านายวีรชัย พลาศัย จะยังเป็นหัวหน้าทีมต่อสู้คดีอยู่ แต่เมื่อถูกเปลี่ยนตัวออกจากการเป็นที่ปรึกษาเจบีซีก็ย่อมส่งผลกระทบในทางคดี เพราะหากการเจรจาในเจบีซีมีลักษณะที่ไม่สอดคล้องกับแนวทางการต่อสู้ในศาลโลกโอกาสในการที่ไทยจะแพ้คดีก็มีสูง ในอดีตปี 2505 แม้ไทยจะแพ้คดีแต่การต่อสู้ก็มีเอกภาพเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ในครั้งนี้หากจะแพ้คดีก็เป็นเพราะท่าทีของรัฐบาลที่อ่อนลงและมีไส้ศึก ทั้งนี้เห็นว่าการที่รัฐบาลไม่ปรับนายวีรชัยออกจากการเป็นหัวหน้าทีมต่อสู้คดีในศาลโลกก็เป็นเพราะคงยากที่จะหาใครมาทำหน้าที่นี้ได้
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยังตำหนิการปฏิบัติหน้าที่ของนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ในฐานะรมว.ต่างประเทศว่า เป็นแค่รัฐมนตรีในนามแต่ไม่มีความรู้ด้านการต่างประเทศ และการดำเนินนโยบายต้องรอการสไกป์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในการประชุม ครม.พรรคทุกวันจันทร์ ทำให้การพูดหลายอย่างมีผลผูกพันกับประเทศในทางลบ เช่น กรณีไปกล่าวกับเลขายูเอ็นว่า ไทยได้ปฏิบัติตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลกแล้ว ทั้งที่ข้อเท็จจริงทหารยืนยันว่าพื้นที่ 4.6 ตารางกิลโลกเมตรเป็นของไทยยังไม่มีการถอนทหารออกจากพื้นที่แต่อย่างใด การพูดโดยขาดความเข้าใจของนายสุรพงษ์จะทำให้ต่างชาติเกิดความเข้าใจผิดและจะมีผลต่อคำพิพากษาของศาลโลกที่ทำให้ไทยพ่ายแพ้ในอนาคตจึงอยากให้ไปศึกษาข้อมูลก่อนพูด
“ผมคิดว่านายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ไม่ใช่ รมว.ต่างประเทศตัวจริงเหมือนกับที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีตัวจริง แต่ทั้งสองคนต้องทำงานภายใต้คำสั่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นผู้กำกับการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์และภาคประชาชนจะร่วมกันตรวจสอบอย่างเต็มที่”