“มาร์ค” ชี้ ยูเนสโกรับข้อเสนอเขมรขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร เป็นมรดกโลกก่อชนวนความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ถามยูเนสโกตระหนักแล้วหรือยังเห็นไทย-เขมรทะเลาะกัน ปัดกองทัพกดดันรัฐบาล ปลด “กษิต” ปิดปากพูดลูก “ฮุนเซน” นำทัพถล่มไทย อ้างไม่ขอลงรายละเอียด ต่อสายตรงคุย “บันคีมูน” สองทุ่มคืนนี้ ร้องคนไทยเดือดร้อน ยันวันนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่า มีการปะทะ ไม่เห็นด้วย พธม.เคลื่อนพลไปพื้นที่ชายแดนแจกของ หวั่นขัดแย้งปชช.ในพื้นที่
วันนี้ (8 ก.พ.) ที่ตึกสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ และการประชุมกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ถึงประเด็นการต่อสายพูดคุยกับบันคีมูน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ เวลา 20.00 น.ว่า จะเป็นการแจ้งข้อเท็จจริงเพื่อให้เห็นว่า ที่ทางกัมพูชา กับการที่ไทยได้ทำหนังสือไปว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่งประเทศไทยไม่เคยมีการดำเนินการรุกรานใคร สิ่งที่เราทำเป็นเพียงการตอบโต้รักษาอธิปไตยของเราสมควรแก่เหตุ ไม่มีการโจมตีในส่วนของพลเรือน ในทางกลับกัน เราได้รับความเดือดร้อน เพราะพลเรือนของเราจำนวนนับหมื่นคนต้องอพยพ เป็นการลำดับเหตุการณ์เพื่อชี้ให้เห็นว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างนี้
นายกฯ กล่าวต่อว่า อีกประเด็นคือ จะให้เห็นความคืบหน้าทั้งกรณีที่รัฐมนตรีต่างประเทศของอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียนได้มาพบกับ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ช่องทางการพูดคุยในระดับทวิภาคี หรือในส่วนของอาเซียนไม่ได้มีการปิดกั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่เราชี้แจงจะทำให้ยับยั้งความพยายามของกัมพูชาที่พยายามยกระดับปัญหาไปสู่ระดับสากลได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรายืนยันไม่เห็นความจำเป็น ขณะเดียวกัน อาเซียนสนับสนุนให้เป็นการเจรจาทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งนี้ หากกัมพูชายกระดับปัญหาไปสู่สากล เราก็พร้อมรับมือ เมื่อถามว่า โดยไม่มีการเข้ามาไกล่เกลี่ยของอาเซียนใช่ไหม นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่มีการระบุบทบาทของอาเซียนในลักษณะนั้น นอกจากการที่ประเทศในอาเซียนสนับสนุนให้ทั้ง 2 ประเทศสามารถพูดุคุย และหาข้อยุติกันได้
เมื่อถามว่า การเจรจาระหว่าง 2 ฝ่ายโอกาสที่จะทำให้สถานการณ์สงบลงได้มากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เวลานี้รัฐมนตรีต่างประเทศเขาก็พูดถึงการนัดหมายประชุมเจบีซีกันอยู่ เมื่อถามว่า รัฐบาลประเมินสถานการณ์ว่า มันจะยืดเยื้อไหม นายกฯ กล่าวว่า เรายังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ เมื่อถามต่อว่า สถานการณ์ตามแนวชายแดนขณะนี้ยังมีการปะทะกันอยู่ไหม นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ยังไม่มีอะไรผิดปกติ ส่วนกรณีที่มีรายงานข่าวว่า เกิดเหตุปะทะกันอีกที่ภูมะเขือนั้น ยังไม่มีรายงาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาไทย-กัมพูชา เคยมีการเจรจากันแล้วแต่ไม่เป็นผล จะมีปัจจัยอะไรอะไรที่ทำให้ 2 ชาติหยุดปัญหาระหว่างกันได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จุดยืนของเราชัดอยู่แล้ว เราไม่ได้ไปรุกรานใคร แต่ถ้าเราถูกรุกล้ำ เราก็ต้องตอบโต้ ฉะนั้น ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องหวาดระแวงว่า เราจะไปทำอย่างอื่น และสถานการณ์ในขณะนี้เราก็ยังไม่มีการพูดถึงการระงับการช่วยเหลือระหว่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ถือเป็นการปะทะกันบริเวณแนวชายแดน และทั้ง 2 ฝ่ายยังคงเฝ้าดูสถานการณ์อยู่
เมื่อถามว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนายกษิต ล้มเหลวการทำหน้าที่การเจรจากับกับกัมพูชาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คิดว่า ปัญหาความขัดแย้งบริเวณแนวชายแดน โดยเฉพาะกรณีปราสาทพระวิหาร ซึ่งเรายืนยันมาตลอดว่า มีปัจจัยปัญหาความตึงเครียดที่เกิดขึ้นจากเรื่องของมรดกโลก เป็นเรื่องที่เราเตือนมาตลอด ว่า ลุกลามได้ และที่ผ่านมา เราได้ดำเนินการที่จะไม่ให้เรื่องนี้เป็นปัญหา แต่ต้องยอมรับว่า ความกดดันที่นำมาสู่ความตึงเครียดคือ ความกดดันที่มรดกโลกไปสร้างไว้กับทางกัมพูชา อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะนำเอาข้อเท็จจริง และหลักฐานไปแจ้งให้มรดกโลกทราบ โดยเฉพาะกรณีที่มีการนำกำลังไปไว้บริเวณตัวปราสาท ซึ่งขัดกับแนวทางของมรดกโลกอย่างชัดเจน
“เราจะนำเสนอให้เห็นว่า ถ้ามีการนำเอาสถานที่ซึ่งเป็นมรดกโลกมาใช้ทางการทหาร มันก็ผิดวัตถุประสงค์ เรายืนยันจุดยืนเดิม ว่า ควรจะระงับการเดินเรื่องเหล่านี้ต่อไว้ทั้งหมด” นายกฯ กล่าวและว่า ตนเองเคยพูดไว้หมดแล้ว ทั้งยูเนสโกและยูเอ็น ตั้งแต่ปีที่แล้วว่า สถานการณ์อย่างนี้อาจเกิดขึ้นได้ เพราะมันมีแรงกดดันต่อกัมพูชาและประเทศไทยในพื้นที่ดังกล่าว อย่างไรก็ตามเราดำเนินการเต็มที่ในทุกเวที ไม่ว่าจะเป็นสหประชาชาติหรือมรดกโลก
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกษิต ยังเหมาะกับการทำหน้าที่เป็น รมว.ต่างประเทศ ต่อไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังดำเนินการตามปกติ เพราะยังมีการพูดคุยกับ รมว.ต่างประเทศกัมพูชา เป็นระยะๆ เมื่อถามว่า มีการกดดันจากทางกองทัพมาหรือไม่ในการทำหน้าที่ของนายกษิต นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มี
เมื่อถามว่า คิดว่าความตึงเครียดตามแนวชายแดนจะอยู่ไปนานแค่ไหน นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลได้มีการหารือปัญหาพื้นที่บริเวณนี้มาโดยตลอด ซึ่งมีทั้งในส่วนของกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ สภาความมั่นคงฯ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเราทราบอยู่แล้วว่า ในพื้นที่นี้มีความเสี่ยงต่อการที่จะมีการปะทะกัน ด้วยเหตุผลความต้องการของกัมพูชาที่เกี่ยวข้องกับมรดกโลก หรือการยกระดับปัญหานี้ และเป็นสิ่งที่เราพยายามดำเนินการหาทางแก้ไขมาโดยตลอด แต่เมื่อมีใช้วิธีการใช้กำลัง เราก็ต้องตอบโต้ มันไม่มีทางอื่น ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เมื่อถามว่า ยิ่งใกล้เปิดเวทีมรดกโลกสถานการณ์จะยิ่งแรงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คงขึ้นอยู่กับท่าทีของยูเนสโกในตอนนี้ว่า ยูเนสโกได้ตระหนักแล้วหรือยังว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นมันเป็นอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ในขณะนี้อยู่ระดับไหน นายกฯ กล่าวว่า ยังอยู่ในระดับที่ถือว่ามีปัญหาปะทะกันบริเวณชายแดน แต่เรื่องอื่นๆ ยังเป็นเรื่องปกติ เมื่อถามว่า นายกฯกับนายกฯฮุนเซน จะได้พูดคุยกันได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เวลานี้ผู้ที่รับผิดชอบงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงมีการติดต่อกันอยู่ ซึ่งผู้นำยังไม่กำหนดที่จะพบกัน
ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะเดินทางไปชายแดนจังหวัดศรีสะเกษนั้น นายกฯ กล่าวว่า ขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งวันนี้ตนได้กำชับไปแล้วอย่าให้มีกรณีที่พี่น้องคนไทยต้องขัดแย้งกันเอง ฉะนั้น ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ดูแลอย่าให้เกิดปัญหาขึ้น
“ผมว่าถ้าพันธมิตรฯ อยากจะไปแสดงความช่วยเหลือก็หารูปแบบที่เหมาะสม ที่ไม่ให้เกิดปัญหากับคนในพื้นที่ ซึ่งออกมาแสดงท่าทีที่ไม่เห็นด้วย น่าจะหาแนวทางที่ตกลงกันได้” นายกฯ กล่าวว่า
เมื่อถามว่า ได้มีการตรวจสอบกรณีที่บุตรชายของสมเด็จฮุนเซน คือ พล.ท.ฮุน มาเนตร รองผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชานำการรบครั้งนี้หรือไม่ นายกฯ เลี่ยงตอบคำถามบอกแต่เพียงว่า “ไม่ขอลงรายละเอียด”