นายกฯ ยังตะแบง อ้าง ยูเนสโกไม่เล่นด้วยข้อเสนอฝ่ายไทยขอเลื่อนแผนบริหารจัดการพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ต่อที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกเป็นสัญญาณที่ดี แต่กระเหี้ยนกระหือรือขอนำเข้าสู่ประชุม ครม.อังคารนี้ จีบปากร้องเขมรอย่ายิงถล่มอีกในห้วงนี้ ย้ำเดินหน้าจัดประชุมจีบีซี
วันนี้ (29 พ.ค.) ที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการการเลื่อนแผนบริหารจัดการพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ของคณะกรรมการมรดกโลก ว่า ขณะนี้ยังเป็นเรื่องที่คณะทำงานจะต้องเสนอตรงนี้ต่อคณะกรรมการมรดกโลกในเดือนมิถุนายน แต่ความเห็นของหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องขณะนี้เห็นพ้องกับไทย นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะผู้แทนเจรจาฝ่ายไทย รายงานว่ามีแนวโน้มไปในทางที่ดี แต่อำนาจในการตัดสินใจที่จะเลื่อนเป็นอำนาจของคณะกรมรการมรดกโลกที่จะพิจารณาในเดือนมิถุนายน ระหว่างนี้ นายสุวิทย์จะนำร่างข้อมติต่างๆ กลับมาให้คณะรัฐมนตรี ได้มีโอกาสพิจารณา อาจทันในวันอังคารนี้ (31 พ.ค.) ก็สามารถพิจารณาได้เลย ถ้าไม่ทัน ก็ยังมีเวลาอีก อีก 1-2 สัปดาห์
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายซกอาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาระบุว่า มรดกโลกยังไม่ได้เลื่อนแผนบริหาร ตามที่นายสุวิทย์บอก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กัมพูชาเขาคัดค้านอยู่แล้ว แต่ขณะนี้ เราต้องเดินหน้าต่อ เพราะที่เราพูดกับยูเนสโกมาตั้งแต่ต้นปี มาเป็นอย่างนี้ และยังคิดว่าขณะนี้เป็นไปในทางที่ดี เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าจะเกิดการปะทะประปรายตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ควรจะมี และเราไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อนอยู่แล้ว และถ้าเกิดเหตุอะไรต่างๆ ก็จะต้องชี้ให้เห็นว่า กัมพูชาพยายามใช้วิธีนี้ตลอดในการที่จะยกระดับของปัญหา
เมื่อถามว่า เรื่องการส่งผู้สำรวจเข้ามาในพื้นที่มีความคืบหน้าแค่ไหน ล่าสุด ทางอินโดนีเซีย ส่งผู้สำรวจเข้ามาทางกัมพูชาแล้ว ตกลงแล้วไทยจะให้ส่งผู้สำรวจเข้ามาก่อนหรือจะให้มีการประชุมก่อนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องการส่งผู้สำรวจเกิดขึ้นก่อนการประชุมได้ แต่จริงๆ แล้วไม่ได้ไปสู่เรื่องผู้สังเกตการณ์ จนกว่าเรื่องการประชุมจีบีซีและเรื่องการถอนทหารจะเดินได้ เมื่อถามว่าจะบอกกับทางพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)อย่างไร ว่าควรจะยุติการชุมนุมได้แล้ว นายอภิสิทธิ์ หัวเราะพร้อมกับกล่าวว่า ตนเองคงไปให้เขายุติไม่ได้ ยืนยันได้แต่เพียงว่ารัฐบาลก็เดินหน้าที่จะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ และการที่จะหนีปัญหาไป โดยการไปถอนตัวจากเวทีต่างๆ ไม่ได้ช่วยอะไร มีแต่จะทำให้ต่างประเทศไปเข้าข้างทางกัมพูชามากขึ้น ฉะนั้น เราต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก่อน และต้องขอความกรุณาว่าเวลาที่พูดจากับประชาชน ขอให้อิงกับข้อเท็จจริง และอย่างน้อยที่สุดยืนยันได้ว่ารัฐบาลไม่ได้มีผลประโยชน์ในทางที่จะไปทำให้ฝ่ายไทยเสียหาย แต่ก็พยายามกล่าวหามาโดยตลอด ทั้งที่ไม่เป็นความจริง
เมื่อถามว่าเหมือนนายกรัฐมนตรี ต้องการสะท้อนไปยังกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าให้ทบทวนจุดยืนของตัวเองใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวยอมรับว่า ตนเองมีความเห็นต่างกับเขา แต่เขาจะเห็นต่างก็เป็นสิทธิ์ และเป็นสิทธิ์ที่จะเคลื่อนไหว แต่ที่กล่าวหากันนั้นไม่จริง ที่บอกว่ารัฐบาลคิดจะไปสมคบอะไรกับกัมพูชา เป็นไปไม่ได้ ถ้าสมคบกันจริงคงไม่ได้ยินเสียงสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ต่อว่า ด่าทอตนเองไม่รู้กี่ครั้ง
เมื่อถามว่า นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางไปให้ข้อมูลกับศาลโลกแล้ว ได้มีการพูดคุยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้คุยกับนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเมื่อคืนที่ผ่านมา (28 พ.ค.) ซึ่งตนก็ติดตามประเด็นที่หยิบยกขึ้นมาต่อสู้อยู่ตลอดก็มีความพร้อม โดยจุดหลักของเราต้องยืนยันว่าจริงๆ แล้ว ศาลไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะมาออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวอะไรทั้งสิ้น ปัญหาเรื่องนี้คำพิพากษาปี พ.ศ. 2505 จบไปนานแล้ว ไทยก็ปฏิบัติไปนานแล้ว กัมพูชาก็ทราบดีว่าไทยปฏิบัติตามไปนานแล้ว ก็จบ เมื่อถามว่า เป็นการต่อสู้ในเรื่องของแง่กฎหมายใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทั้งคู่ ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายผสมผสานกันไป
