“อภิสิทธิ์” เผยมีข่าวดี ผอ.ใหญ่ยูเนสโกเห็นด้วยกับไทยที่ให้เลื่อนการพิจารณาแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหารออกไปก่อนจนกว่าจะปักปันเขตแดนเสร็จ รอ “สุวิทย์” รายงานผลล่าสุดอีกครั้ง ส่วนการประชุมจีบีซีต้องเดินหน้าต่อ แม้เขมรจะยื้อเพื่อทำให้เห็นว่ากลไกของ 2 ประเทศไม่สามารถเดินหน้าไปได้
วันนี้ (27 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการมรดกโลก มีมติเลื่อนการพิจารณาแผนบริหารจัดการของกัมพูชาออกไปว่า ขณะนี้กำลังรอรายละเอียดอยู่ ทราบเบื้องต้นแนวโน้มเป็นไปในทางที่ดี น่าจะมีความเป็นไปได้ว่า มีการตกลงในการที่จะเลื่อนการพิจารณาเรื่องดังกล่าวออกไป เพราะเป็นไปตามที่ฝ่ายไทยได้เสนอมาตลอด ส่วนรายละเอียด จะให้นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าชุดเจรจา ได้รายงานอีกที เพราะเพิ่งประชุมเสร็จเมื่อคืนนี้ 26 พ.ค. ซึ่งเบื้องต้นนายสุวิทย์ ได้ส่งข้อความว่า เป็นไปในทางที่ดี มีข่าวดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวทางต่อไปไทยจะสู้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าในส่วนของมรดกโลก เบื้องต้นคือเมื่อมีการเลื่อนเราก็จะมีการพูดคุยกันต่อว่าปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น ในเรื่องของการปะทะ และเรื่องอื่นๆ สืบเนื่องมาตั้งแต่ปี 2551 มันน่าจะต้องมีการมาทบทวนกันว่าแนวทางที่เหมาะสมควรเป็นอย่างไร ขณะเดียวกัน คงจะต้องไปดูในเวทีอื่นๆ เพราะอย่างลืมว่า เรามีเรื่องของคดีที่ทางกัมพูชาไปร้องศาลโลก
เมื่อถามว่า จะมีการเสนอให้ถอนวาระนี้ออกจากการพิจารณาของคณะกรรมการมรดกโลกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ เวลานี้กำลังรอว่าข้อตกลงที่ได้คุยกันไว้น่าจะได้ข้อยุติ ในรายละเอียดมันคือรูปแบบไหน แต่ที่นายสุวิทย์ รายงานเป็นข้อความสั้นๆ มา คือมีข่าวดี เมื่อถามว่า สุดท้ายแล้วบทสรุปในเรื่องนี้คณะกรรมการมรดกโลกควรจะทบทวนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารอีกรอบหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าในเบื้องต้นเลื่อนการพิจารณาในการประชุมใหญ่ เดือนมิถุนายน และระหว่างเดือนมิถุนายนปีนี้ไปสู่ปีหน้าควรจะมาดูว่า แนวทางที่เหมาะสมควรจะเป็นอย่างไร ก่อนที่จะมีการประชุมใหญ่อีกครั้ง
เมื่อถามว่า ท่าทีของคณะกรรมการมรดกโลกฟังเหตุผลไทยพอสมควร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ฟัง และเราก็พยายามทำงานเรื่องนี้มาต่อเนื่องโดยตลอด โดยตนเองได้มีการพูดคุยกับทางยูเนสโกหลายครั้ง ขณะเดียวกันรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องก็ทำงานหนัก เมื่อถามว่า คิดว่าท่าตัดสินใจตามคำเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรว่าให้ถอนตัวออกจากภาคี วันนี้ผลจะออกมาเป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า บอกตรงๆ ว่า ถ้าเราถอนตัวออกก่อนหน้านี้ เขาก็ต้องฟังความอยู่ข้างเดียว คือจากกัมพูชา และก็จะเดินหน้าต่อ มันก็จะมีความตรึงเครียดมากขึ้น และเราก็จะเสียเปรียบมากขึ้น ฉะนั้นที่เรายืนยันในการเข้าไปชี้แจงในเวทีต่างๆ ตนยังเห็นว่ามีความจำเป็นอย่างมาก และรัฐบาลก็ทำเต็มที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศ รวมถึงการต่อสู่ที่ศาลโลกก็เช่นกัน
เมื่อถามว่า การประชุมจีบีซี จะมีต่อหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องเดินต่อ ไม่ได้ไปผูกกับมรดกโลกอยู่แล้ว แต่ที่เขาให้สัมภาษณ์วันก่อน เข้าใจว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้พูดชัดอยู่แล้ว ที่ไปอ้างว่า เราไม่ดำเนินการ ซึ่งเข้าใจทางกัมพูชาพยายามให้เกิดภาพกลไกสองฝ่ายไม่เดิน หรืออะไรต่างๆ ซึ่งมันไม่จริง และอินโดนีเซียจะยืนยันได้ เมื่อถามว่า ในเมื่อทุกอย่างแสดงให้เห็นว่า 2 ฝ่ายคุยกันได้ จะมีผลต่อศาลโลกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นั้นคือประเด็นที่เรานำเสนอแน่นอน ว่ากลไกเรื่องนี้ เราสามารถที่จะมาแก้ไขได้ในกรอบ ซึ่งมันมีข้อตกลง และกัมพูชาก็มาตกลงกับเราเองในเรื่องของเอ็มโอยู ฉะนั้นมันไม่มีความจำเป็นอะไรที่ศาลโลกจะต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องการแก้ไขปัญหาตรงนี้ ในชั้นนี้
เมื่อถามว่า คิดว่าคนไทยควรจะใช้วิจารณญาณในการรับข่าวสาร เกี่ยวกับเรื่องปราสาทพระวิหารอย่างไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ของให้ติดตามข่าวสารทุกด้าน และต้องเข้าใจถึงสภาพความเข้าใจของต่างประเทศด้วย มันมีมุมมองซึ่งกว้างขวางไปกว่าเรื่องที่เราสนใจกันในส่วนของเราและกัมพูชา ฉะนั้น เราจำเป็นจะต้องเดินแนวทางให้สามารถทำให้ชาวโลกเข้าใจจุดยืนของเราด้วย ซึ่งต้องใช้เวลา เพราะเราเสียเปรียบ มาตั้งแต่กรณีที่รัฐบาลชุดก่อนไปยอมให้เขาขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียว ซึ่งตอนนี้เรากำลังแก้ไข กลับมาเพื่อให้เห็นความชัดเจนว่า มันทำไม่ได้ เพราะยังมีปัญหาเรื่องของเขตแดนอยู่
เมื่อถามว่า โอกาสตรงนี้จะทำให้คนไทย รวมใจเป็นหนึ่งหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอให้คนไทยรวมใจเป็นหนึ่ง เพราะเรื่องนี้ควรมีผลประโยชน์เดียว เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน คือผลประโยชน์ของประเทศ และคนที่ทำงานยืนยันแน่นอนชัดเจนว่าทำงานมีแต่ผลประโยชน์ประเทศไทย เมื่อถามว่า เมื่อคณะกรรมการมรดกโลกถอนการพิจารณาแผนบริหารจัดการของกัมพูชา ก้าวต่อไปของรัฐบาลไทยคืออะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในกรอบมรดกโลกคงเป็นเรื่องการทำความเข้าใจกับกรรมการทั้งหลายว่าเหตุผลที่เดินต่อไม่ได้เพราะมีปัญหาที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง เกิดการปะทะ ฉะนั้นควรจะมีการทบทวนเรื่องทั้งหมดอีกครั้ง
เมื่อถามว่า กัมพูชาคงไม่ยอมคิดว่าเขาจะเดินเกมต่ออย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แน่นอน เราก็ต้องพยายามหาคำตอบซึ่งเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ซึ่งตรงนี้จะต้องคุยกับทางกัมพูชา และยูเนสโกด้วย เมื่อถามว่า ห่วงว่าชายแดนจะกลับมาปะทุอีกรอบหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ควรจะมีเหตุผลอะไรที่จะเป็นอย่างนั้น แต่ถ้ากัมพูชาดำเนินการอย่างนั้น เราก็ต้องปกป้องสิทธิของเรา และต้องให้ชาวโลกเขารู้ว่าที่เกิดปัญหาขึ้นมาไม่ใช่ฝ่ายเรา
ทั้งนี้ มีรายงานว่า คณะผู้แทนเจรจาของไทยซึ่งมีนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธาน ได้พบกับนางอิรินา โบโกวา ผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโก ที่กรุงปารีส เพื่อร่วมหารือปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชา หลังจากเมื่อวานนี้ มีการหารือแบบทวิภาคี แต่หาข้อยุติไม่ได้ โดยไทยขอให้เลื่อนวาระการพิจารณาแผนบริหารจัดการพื้นที่ปราสาทพระวิหารออกจากสมัยประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ 35 ที่จะประชุมระหว่างวันที่ 19-29 มิ.ย.ออกไปก่อน เนื่องจากแผนบริหารจัดการดังกล่าวรุกล้ำอธิปไตยไทย แต่กัมพูชาไม่ยินยอม ผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโกจึงแยกหารือ โดยพูดคุยกับนายสก อาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และวาร์ คิมฮง รัฐมนตรีอาวุโส ซึ่งรับผิดชอบกิจการชายแดนและคณะก่อน จากนั้น จึงพูดคุยกับคณะผู้แทนไทย โดยผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโกเสนอให้เลื่อนการประชุมวาระดังกล่าวออกไป ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของไทย โดยจะให้ 2 ประเทศได้ตกลงเรื่องการปักปันเขตแดนจนเป็นที่พอใจของทั้ง 2 ฝ่ายก่อน และได้เสนอแนวทางนี้แก่กัมพูชาเช่นกัน แต่ทางกัมพูชาไม่พอใจ และจะขอนำเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาก่อน และจะให้คำตอบวันนี้เวลา 09.00 น. ตามเวลากรุงปารีส หรือ 05.00 น.ตามเวลาในไทย