“น.ต.ประสงค์” บอกไทยเสียเปรียบเต็มประตู ถูกสั่งถอนทหารออกพื้นที่ตัวเอง แนะรัฐไทยไม่ควรยอมรับมติศาลโลก ลั่นให้ใช้ทหารผลักดันเขมรออกพื้นที่หากไม่ยอมเจรจา ด้าน “นพเหล่” แหล บอกพร้อมจับมือพันธมิตรฯ-ปชป.ปกป้องอธิปไตย ระบุหากจำเป็นต้องทำตามมติศาลโลก ชี้ไม่อาจคุยกันสองประเทศได้แล้ว เล็งเชื้อเชิญคนนอกเข้าสังเกตการณ์
วันนี้ (23 ก.ค.) น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่ศาลโลกมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ไทยและกัมพูชาถอนทหารออกจากพื้นที่พิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตร ว่า ไทยเสียเปรียบเป็นอย่างมาก เพราะต้องถอนกำลังออกจากพื้นที่ของตนเอง หากทำตามมติของศาลโลก ดังนั้น ไม่ควรที่จะทำตามมติดังกล่าว เพราะเดิมทีไทยได้ประกาศไม่รับมติศาลโลก และไม่ได้อยู่ในภาคีของศาลโลกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2502 แล้ว โดยมีเอกสารยืนยันชัด
โดย น.ต.ประสงค์ยังเสนอแนะว่า ควรสั่งให้ทหารห้ามถอนกำลังออกจากพื้นที่ รวมถึงให้กระทรวงการต่างประเทศประสานไปยังกัมพูชา ว่าหากยึด MOU 2543 ให้มาคุยกันเพียง 2 ชาติให้จบ เพื่อแก้ปัญหาที่ค้างคามานาน แต่หากไม่คุยก็จำเป็นต้องดำเนินการอะไรต่อไป โดยให้ถือว่า MOU ดังกล่าวเป็นการยกเลิก และให้กองทัพประกาศว่าจะยึดพื้นที่ของไทยคืน ผลักดันคนกัมพูชาที่เข้ามาในพื้นที่ทับซ้อนออกจากพื้นที่ภายในเวลาที่กำหนด หากไม่ปฏิบัติตามก็ต้องยอมปะทะ ซึ่งเป็นการตอบโต้เชิงรุกบ้าง หลังจากปล่อยให้กัมพูชาเดินเกมรุกมานาน
ด้าน นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยเกี่ยวกับแนวทางการทำงานของรัฐบาลใหม่ ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับกรณีพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากศาลโลกมีมติคุ้มครองชั่วคราว สั่งให้ถอนทหารออกจากพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ทั้งสองฝ่าย ว่า จำเป็นต้องทำตามมติดังกล่าว จึงเชื่อว่าต่อไปไม่อาจที่จะพูดคุยทั้งสองฝ่ายได้อีกแล้ว และต้องยอมรับให้มีผู้สังเกตการณ์เข้ามาในพื้นที่ดังกล่าว
นายนพดลยังกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาเมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง พยายามที่จะใช้กุศโลบายในการยอมรับให้กับกัมพูชาขึ้นทะเบียนตัวปราสาท เพื่อรักษาประคับประคองไม่ให้เรื่องพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร กลับไปสู่ศาลโลกอีกครั้ง เพราะสุ่มเสี่ยงที่จะเสียไปทั้งหมดเหมือนกับกรณีที่ศาลโลกเคยตัดสินเรื่องตัวปราสาทไปเมื่อปี 2505 แต่หลังจากนี้คงต้องเร่งทำงาน เพราะเชื่อว่าใน 1-2 ปีนี้ ศาลโลกน่าจะมีการตีความคำตัดสินตามที่กัมพูชาได้ยื่นไป หลังจากที่มีการคุ้มครองชั่วคราว ซึ่งหากมีการเจรจาก็มีความเป็นไปได้
อย่างไรก็ตาม นายนพดลยืนยันว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะพยายามปกป้องรักษาอธิปไตยของไทยเหนือพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ไว้ให้ได้ โดยจะเชิญทุกฝ่าย ทั้งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พรรคประชาธิปัตย์ และนักวิชาการอื่นๆ เข้าร่วมทำงานด้วย เพื่อกำหนดเป็นนโยบายของชาติในการปกป้องพื้นที่ต่อไป