“มาร์ค” ยันส่งข้อสังเกตให้ศาลโลกเพื่อตกลงกรอบเวลาส่งเอกสารแจงไม่เกี่ยวเนื้อหาคดีหลัก เผยเขมรยังไม่ติดต่อเจรจา ยันส่งผู้สังเกตการณ์ทหารต้องพ้นพื้นที่ก่อน
วันนี้ (21 ก.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเส้นตายที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ให้ไทยส่งข้อสังเกตเกี่ยวกับคดีปราสาทพระวิหารไปให้ภายในวันที่ 22 ก.ค.ว่า เป็นการขอให้ไทยส่งข้อสังเกตที่เกี่ยวกับการพิจารณาคดี ที่สำคัญคือกรอบเวลาในการส่งคำชี้แจงในคดีหลักที่ยังไม่ได้เริ่มต้นในการให้ส่งคำชี้แจงต่างๆ ยืนยันว่าข้อสังเกตที่จะส่งไปยังไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคดีหลัก เป็นเพียงการตกลงเรื่องกรอบเวลาในการส่งเอกสารไปชี้แจง ซึ่งเท่าที่สอบถามจาก กต.ในคืนวันที่ 20 ก.ค.ได้รับการยืนยันว่าน่าจะใช้เวลาราว 3-4 เดือน เพื่อให้สามารถตัดสินคดีได้ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงองค์คณะ 5 ใน 15 คนภายในเดือน ก.พ.ปี 2555
เมื่อถามถึงการถอนทหารว่าทางกัมพูชาได้ติดต่อมาหรือยังว่าจะเจรจากับไทยเมื่อใด นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่มี มีแต่การพูดเรื่องการเอาผู้สังเกตการณ์จากอินโดนีเซียเข้ามา ซึ่งท่าทีเราก็ยังเหมือนเดิม คือถ้าจะให้ผู้สังเกตการณ์เข้ามา จะต้องให้ออกไปจากพื้นที่ก่อน ซึ่งมุมมองยังไม่ตรงกัน ทั้ง 2 ฝ่ายจึงต้องพูดคุยกันก่อน เมื่อถามว่าจุดยืนฝ่ายไทยต่อการส่งผู้สังเกตการณ์คืออะไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ควรจะต้องคุยขั้นตอนต่างๆให้เรียบร้อยก่อน ไม่ควรจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด เมื่อถามว่าฝ่ายกัมพูชาจะอ้างคำสั่งของศาลโลกเพื่อดึงผู้สังเกตการณ์เข้ามาทันทีได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้ากัมพูชาจะอ้างคำสั่งก็ต้องถอนทหารทันทีก่อน เพราะกัมพูชาเป็นฝ่ายไปขอศาล ศาลก็บอกให้กัมพูชาถอนทหารทันที
เมื่อถามว่า ก่อนที่อินโดนีเซียจะดำเนินการอะไรควรจะถามมาไทยก่อนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในกรอบที่อินโดนีเซียจะดำเนินการ ต้องมีการพูดคุยกันอย่างน้อย 2 ฝ่าย 3 ฝ่าย และอาจรวมไปถึงอาเซียน เมื่อถามว่า แปลว่าเวลานี้กัมพูชายังไม่แสดงท่าทีมาว่าจะคุยกับไทยเมื่อใด นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยัง มีแต่การออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ไทยปฏิบัติ แต่ไม่ได้บอกว่ากัมพูชาจะปฏิบัติหรือไม่และเมื่อใด เมื่อถามว่า ท้ายสุดกัมพูชาจะยอมคุยกับไทยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หนีไม่พ้น เพราะจากการประชุมอาเซียนครั้งสุดท้าย ก็ชัดเจนว่าอินโดนีเซียก็อยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายคุยกัน ส่วนคุยกันแล้วจะมีใครนั่งฟังอยู่ด้วยหรือไม่ เป็นอีกเรื่อง
เมื่อถามการพูดคุยในเวทีอาเซียนควรจะเกิดก่อนมีผู้สังเกตการณ์เข้ามาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้ากัมพูชายืนยันว่าเคารพการตัดสินของศาล ก็ควรจะมาคุยกับไทยเรื่องการถอนทหาร เพราะประเด็นหลักคือการลดความตึงเครียด ความสุ่มเสี่ยงต่อการปะทะกันบริเวณชายแดน เมื่อถามว่า แปลว่าถ้ายังนับหนึ่งเรื่องการพูดคุยกันไม่ได้การส่งผู้สังเกตการณ์เข้ามาก็ยังเป็นเรื่องยาก นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนคิดว่ายังเป็นเรื่องยาก ส่วนการพูดคุยกันจะมีฝ่ายอื่นเข้ามาร่วมรับฟังด้วยหรือไม่ ยังเป็นรายละเอียดที่ควรจะให้ กต.และกห.ไปหารือว่าจะพูดคุยกันในรูปแบบใด และจะทาบทามให้กัมพูชามาพูดคุยกับไทยอย่างไร