ส.ว.ยื่นกระทู้ถามด่วนแนวทางรัฐบาลแก้ปัญหายาเสพติด “เฉลิม” ยันไม่ใช้มาตรการรุนแรง-ฆ่าตัดตอน ชี้ มุ่งลดยา-ลดความต้องการ-สกัดสารตั้งต้น-ปิดตะเข็บชายแดน ด้าน “ประชา” รับมีลักลอบค้าในเรือนจำ จนท.มีเอี่ยว คุมเข้มห้ามนำโทรศัพท์ ขู่เรือนจำใดเพิ่มผบ.ต้องรับผิดชอบ พร้อมเชือดผู้ค้า-ผู้มีอิทธิพลส่ง ป.ป.ช.-ปปง.-ป.ป.ท.จัดการ
ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มี นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธาน ได้พิจารณากระทู้ถามด่วนและกระทู้ถามทั่วไปเกี่ยวกับปัญหายาเสพติด โดยนายอนุรักษ์ นิยมเวช ส.ว.สรรหา ตั้งกระทู้ถามด่วน เรื่องปัญหายาเสพติดกับแนวทางป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ว่า ประเทศไทยเป็นพื้นที่แพร่ระบาดและทางลำเลียงยาเสพติดตามตะเข็บชายแดนถือเป็นปัญหาร้ายแรง ซึ่งรัฐบาลได้พยายามใช้กลยุทธ์เชิงรุกด้วยการกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ แม้จะมีมาตรการป้องกันและปราบปราม แต่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้เพราะการจับกุมแต่ละครั้งไม่สามารถสาวไปถึงผู้ค้ารายใหญ่ได้ รัฐบาลจะมีนโยบายการบังคับใช้กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อจัดการกับปัญหานี้อย่างไร รวมทั้งจะมีแนวทางในการสนับสนุนสถานพยาบาลที่ให้บริการบำบัดรักษาอย่างไร และจะมีวิธีการอย่างไรที่จะไม่ให้ผู้ที่รับการบำบัดแล้วกลับไปเสพยาเสพติดอีก และจะแก้ไขปัญหาการค้ายาเสพติดในเรือนจำอย่างไร
พล.ต.ท.พิชัย สุนทรสัจบูลย์ ส.ว.อุดรธานี ตั้งกระทู้ถาม เรื่องปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในสังคมไทย ว่า จากการติดตามการเดินสายให้นโยบายของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี มีกังวลในการนำไปปฏิบัติ จึงขอเสนอให้การแก้ไขปัญหาเริ่มจากการป้องกันไปสู่การฟื้นฟู และสุดท้ายคือ การปราบปราม ซึ่งการมีคณะกรรมการพลังแผ่นดินแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาลเป็นสิ่งที่ทำถูกต้องแล้วแต่ควรหาแนวทางทำให้เกิดแนวร่วมภาคประชาชนเข้ามาร่วมแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ หาก ร.ต.อ.เฉลิม ทำงานด้านการปราบปรามมานาน แต่ยังมียศเพียง ร.ต.อ.ถ้าทำเรื่องนี้สำเร็จน่าจะเลื่อนเป็น พล.ต.ต.ก็ได้ ขณะที่ นายเจริญ ภักดีวานิช ส.ว.พัทลุง ตั้งกระทู้ถาม เรื่อง แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในกลุ่มเด็ดและเยาวชน ว่า เป็นปัญหาที่กระทบกับเยาวชนโดยตรง ดังนั้น รัฐบาลจะแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดในสถาบันการศึกษาโดยเฉพาะจำนวนคดีที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด ชี้แจงว่า ขอยืนยันแนวทางในการแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาลว่าจะไม่ใช้ความรุนแรง รัฐบาลต้องการมาทำงานไม่ได้ต้องการมาสร้างรัฐตำรวจ มั่นใจว่าตำรวจมีความเข้าใจปัญหานี้มากกว่าอาชีพอื่น แต่ต้องบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 6 กระทรวง 20 กรม เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหา ส่วนแนวทางแก้ไขปัญหาจะสามารถลดปริมาณ และลดแหล่งผลิตยาเสพติด โดยป้องกันตั้งแต่การขนส่งยาเสพติดบริเวณตะเข็บชายแดน ป้องกันการขนย้ายสารตั้งต้น การสกัดกั้นช่องทางลำเลียงขนส่งยาเสพติดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ มาตรการจะต้องดำเนินการไปพร้อมกับการระวังป้องกัน การรณรงค์ให้เห็นโทษของยาเสพติดร่วมไปกับการบำบัดรักษาการปราบปรามต้องทำเด็ดขาดโดยยึดหลักนิติรัฐนิติธรรม แต่ไม่ถึงกับยอมอ่อนน้อมกับผู้กระทำความผิด
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า รัฐบาลจะพยายามทำความเข้าใจกับองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ถึงความกังวลในยุคที่ตนรับผิดชอบในการปราบปรามยาเสพติดยืนยันว่าจะไม่มีการฆ่าตัดตอน ส่วนการดำเนินคดีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้เตรียมการใช้กฎหมายในการดำเนินคดีและยึดทรัพย์ผู้กระทำความผิด โดยจะใช้ทั้งวิธีกดดันให้ผู้กระทำความผิดเห็นว่ารัฐบาลเอาจริงและพร้อมขยายผลด้วยการยึดทรัพย์ รวมถึงหาแนวทางโยงไปถึงผู้กระทำความผิดรายใหญ่ สำหรับการบำบัดจะใช้วิธีให้ชุมชนช่วยบำบัดโดยจะจัดงานให้ความรู้กับชุมชนในการช่วยบำบัด ทั้งนี้เพื่อให้ชุมชนยอมรับผู้ที่ได้รับการบำบัดแล้วกลับมาอยู่ร่วมในชุมชนได้ ส่วนมาตรการแก้ไขปัญหาในสถานศึกษาจะเสนอให้ตั้งศูนย์บำบัดและแก้ไขปัญหาโดยร่วมมือกับกลไกภายนอกดูแลเยาวชนกลุ่มเสี่ยง
ขณะที่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า จะต้องพยายามแก้ไขปัญหาการติดยาในเรือนจำให้ได้เพื่อลดปริมาณความต้องการยาเสพติดในเรือนจำ ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีการลักลอบค้ายาเสพติดในเรือนจำและมีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของยาเสพติดในเรือนจำ ซึ่งจะมีมาตรการและเข้มงวดกวดขันกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ หากพบว่ามีเรือนจำใดมีการแพร่ระบาดมากขึ้นไม่ลดลงจะใช้มาตรการทางปกครองให้ผู้บังคับบัญชาของเรือนจำรับผิดชอบ นอกจากนี้ได้เร่งรัดการบริหารจัดการทุกด้านให้มีประสิทธิภาพ ทั้งการปรับปรุงสภาพเรือนจำ การแยกประเภทเรือนจำเพื่อดูแลผู้ต้องหายาเสพติดที่มีสภาพความมั่นคงสูง การติดตั้งเครื่องมือเฝ้าระวังผู้ต้องขังสำคัญ รวมถึงการสกัดกั้นการนำโทรศัพท์มือถือเข้าไปในเรือนจำ สำหรับการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและนักค้ายาเสพติดรัฐบาลจะดำเนินการในเชิงบูรณาการในการปฏิบัติ การข่าว การสืบสวนสอบสวนเพื่อค้นหาเครือข่ายทั้งภายในและภาคนอกเรือนจำโดยจะขยายผลไปถึงการยึดทรัพย์ โดยใช้กลไกของกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ด้วย