xs
xsm
sm
md
lg

ยึด"แม้วโมเดล"สู้ยานรก 1ปีต้องลด80 %-"เหลิม"ลั่นยึดทรัพย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (11 ก.ย.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดปฏิบัติการวาระแห่งชาติ "พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด" โดยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล รมว.ศึกษาธิการ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบก พล.ท.อุดมเดช สีตะบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รักษาการ ผบ.ตร. และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึง พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตรมช.มหาดไทย มาร่วมประชุมด้วย
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวเปิดปฏิบัติการวาระแห่งชาติ “พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด” ว่า ปัญหายาเสพติด เป็นปัญหาของคนไทยทั้งประเทศ โพลระบุให้รัฐบาลแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน เพราะปัจจุบันยาเสพติดเพิ่มขึ้นเร็ว เห็นได้จากตัวเลขในปี 2550 มีผู้เสพ 490,000 ราย แต่กลับเพิ่มขึ้น 3 เท่าภายใน 4 ปี ซึ่งพื้นที่เป้าหมายมี 6 หมื่นกว่าหมู่บ้าน จาก 8 หมื่นกว่าหมู่บ้าน
ดังนั้น เราต้องคืนลูกหลาน 4 แสนกว่ารายให้กลับมาเป็นคนดีของสังคม ตนเป็นแม่และเห็นข่าวยาบ้าที่ขายกันทั่วตลาด วันนี้ดีใจที่พ่อแม่บางคนได้ลูกกลับคืนมา เราต้องรวมพลังนำคนป่วยกลับคืนเป็นคนดี
นส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่าปัญหานี้รัฐบาลถือว่าเป็นวาระแห่งชาติ และสนองพระราชเสาวนีย์ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 12 ส.ค. ที่ทรงชี้ให้เห็นถึงภัยอันตรายของปัญหานี้ รัฐบาลและทุกภาคส่วนได้น้อมนำมาปฏิบัติ และข้อห่วงใยของพระองค์ท่านนั้น รัฐบาลได้กำหนดเป็นนโยบบายและวาระแห่งชาติ ภายใต้ปฏิบัติการวาระแห่งชาติ พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด โดยต้องลดให้ได้ภายใน 1 ปี โดยทุกฝ่ายต้องทำงานแบบบูรณาการเป็นระบบ และจะต้องลดความรุนเเรงให้ได้ 80 %

** ยึด"แม้วโมเดล"แก้ยาเสพติด
" ปัจจัยที่เคยทำมาสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 6 ประการคือ 1. ยึดพื้นที่เป็นฐาน เพื่อแบ่งพื้นที่ดูแลสอดส่อง 2. มอบบทบาทความรับผิดชอบร่วม 3. เชื่อมระบบข้อมูลผู้ค้าและกลุ่มเสี่ยงจากอำเภอและจังหวัดมายังส่วนกลาง 4. แยกกลุ่มผู้เสพที่บำบัดได้ 300,000 ราย 5. กำหนดกลไกการทำงานของศูนย์อำนวยการที่สั่งการไปยังภูมิภาค 6. มีเจ้าภาพที่ชัดเจน" นส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ฉะนั้นรัฐบาลนี้จะนำผลโพลมาประมวล และประยุกต์เข้ากับแผนปฏิบัติการครั้งนี้ โดยมี 6 ประการคือ
1. เสริมสร้างพลังแผ่นดินฯ เน้นชุมชนและหมู่บ้านที่ต้องนำพลังจากทุกภาคส่วนและน้อมนำพระราชเสาวนีย์ฯ เป็นหลักปฏิบัติมาประมวล พัฒนาเครือข่ายเฝ้าระวังทั่วประเทศ เน้นหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ขยายกองทุนแม่แห่งแผ่นดิน
2. การแก้ปัญหาผู้เสพ หลักสำคัญ คือต้องถือว่าผู้เสพคือคนไข้ที่ป่วย รัฐบาลต้องการเห็น 400,000 คน กลับคืนเป็นคนดีของสังคม โดยแบ่งการบำบัดเป็น 3 ระดับ คือ ผู้ป่วยหนัก ปานกลาง และเล็กน้อย โดยผู้ป่วยหนักและปานกลางต้องร่วมมือกับโรงเรียนวิวัฒน์พลเมือง ของกองทัพบก และกระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุขต้องบำบัดรักษา ส่วนผู้ป่วยเล็กน้อย จะให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมบูรณการให้หายขาดและฟื้นฟู ให้ความรู้ และสร้างอาชีพใหม่ให้มีงานทำ
3. การป้องกันพื้นที่กลุ่มเสี่ยง โดยจะมองพื้นที่จาก 8 หมื่นกว่าชุมชนให้เหลือ 6 หมื่นชุมชน โดยจัดพื้นที่ว่างเปล่าในพื้นที่กลุ่มเสี่ยงมีลานกิจกรม และกีฬาทดแทนไม่ให้กลุ่มเสี่ยงไปค้ายาเสพติด
4. การปราบปรามผู้ค้ายาเสพติด และผู้ทรงอิทธิพลที่ยึดหลักนิติธรรม มาตรการทางกฎหมายต้องเป็นไปอย่างยุติธรรม จริงจังเข้มงวด ตนขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการขั้นตอนที่ยากลำบาก
5. ส่งเสริมความร่วมมือกับต่างประเทศ และชายแดนในการป้องกัน ป้องปรามขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ และนำสารตั้งต้นเข้ามาในประเทศ การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องไม่พัวพันกับยาเสพติดเด็ดขาด และขอให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาและใช้มาตรการทางปกครองวางไว้เป็นภาพรวม และพยายามกำจัดปริมาณการค้ายาเสพติดข้ามชาติจากทุกแหล่ง 6. ดึงผู้ป่วย 4 แสนกว่ารายมารักษา ตรงนี้จะเป็นการลดปริมาณการค้าขายยาเสพติดจะทำให้ทำงานง่ายและเป็นระบบ

** มอบ"เหลิม"ผอ.ศูนย์พลังแผ่นดินฯ

นส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนเป้าหมายนั้น รัฐบาลกำหนดไว้ 6 ประการคือ 1. ลดปัญหายาเสพติด และสร้างความเข้มแข็งให้กับ 6 หมื่นชุมชน ลดจำนวนผู้เสพและผู้ป่วย โดยจูงใจเข้าบำบัด 4 แสนรายทั่วประเทศ มันจะลดความต้องการยาเสพติดในตลาดทันที มีมาตราการเฝ้าระวังไม่ให้ผู้ป่วยกลับไปเสพยาเสพติดอีก ขั้นต่ำร้อยละ 80 ลดพื้นที่เสี่ยง และเฝ้าระวังทุกจังหวัด ลดปริมาณยาเสพติดตามจังหวัดชายแดน ปรับระบบการบริหารจัดการให้บูรณการ เป็นเอกภาพ
2. เพื่อให้เป้าหมายขับเคลื่อนเป็นเอกภาพ กำหนดให้มีศูนย์อำนวยการระดับชาติจากส่วนกลาง คือ ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ (ศพส.)ทำงานร่วมจากกระทรวง จังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และแนวชายแดน ส่วนระดับชุมชนนั้นขอให้ผู้ว่าฯ และอำเภอจัดตั้งศูนย์พลังแผ่นดินที่มีหน้าที่รวบรวมส่งข้อมูลมาให้ส่วนกลาง โดยส่งข้อมูลระดับพื้นที่ให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ในฐานะผอ.ศูนย์ ฯ
3. จัดโครงสร้างอำนาจหน้าที่ การให้คุณและโทษกับเจ้าหน้าที่
4. ยึดพื้นที่และการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายและทุกภาคส่วน เพราะพื้นที่เป็นสิ่งสำคัญให้ข้อมูล โดยข้าราชการระดับสูงในจังหวัดเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนนี้แบบบูรณาการ และจะไม่สำเร็จหากพื้นที่ไม่ให้ข้อมูลขึ้นมา ขอให้ทุกส่วนราชการและท้องถิ่นถือเป็นภารกิจเร่งด่วน เพื่อสนับสนุนศปส.ทุกระดับ
5. ขอให้ป.ป.ส.ทำหน้าที่เร่งรัดอำนวยการสนับสนุนศ.ป.ส.
6.ขอให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณลงไปให้ทุกระดับ เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น
ปัญหานี้ทำลายสังคม เศรษฐกิจ เเละอนาคตของลูกหลานเยาวชน หากวันนี้ได้ 4 แสนคนกลับคืนมาให้สังคม จะเป็นพลังและตัวแทนในการแก้ปัญหา จึงขอฝากไว้ว่า ขอให้ทุกฝ่ายกลับไปวิเคราะห์ต้นเหตุปัญหา และสาเหตุเยาวชนที่ติดยาเสพติด เพราะเป็นตัวเลขที่น่าใจหาย เยาวชนที่ติดยาเสพติดคือ อายุ 16-24 ปี กลุ่มนี้เป็นกำลังของชาติ ฉะนั้นทุกฝ่ายต้องทำงานนี้ และควรเข้าใจรากปัญหาทั้งหมด ภายใต้คำว่า อยากเห็นคนกลุ่มนี้กลับคืนสังคมไทย การประกาศเจตนารมณ์ครั้งนี้ เป็นวาระของชาติที่แท้จริง ดิฉันขอบคุณทุกภาคส่วนที่มารวมพลังร่วมแก้ไขปัญหา ปฏิบัติการครั้งนี้จะไม่สำเร็จหากทุกคนไม่ร่วมมือ" น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว

** สกัดการ ซื้อ-ขาย จากเรือนจำ

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเพื่อเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ (ศพส.) กล่าวว่า รัฐบาลตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า 1 ปี จะลดยาเสพติดให้ได้
ดังนั้น ตนตั้งใจว่าประการแรกจะต้องลดปริมาณยาเสพติด และกลุ่มเสี่ยงให้ได้ โดยเฉพาะในสถานบริการ ล่าสุดก็ได้พูดคุยกับเลขาธิการ ป.ป.ส.และกลั่นเอาแนวคิดแนวทางเอาไว้แล้ว ที่สำคัญคือจะให้มีการคงหน่วยงาน ปส.315 ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่รัฐบาลชุดที่ผ่านมา เพราะมีความจำเป็นจะต้องเอาไว้ช่วยงานเรื่องยาเสพติด เนื่องจากหน่วยงานเหล่านี้มีความรู้ความสามารถ
นอกจากนี้ หน่วยงานอย่าง กรมราชทัณฑ์ จะต้องเอาจริงเอาจัง เพราะในสมัยหนึ่ง ตนได้เคยไปพบกับหลานชายของนายเหว่ย เซียะ กัง พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ ซึ่งได้บอกว่า เหว่ย เซียะ กัง ได้จ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่ไทย 30 ล้านบาท ซึ่งไม่ได้บอกว่าจ่ายให้กับใคร แต่ได้ทำให้ตรวนที่ผูกเอาไว้ที่ข้อเท้านายเหว่ย เซียะ กัง หลุดออก และพ้นจากการถูกจองจำในประเทศไทยเมื่อไม่กี่ปีที่แล้วได้
" ผมไม่โทษใคร แต่วันนี้เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นอีก และเราต้องแก้ไขปัญหาให้ถูกจุดโดยเฉพาะในเรือนจำที่มีข่าวว่ามีการสั่งการให้ซื้อขายยาเสพติดจากในเรือนจำ หากท่านไม่สามารถตัดสัญญาณโทรศัพท์ หรือห้ามไม่ให้มีการขายโทรศัพท์ในเรือนจำได้ ท่านก็ควรจะดักฟังไปเลย" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

**ปิดตะเข็บชายแดนภาคเหนือ

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า สำหรับมาตรการปิดรอยตะเข็บชายแดนนั้น พบว่าในพื้นที่ จ. เชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เป็นจุดที่มียาเสพติดผ่านทั้งหมด 70 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือมาจากทางอื่น ดังนั้นผู้เกี่ยวข้องต่างๆ ต้องไปจัดการปิดตะเข็บชายแดนให้เรียบร้อย หากวันนี้เรามีการตั้งด่านอยู่ 80 ด่าน ก็ขอให้เพิ่มเป็น 200 ด่าน และต้องขอร้องผบ.ทบ.ว่า ด่านที่เราตั้งเอาไว้บริเวณชายแดน จ.เชียงราย หากวางยุทธศาสตร์และยุทธวิธีกันดี เอาลวดหีบเพลงไปวางในแม่น้ำสาย จ.เชียงราย ให้ได้ทั้งหมด เราก็ไม่ต้องมารุ่มร่ามยุ่งยากในชุมชน และในพื้นที่ กทม.เรื่องยาเสพติดอีก
นอกจากนี้ ยังต้องมี มาตรการสกัดสารตั้งต้นที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน ต้องขอร้องกระทรวงสาธารณสุข ให้ไปหาหนทางควบคุมการนำเข้ายาแก้หวัด และยาแก้ไอให้ได้ เพราะที่ผ่านมา เรามีการนำเข้ากันมากมายจนดูเหมือนว่าไม่สามารถควบคุมอะไรได้

** ผุดศูนย์พลังแผ่นดินทุกหมู่บ้าน

ส่วนมาตราการการป้องกันนั้น การที่จะมีศูนย์พลังแผ่นดินอยู่ทุกหมู่บ้าน ตำบล อำเภอและจังหวัด โดยตนกราบขอร้องเลยว่า ขอให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัด และผู้ว่าฯ ให้เดินไปด้วยกันในการแก้ไขปัญหา เพื่อให้ได้ผล ทางตำรวจต้องรู้ว่าในพื้นที่สถานบริการใด เจ้าของสถานบริการไปตั้งโต๊ะให้ขายยาไอซ์อยู่ ก็ต้องดำเนินการให้หมด หากทำแล้วกลุ่มพวกนี้จะไม่สามารถขายได้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ในส่วนของมาตรการบำบัดฟื้นฟูนั้น ตนได้แจ้งไปยัง รมว.กลาโหม และ รมว.ยุติธรรม ขอให้ไปตรวจดูผู้ต้องโทษเรื่องยาเสพติดทั้งในคุกทหาร และเรือนจำของกรมราชทัณฑ์ หากคนใดมีพฤติกรรมดี ก็ให้เอามาเข้าโรงเรียนวิวัฒน์พลเมือง เพราะวันนี้เรือนจำมันล้นแล้ว ก็ต้องเอาออกมา หากเป็นผู้หญิงก็จะใช้ตำรวจหญิงพลร่มในการดูแล หรือหากเป็นผู้ชาย ก็จะใช้ทหารในการควบคุม

** อ้างยุคแม้วไม่มีการฆ่าตัดตอน

ผู้อำนวยการ ศพส. กล่าวว่า จะมีมาตรการปราบปรามที่จะยึดหลักนิติรัฐ และนิติธรรม ซึ่งในสมัยรัฐบาลที่ผ่านมา กล่าวหากันว่ามีการฆ่าตัดตอน แต่ผลการสอบสวนตามที่รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้สั่งให้มีการสอบสวนทั้งหมด พล.อ.สุรยุทธ์ ได้แถลงผลการสอบสวนเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ที่กระทรวงมหาดไทย ในสมัยที่ พล.อ.สุรยุทธ์ ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีชัดเจนว่า ไม่มีการฆ่าตัดตอนแม้แต่คดีเดียว
นอกจากนี้ คณะกรรมการสอบสวนชุดที่ พล.ต.อ.จงรัก จุทานนท์ อดีตรอง ผบ.ตร. ตั้งขึ้นมาอีกคณะหนึ่งก็ระบุเหมือนกันว่า ไม่มีการฆ่าตัดตอน และดูเหมือนจะมีเรื่องเดียวที่ตำรวจไปเกี่ยวข้องคือ กรณีที่อดีตตำรวจ สน.บางชัน ไปยิงรถคนร้ายค้ายาเสพติด แล้วแฉลบไปถูกลูกของคนร้ายหรือน้องฟลุ๊ค ที่อยู่ในรถด้วยเสียชีวิต

** งัดมาตรการยึดทรัพย์มาใช้

" สำหรับผม ผมจะใช้หลักละมุนละม่อม แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบใดก็ตาม ก็คงจะไม่ถึงกับต้องเอาผ้าขาวไปกราบว่า ขอจับเถอะนะ แต่การปราบปรามแบบผม จะดำเนินการควบคู่กับการยึดทรัพย์ ซึ่งป.ป.ง.และป.ป.ส. จะต้องเข้ามาช่วยเหลือรัฐบาลให้มากขึ้น หากใครค้ายาเสพติด ก็ต้องรู้เลยว่าเงินที่ได้มาทั้งหมดจะต้องถูกยึดทรัพย์ นอกจากนี้ ผมก็จะดำเนินการประสานงานกับต่างประเทศ ที่ได้คิดเอาไว้ว่าจะเอา ป.ป.ส. ทุกหน่วยงานไปอยู่ในประเทศเป้าหมายที่ทุกคนรู้ว่ามีเพียงประเทศเดียว ที่ทำให้เกิดปัญหายาเสพติดในประเทศไทย และหากผมไปเจรจาให้ประเทศนั้น ลดราวาศอกเรื่องยาเสพติดกับประเทศเราไม่สำเร็จ ผมก็จะฟ้องร้องต่อโลก โดยจะมีการร้องเรื่องนี้กับองค์การสหประชาชาติ" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
นอกจากนี้ จะมีการบริหารจัดการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยตนจะลดนโยบาย ลดยุทธศาสตร์ แล้วใช้ปฏิบัติการมานำทั้งหมด ซึ่งสุดท้ายจะต้องมีความเด็ดขาดและการสอบสวนจะต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 30 วันทุกกรณี ไม่ใช่ขยายเวลาการสอบอยู่เรื่อยไป
อย่างไรก็ตาม จากนี้อีก 10 วัน ตนจะประชุมป.ป.ส. หลังจากนั้นก็จะลงพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ซึ่งต้องขอความกรุณาแม่ทัพนายกองทั้งหลายว่า ขอให้ให้การสนับสนุนตนด้วย และต่อจากนี้ไปตนจะพูดเรื่องการเมืองให้น้อยลง จะมาทำเรื่องยาเสพติดให้มากขึ้น
" กองบัญชาการกองทัพบก ต้องช่วยผมด้วย เพราะผมเคยเป็นกำลังพลของกองทัพบกมา เคยอยู่กองทัพบกมา 7 ปี ก่อนที่จะย้ายมาเป็นตำรวจ ดังนั้นผมถือเป็นคนของทั้งกองทัพบก และตำรวจ ครั้งนี้หากผมทำผิดพลาด ท่านทั้งหลายก็ต้องรับผิดชอบร่วมกับผมด้วย ในทางการเมือง ผมอาจจะดูแล้วไม่น่ารัก ดูแล้วน่าหมั่นไส้ แต่อย่าโกรธผมเลย ผมไม่เคยทุจริต ผมขอฝากเนื้อฝากตัวเอาไว้กับท่าน ผมยืนยันว่าจะตั้งใจทำงาน ไม่มีเรื่องการหาผลประโยชน์ ไม่มีการทุจริต ถ้าทุจริตขอให้ผมวิบัติหายนะ แต่ถ้าผมทำสำเร็จ ผมไม่ขออะไรมาก แค่ขอรัฐบาลชุดนี้ครบ 4 ปี แล้วอีก 4 ปีอีก 4 ปี รวมเป็น 12 ปี เท่านั้นก็พอ" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

** มท.1 จี้ ชุมชุมให้ความร่วมมือ
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวว่า ในฐานะที่เคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด และปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้มีประสบการณ์ละเอียด ทั้งนี้ ในประเทศไทยนั้นเริ่มต้นด้วยหมู่บ้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สายตรวจตำรวจ อสม. ซึ่งเขาทราบเป็นอย่างดีว่า บ้านหลังไหนเป็นผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้เสพ ไม่มีใครไม่ที่ไม่ทราบ สำคัญที่นโยบายรัฐเอาจริงในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ เชื่อมั่น 3 เดือนเห็นผล 1 ปี ลดเหลือน้อยที่สุด หลักการคือให้ ผู้นำชุมชนตั้งกลุ่มตาสับปะรด สามารถฉายทุกพื้นที่ว่าทำอะไรอยู่ แยกผู้เสพออกมาบำบัดรักษา นายอำเภอต้องบูรณาการแผนอำเภอ กระทรวงมหาดไทย ก็บูรณาแผนทั้งประเทศ จะไม่เหลือคนทำผิดในอดีตเราไม่เคยใช้ อปท.เข้ามาใช้ในเรื่องนี้เลย ซึ่งเขาจะช่วยเรื่องศูนย์เยียวยา สธ.ช่วยเรื่องแพทย์บุคลากร ทำเรื่องนี้สำเร็จแน่นอน ร้อยละร้อย 76 จังหวัดจะปลอดยาเสพติดตรงตามพระราชดำรัสของแม่แห่งแผ่นดิน

**โครงการ"ทูบีนัมเบอร์วัน" ช่วยบำบัด
นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า เรื่องผู้เสพใหม่ ทางสาธารณสุขได้เตรียมมาตรการรองรับทั้ง โรงพยาบาล บุคลากร อสม. ซึ่งอสม.จะช่วยเฝ้าระวัง เราคาดหวังไม่ให้กลุ่มใหม่ผู้เสพใหม่ โดยจะใช้โครงการทูบีนัมเบอร์วันช่วย จะตั้งมั่นนโยนบายฟื้นฟูให้ชุมชน ครอบครัว รพ.ศูนย์ จะมีการประสานทุกส่วนให้นโยบายที่นายกรัฐมนตรีให้ไว้มีความชัดเจน

** อย่าให้มีจนท.รัฐเกี่ยวข้องยาเสพติด

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม กล่าวว่า เพื่อให้นโยบายปรามปรามยาเสพติดมีประสิทธิภาพ กลาโหมจะสนับสนุน และปฏิบัติการปราบปรามอย่างเต็มขีดความสามารถ จะมีนโยบายให้ทุกกองทัพ พัฒนาบทบาทปรับปรุงตามแผนรัฐบาล ทหารทุกคนต้องดำเนินการให้ชุมชนทหารเป็นเขตปลอดยา สนับสนุนนโยบายรัฐ โดย
1. ป้องกันไม่ให้กำลังพลมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องยา พัฒนาคุณภาพชีวิตกำลังพล จัดสวัสดิการเพียงพอ และเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐต้องดำเนินจริงจังและเด็ดขาดไม่หวั่นอิทธิพล
2. ข่าวกรองด้านยาเสพติด ทหารจะต้องเพิ่มเป้าหมายยาเสพติดให้เหมาะสมสถานการณ์ ปลูกฝังจิตสำนึก สอดส่องเกี่ยวกับยาเสพติด ข่าวยาเสพติดทั้งในและนอกประเทศ
3. สกัดการนำเข้า ส่งออกยาเสพติดตามแนวชายแดน ส่งเสริมความเข้มแข็งหมู่บ้าน ชุมชนชายแดน ตั้งจุดตรวจสกัด เสริมสร้างชุดสุนัขทหารให้ตรวจค้น
4.สนับสนุนกระทรวงมหาดไทย พัฒนาหมู่บ้านแม่ของแผ่นดิน อย่างเต็มที่
5. สนับสนุนบำบัดรักษาผู้ติดยา เตรียมความพรี้อมเจ้าหน้าที่ สถานที่เพื่อรองรับผู้ติดยา โดยโครงการวิวัฒน์พลเมือง ขยายขีดความสามารถนักเรียนให้ได้ตามเป้าหมาย 3 หมื่นคน และ
6. ผบ.ทุกระดับ จะต้องให้ความสำคัญกับปัญหายาเสพติด ถือเป็นวาระแห่งชาติ

** ลั่นกวาดล้างยเสพติดในเรือนจำ

พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรม ได้กำหนดแนวทางไว้ 5 ประการ คือ
1. จะยังไม่ใช้มาตรการที่เข้มงวด แต่จะเป็นการให้โอกาส เช่น นำผู้เสพมาบำบัดฟื้นฟู นอกจากนี้กำหนดให้มียุติธรรมจังหวัด โดยการรวมองค์กรยุติธรรมในจังหวัดเข้ารวมกันและจะเป็นแกนกลางในการประสานงานกับองค์กรต่างๆในพื้นที่ เพื้อแก้ไขปัญหา และการนำกระบวนการทางเลือก มาใช้ในการปราบปราม
2. การนำหลักนิติธรรมมาใช้อย่างจริงจัง โดยเน้นการทำงานกับเครือข่ายแนวร่วมกับกรมที่ทำงานให้กับกระทรวงยุติธรรม ป.ป.ส., ป.ป.ช., ป.ป.ง.และกรมคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และจัดการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด
3. ในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่บำบัดรักษาและฟื้นฟู จะสนับสนุนหน่วยงานต่างๆในพื้นที่ในแก้ไขยาเสพติด
4. จะมอบหมายให้กรมราชทัณฑ์แก้ไขปัญหายาเสพติดในเรือนจำอย่างเข้มงวด
5. กระทรวงยุติธรรมจะดำเนินการบูรณาการงานผ่านหน่วยงานต่างๆ เช่น สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

** "เพรียวพันธ์"จัดชุดปฏิบัติการลุยเหนือ
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะรักษาราชการแทน ผบ.ตร.กล่าวว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้สั่งกำชับไปยังทุกกองบัญชาการแล้ว ทั้งกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และกองบัญชาการระภูธรภาคต่างๆ ให้เข้มงวดขึ้น
ส่วนการปราบปรามในเชิงลึก ตำรวจได้ดำเนินมาก่อนหน้านี้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีการจัดตั้งชุดปฏิบัติการทั้งหมด 18 ชุด โดยเป็นชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก บช.ภ.5 – 6 ทั้งนี้เจ้าหน้าที่หนึ่งชุด จะมีเจ้าหน้าที่ 17-18 นาย ที่จะระดมปราบปรามในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคเหนือ ประกอบด้วย จ.เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีการลำเลียงยาเสพติดจากแนวชายแดน เข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ เบื้องต้นจะต้องเห็นผลภายใน 3–4 เดือน ซึ่งต่อจากนี้จะมีการดึงเจ้าหน้าที่จากกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) เข้ามาช่วยประกอบกำลังด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น