กาญจน์ระดมสมอง “เอาชนะยาเสพติด” สนองนโยบายรัฐบาล

กาญจนบุรี - จังหวัดกาญจนบุรี ระดมสมองประชุมปฏิบัติการวาระแห่งชาติ “พลังแผ่นดิน เอาชนะยาเสพติด” สนองนโยบายรัฐบาลสู่การปฏิบัติ

เมื่อเวลา 14.30 น.วันนี้ (12 ก.ย.) ที่บริเวณห้องประชุมแควน้อย ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี นายณฐพลษ์ วิเชียรเพริศ ผวจ.กาญจนบุรี พร้อมด้วย นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ รอง ผวจ.กาญจนบุรี ว่าที่ร้อยตรี เชิดศักดิ์ จำปาเทศ รอง ผวจ.กาญจนบุรี เป็นประธานการประชุมเพื่อระดมสมองปฏิบัติการวาระแห่งชาติ “พลังแผ่นดิน เอาชนะยาเสพติด” สนองนโยบายรัฐบาลสู่การปฏิบัติ โดยมี ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ สาธารณสุขจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนมาก

นายณฐพลษ์ วิเชียรเพริศ ผวจ.กาญจนบุรี กล่าวว่า ด้วยในทศวรรษที่ผ่านมา ปัญหายาเสพติดที่เคยแพร่ระบาดอย่างหนัก ได้ถูกขจัดให้หมดไปอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ไม่เป็นภัยคุกคามต่อการดำรงชีวิตตามปกติสุขของประชาชนแล้วนั้น ในปัจจุบันได้หวนกลับคืนมาสร้างความทุกข์เดือดร้อนแก่ประชาชนในทุกพื้นที่ และได้ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น จนเป็นวิกฤตสำคัญของชาติบ้านเมืองอีกครั้งหนึ่ง

ซึ่งรัฐบาลในปัจจุบันโดยการนำของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 154/2554 เรื่อง ยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด โดยถือเป็นวาระแห่งชาติ ที่ทุกภาคส่วนในสังคมจะต้องมีความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจ เร่งแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังและต่อเนื่อง

ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินงานเอาชนะยาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ที่ผ่านมา เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และบังเกิดผลในทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมโดยเร็ว วัตถุประสงค์เพื่อยุติสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดที่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงและความสงบสุขของประชาชนและสังคมให้ได้อย่างรวดเร็ว ต่อเนื่องและยั่งยืน

มาตรการในการปฏิบัตินั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งการเสริมสร้างพลังของแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด โดยมุ่งเน้นการดำเนินงานตั้งแต่ระดับชุมชนและหมู่บ้านทุกแห่งในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ให้ทุกคนได้ตระหนักถึงภัยของยาเสพติด ช่วยกันสร้างชุมชนและหมู่บ้านของตนให้เข้มแข็ง โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้อเป็นแกนหลักร่วมกับกลุ่มพลังมวลชน อาสาสมัคร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำทางธรรมชาติ และองค์กรภาคประชาชนในการจัดเวรยาม เฝ้าระวัง ตรวจตราความสงบเรียบร้อย และป้องกันการนำยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่

พร้อมกันนี้ ให้หน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนช่วยกันสร้างพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดภายในองค์กรของตน แล้วขยายความต่อเนื่องไปยังชุมชน หมู่บ้าน และองค์กรต่างๆทั้งในและนอกพื้นที่ พัฒนาสู่การเป็นเครือข่ายเฝ้าระวังและต่อต้านยาเสพติดอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ ตลอดจนส่งเสริมสถาบันครอบครัว โรงเรียน สถานศึกษา วัด มัสยิด คริสตจักร สถาบันทางศาสนา องค์เอกชน และองค์กรภาคประชาชนในพื้นที่ ให้มีบทบาทสำคัญในการอบรมเลี้ยงดู การให้ความรู้ความเข้าใจ การพัฒนาคุณธรรม การปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้องดีงาม โดยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต และให้ขยายผลโครงการกองทุนแม่ของแผ่นดิน เป็นศูนย์รวมจิตใจในการพัฒนาแบบพอเพียง พึ่งตนเอง พึ่งพากันเอง เพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืนต่อไป

นายณฐพลษ์ วิเชียรเพริศ ผวจ.กาญจนบุรี กล่าวต่อว่า สำหรับการปราบปรามนักค้ายาเสพติดและผู้มีอิทธิพลเกี่ยวข้องกับยาเสพติดต้อยึดหลักนิติธรรม โดยใช้มาตรการทางกฎหมายในการปราบปราม และให้เร่งดำเนินการขอความร่วมมือกับประชาชน และทำการสืบสวนเน้นไปที่การการระดมปราบปรามแหล่งผลิต แหล่งจำหน่าย แหล่งพักยา ผู้ค้ารายสำคัญ ผู้ลำเลียงยาเสพติด เครือข่ายยาเสพติดและที่โยงใยไปในเรือนจำ โดยให้สนธิกำลังปฏิบัติการจากทุกหน่วยเข้าปราบปรามเครือข่ายการผลิตและการค้ายาเสพติดราสำคัญ และสืบสวนสอบสวนขยายผลคดีดังกล่าวทุกคดีอย่างเต็มที่เพื่อนำไปสู่การยึดทรัพย์หรืออายัดทรัพย์สินของขบวนการค้ายาเสพติด ซึ่งรวมไปถึง ผู้มีอิทธิพล นายทุน หรือตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังการกระทำผิด

นอกจากนี้ ให้พิจารณาดำเนินการตามกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองพยานและบุคคลใกล้ชิดเพื่อป้องกันการถูกปองร้าย และสังหารจากขบวนการค้ายาเสพติด หรือถูกฆ่าตัดตอน และจะต้องกำกับดูแลตรวจสอบการสอบสวนดำเนินคดีในทุกขั้นตอนให้เป็นไปด้วยความยุติธรรมอย่างแท้จริง

สำหรับปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดนในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี จะเน้นขอความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อระงับยับยั้งปัญหายาเสพติดให้หมดไป โดยให้มีการประสานความร่วมมือและประสานการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด ทั้งในลักษณะเชิงรุกและเชิงรับ เนื่องจากปัญหายาเสพติดและปัญหาอื่นที่เกี่ยวเนื่องนั้น เป็นปัญหาที่ต้องมีความรับผิดชอบร่วมกันของทั้งสองประเทศคือไทยกับพม่า ต้องทำงานร่วมกันด้วยความจริงจังและจริงใจในทุกๆ ด้านอีกด้วย