กาญจนบุรี - ชาววังเย็น กาญจนบุรีกว่า 500 คนรวมตัวประท้วงโรงงานหลอมอลูมิเนียม หลังได้รับผลกระทบมลพิษทางอากาศ พร้อมจี้หน่วยงานรัฐให้สั่งปิดทันที ร้อนถึง ผวจ.กาญจน์ ต้องลงพื้นที่ตรวจสอบด้วยตนเอง ขอเวลาตรวจสอบภายใน 7 วัน พร้อมให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย
วันนี้ (31 ส.ค.54) นายเผ่าพันธ์ พักตร์เพียงจันทร์ กำนันตำบลวังเย็น พร้อมด้วยนายศิริชัย ยงอยู่ ผญบ.หมู่ 1 นายสนอง รื่นเกษม ผญบ.หมู่ 2 นายมาโนช แย้มชื่น ผญบ.หมู่ 3 นายชาญ นิลรอด ผญบ.หมู่ 4 นางวิภา สงวนพันธ์ ผญบ.หมู่ 5 นายวิไล คชวงษ์ ผญบ.หมู่ 6 และนาย ไพฑูรย์ ยางสวย แกนนำ โดยมีชาวบ้านกว่า 500 คนเดินทางไปรวมตัวกันที่บริเวณโรงเรียนบ้านหนองกลางพง หมู่ 4 ต.วังเย็น อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เพื่อประท้วงให้หน่วยงานภาครัฐมีคำสั่งให้ปิดโรงงานหลอมอลูมิเนียม หลังชาวบ้านได้รับผลกระทบด้านมลพิษทางอากาศจนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก
หลังทราบข่าว นายณฐพลษ์ วิเชียรเพริศ ผวจ.กาญจนบุรี พร้อมด้วย นายสุธรรม ยิ้มละมัย นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี และตัวแทนอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี, ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแสดล้อมจังหวัดกาญจนบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรีบเดินทางไปพบแกนนำและกลุ่มชาวบ้านทันที ครั้งนี้มี พ.ต.อ.สมเดช ฐิตวัฒนสกุล ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.อำนาจ โฉมฉาย รอง ผกก.ป.สภ.เมืองกาญจนบุรี นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบจำนวนหนึ่งเดินทางไปคอยรักษาความปลอดภัยด้วย
เมื่อคณะของ ผวจ.กาญจนบุรีเดินทางไปถึงบริเวณโรงเรียนบ้านหนองกลางพง พบชาวบ้านจำนวนมากกำลังยืนถือป้ายต่อต้านโรงงานหลอมอลูมิเนียม พร้อมทั้งป้ายเขียนข้อความโจมตี และขับไล่โรงงานดังกล่าวให้ออกไปจากพื้นที่ โดยนายณฐพลษ์ พร้อมคณะได้ขอใช้ห้องทำงานของ ผอ.โรงเรียน เพื่อทำห้องประชุมชั่วคราว พร้อมทั้งให้ชาวบ้านส่งแกนนำเข้ามาประชุมเพื่อปรึกษาหาข้อเท็จจริงร่วมกัน
พร้อมทั้งได้เชิญ นายธีระ เส็งมา เจ้าของโรงงานหลอมอลูมิเนียมเข้าร่วมประชุมชุมด้วย ซึ่งในระหว่างการประชุมได้มีการถกเถียงกันระหว่างกลุ่มชาวบ้าน และเจ้าของโรงงานดังกล่าวอย่างเคร่งเครียด เพราะต่างฝ่ายต่างใช้เหตุผล และอารมณ์ในการถกเถียงกัน โดยใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมงการประชุมจึงแล้วเสร็จ แต่ก็ยังไม่สามารถตกลงกันได้ ดังนั้น นายณฐพลษ์ วิเชียรเพริศ ผวจ.กาญจนบุรี จึงปิดการประชุม และเดินทางไปตรวจสอบสถานที่จริงของโรงงานดังกล่าวด้วยตนเอง โดยกลุ่มชาวบ้านทั้งหมดได้ร่วมเดินทางไปในครั้งนี้ด้วย
เมื่อเดินทางไปถึงนายธีระ เส็งมา เจ้าของโรงงานได้เปิดประตูให้คณะของ ผวจ.กาญจนบุรี พร้อมกับเชิญแกนนำและกลุ่มชาวบ้านทั้งหมดให้เข้าไปตรวจสอบภายในโรงงานได้อย่างเต็มที่ ภายในพบมีวัตถุดิบที่เตรียมใช้ในการหลอมอลูมิเนียมจำนวน 2 กองอยู่บริเวณหน้าเตาเผา แต่ยังไม่มีการเดินเครื่องเตาเผาอลูมิเนียมแต่อย่างใด ซึ่งอากาศภายในนั้นมีกลิ่นเหม็นฉุนจนเกิดอาการแสบจมูก แต่ไม่มากนัก แต่มีชาวบ้านบางรายหลังจากสูดดมอากาศเข้าไปถึงกับเวียนหัวและอาเจียนออกมา โดยคณะของ นายณฐพลษ์ ใช้เวลาในการตรวจสอบอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง
นายณฐพลษ์ วิเชียรเพริศ ผวจ.กาญจนบุรี กล่าวภายหลังว่า จากการตรวจสอบโรงงานดังกล่าวพบว่าผู้ประกอบการโรงงานได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่อย่างไรก็ตามตนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมจะหารือกับแกนนำและชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบเพื่อหาแนวทางว่าจะทำอย่างไรให้โรงงานอยู่คู่กับชุมชนได้ คาดว่าภายใน 7 วันก็คงจะหาข้อสรุปมาแจ้งให้กับประชาชนได้รับทราบ โดยเบื้องต้นจะได้ประสานไปยังหน่วยงานที่มีความรับผิดชอบเกี่ยวกับโรงงานให้มาร่วมตรวจสอบกันอีกครั้งหนึ่งซึ่งผลจะเป็นอย่างไรก็ตามเราจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย
รายงานข่าวแจ้งว่า การประท้วงของชาวบ้านในครั้งนี้เพื่อขอร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีใช้อำนาจในการสั่งปิดโรงงานดังกล่าวทันที ซึ่งภายใน 7 วันหากยังไม่ได้ข้อสรุป หรือสั่งปิดโรงงานตามที่ชาวบ้านร้องขอ ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจะเดินขบวนไปประท้วงที่บริเวณศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรีทันที ทั้งนี้กลุ่มชาวบ้านได้กล่าวโจมตีและเขียนป้ายต่อต้านการปฏิบัติหน้าที่ของอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรีว่า ออกใบอนุญาตให้กับผู้ประกอบการโรงงานไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากผู้ประกอบการเคยมีการฟ้องศาลปกครองมาแล้ว แต่ศาลปกครองชั้นต้น และศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งไม่รับฟ้องไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสาระบบตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 แต่ปรากฏว่าอุตสาหกรรมจังหวัดกลับออกใบอนุญาตให้ในวันที่ 2 ธ.ค.52 อีกทั้งโรงงานหลอมอลูมิเนียม ยังตั้งอยู่ติดกับ เขตห้ามล่าสัตว์อุทยานศรีนครินทร์อีกด้วย
