xs
xsm
sm
md
lg

วิปวุฒิฯ ตั้ง กมธ.วิฯ จับตาปราบยาเสพติด แนะไทยเจ้าภาพถกไตรภาคี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ที่ประชุมกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา เห็นชอบตั้ง กมธ.วิฯ ศึกษาปัญหายาเสพติด ตามวาระแห่งชาติ ซัดรัฐ “มาร์ค” ไม่ค่อยใส่ใจ จี้รัฐเอาให้ชัดแยกผู้เสพ-ผู้ค้า-ตัวการใหญ่ แนวทางปราบสอดคล้องอารยประเทศหรือไม่ ด้าน ปธ.กมธ.เสริมสร้างความปลอดภัยฯ หวังรัฐร่วมมือพม่าทำลายโรงงาน แนะไทยเป็นเจ้าภาพปราบแบบไตรภาคี ส่งเสริมอาชีพอื่นให้ชนกลุ่มน้อย

วันนี้ (16 ก.ย.) ที่รัฐสภา นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว.สรรหา กรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) กล่าวว่า ที่ประชุมวิปวุฒิมีมติเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหายาเสพติด เพื่อติดตามการดำเนินการตามวาระแห่งชาติ ในนโยบายด้านยาเสพติดของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมาไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าที่ควร การประกาศใช้หลักนิติธรรมปราบปรามทั้งผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้มีอิทธิพลและผู้ประพฤติมิชอบนั้น ต้องปราบปรามคนทุจริตคอร์รัปชันด้วย การยึดหลักผู้เสพคือผู้ป่วย รวมทั้งการป้องกันกลุ่มเสี่ยงและขยายความร่วมมือกับต่างประเทศ ถือเป็นหลักการที่ถูกต้อง แต่มีข้อกังวลในการทำสงครามยาเสพติดที่มีการฆ่าตัดตอนในอดีต ยังเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงอยู่ จึงอยากให้รัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจนในการแยกผู้เสพออกจากผู้ค้ารายย่อย หรือการแยกผู้ค้ารายย่อยจากผู้ค้ารายใหญ่ ประกอบกับปัญหายาเสพติดที่เกี่ยวพันกับผลประโยชน์มากมหาศาล โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงการจะจัดตั้งค่ายบำบัดตามนโยบายของ ป.ป.ส.ที่หลายประเทศยังต่อต้านอยู่

นพ.เจตน์กล่าวต่อว่า ยังมีปัญหางบประมาณที่ไม่เพียงพอปัญหายุทธศาสตร์ทางเลือก ที่มีทั้งการลดอันตรายจากการเสพยา การลดทอนความเป็นอาชญากรรม และการเบี่ยงเบนคดี ยังเป็นแค่โครงการนำร่อง ความล่าช้าในการผลักดันโครงการในสถานที่บางแห่ง เช่น ในเรือนจำ รวมถึงการแก้ไขกฎหมายยังไม่ได้รับการยืนยันจากรัฐบาลว่าจะดำเนินการอย่างไร จึงต้องการให้นายกฯตอบให้ชัดเจนในประเด็นดังกล่าวว่ามีแนวคิดจะปฏิบัติให้สอดคล้องกับนานาอารยประเทศหรือไม่อย่างไร เพื่อให้นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลข้อนี้ประสบความสำเร็จ ลดจำนวนผู้เสพยาลงได้อย่างมีนัยสำคัญ แม้จะไม่สามารถปราบให้สิ้นไปจากเมืองไทยก็ตาม

พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการเสริมสร้างความปลอดภัยและทรัพย์สินของประชาชน กล่าวถึงนโยบายแก้ปัญหายาเสพติดของรัฐบาลที่ประกาศเป็นวาระแห่งชาติว่า เมื่อเห็นมาตรการของรัฐบาลแล้วรู้สึกมีความหวังในการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการจะร่วมมือกับประเทศต้นทางแหล่งผลิต คือ สหภาพพม่า ในการทำลายแหล่งผลิตและลำเลียง ทั้งนี้ที่ผ่านมาการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นมาตรการเดียวที่ยังไม่ดำเนินการอย่างจริงจัง เห็นได้จากมีเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) อยู่ในสหภาพพม่าเพียง 1 คน ขณะที่ประเทศอื่นส่งเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดมาอยู่ในประเทศไทยหลายร้อยคน

พล.ต.อ.วงกตกล่าวอีกว่า ปัญหายาเสพติดเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ ดังนั้นประเทศไทยควรเป็นเจ้าภาพในการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี หรือไตรภาคี โดยต้องสนับสนุนทางวิชาการ การเงิน และช่วยส่งเสริมอาชีพให้ชนกลุ่มน้อยทั้้งว้าแดง และไทยใหญ่ นอกจากนี้ รัฐบาลควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงการต่างประเทศช่วยกันประสานกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นต้นทางแหล่งผลิตเพื่อทำลายแหล่งผลิตต้นทาง และสกัดกั้นการส่งยาเสพติดเข้าประเทสไทยตามแนวชายแดนที่ติดกับสหภาพพม่า, กัมพูชา และลาว
กำลังโหลดความคิดเห็น