รมว.พลังงานเดินหน้าปล่อยลอยตัวราคาก๊าซแอลพีจีทั้งระบบ คาดราคาก๊าซภาคขนส่งจะเริ่มปรับขึ้นต้นปีหน้า ส่วนภาคครัวเรือนจะต้องขึ้นตามมาในที่สุด ส่วนก๊าซในอ่าวไทยพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา จะต้องปรับเงื่อนไขสัญญาสัมปทานให้รัฐได้ประโยชน์เพิ่มมากขึ้น
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพลังงาน กล่าวในรายการ “คมชัดลึก” ทางเนชั่นแชนแนล ถึงนโยบายพลังงานว่า รัฐบาลมีนโยบายลอยตัวราคาก๊าซแอลพีจี โดยเริ่มจากภาคอุตสาหกรรมที่จะขึ้นราคาอีกกิโลกรัมละ 3 บาทในเดือนตุลาคมนี้ ส่วนราคาก๊าซแอลพีจีภาคขนส่งจะทำหลังจากที่โครงการเพิ่มรายได้ให้ประชาชนต่างๆ เช่น รายได้วันละ 300 บาท รายได้ปริญญาตรี 15,000 บาท รวมถึงนโยบายจำนำข้าวให้เกิดขึ้นก่อน คาดว่าก่อนปีใหม่น่าจะเสร็จ โดยจะมีบัตรเครดิตพลังงานช่วยเหลือโดยให้ส่วนลดค่าใช้จ่าย ส่วนราคาก๊าซแอลพีจีภาคครัวเรือนก็จะต้องปล่อยให้ราคาลอยตัวเช่นกัน แต่จะทำหลังจากภาคขนส่ง และจะมีคูปองช่วยลดค่าใช้จ่ายให้ภาคครัวเรือน แต่ราคาก๊าซแอลพีจีจะต้องเพิ่มขึ้นตามราคาจริง เพราะถ้าราคาแอลพีจีมีหลายตลาด จะเกิดการยักย้ายถ่ายเท จึงจะต้องปล่อยลอยตัวให้ราคาในตลาดเท่าๆกัน แล้วแจกคูปอง หรือบัตรเครดิตให้การช่วยเหลือไปก่อน
ปัจจุบันราคาก๊าซแอลพีจีในประเทศอยู่ที่กิโลกรัมละ 18 บาท แต่ประเทศเพื่อนบ้านราคาก๊าซแพงกว่าเราเท่าตัว อยู่ที่ระดับกว่า 30-40 บาท และในปี 2558 ที่จะต้องเปิดการค้าเสรีอาเซียน หากราคาก๊าซในประเทสไทยถูกกว่าประเทสอื่น จะกลายเป็นว่าเราอุดหนุนราคาเพื่อช่วยทั้งภูมิภาค
สำหรับเรื่องก๊าซในพื้นที่ทับซ้อนไทยกับกัมพูชา นายพิชัยกล่าวว่า ถ้าสามารถเจรจากัน และตกลงกันได้ในตอนนี้ กว่าจะดำเนินการขุดเจาะได้ต้องใช้เวลาอีก 8-10 ปี ส่วนเรื่องการให้สัมปทานสำรวจและผลิต ในอดีตที่ผ่านเราเคยให้สัมปทาน บริษัทสำรวจและผลิต แต่เงื่นไขในสัญญาสัมปทานให้ประโยชน์กับรัฐน้อยเกินไป หากจะมีการให้สัมปทานอีกจะต้องปรับเงื่อนไข เช่น ค่าภาคหลวงปิโตรเลียม ให้รัฐได้ผลประโยชน์เพิ่มมากขึ้น
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านพลังงาน กล่าวว่า ตอนนี้ไม่มีความสงสัยในนโยบายของรัฐบาลที่จะลดการอุดหนุนราคาก๊าซแอลพีจี แต่ต้องดูว่าจะมีขั้นตอนการดำเนินการอย่างไรต่อไป และจะเห็นเป็นรูปธรรมได้เมื่อไร โดยในขั้นตอนแรก การปล่อยลอยตัวราคาก๊าซภาคอุตสาหกรรม ในเดือนตุลาคมนี้จะขึ้นราคาอีก 3 บาทต่อ กก.โดยทะยอยปรับขึ้นไตรมาสละ 3 บาทเป็นเวลา 4 ไตรมาส รวมราคาเพิ่มขึ้น 12 บาทต่อ กก. ส่วนการปล่อยลอยตัวราคาก๊าซในภาคขนส่งก็ควรทำไปในเวลาไล่เลี่ยกัน อย่างช้าน่าจะเป็นช่วงต้นปี ถ้าปล่อยให้ลอยตัวเต็มที่ราคาจะเพิ่มขึ้น 12 บาทต่อ กก. รัฐบาลก็ให้บัตรเครดิตพลังงาน ให้ส่วนลดบ้างสำหรับผู้ได้รับผลกระทบ
ส่วนการลอยตัวราคาก๊าซแอลพีจีภาคครัวเรือนยังรอได้ จำเป็นต้องอุดหนุนราคาไปสักระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ราคาก๊าซภาคครัวเรือนก็ถือว่าต่ำเกินไป รัฐควรจะลดการอุดหนุน ให้ราคาปรับเข้าสู่ต้นทุนที่แท้จริง โดยภาคครัวเรือนก็ช่วยเหลือได้โดยออกคูปองช่วยเหลือ อาจจะเดือนละ 50 บาท แล้วทยอยลอยตัวราคาให้เท่ากันกับภาคอื่นๆ
