“พิชัย” ยอมรับ “ปู” เตรียมเดินทางเยือนเขมร เพื่อเจรจาข้อตกลงด้านแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อน ยันการเดินหน้าโครงการ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกฯ หากกระทรวงต่างประเทศใส่เกียร์เดินหน้า ก็ยินดีรับลูกเพื่อให้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย เพราะมีสมบัติร่วมกันอยู่แล้ว หนุนตั้งกองทุนมั่งคั่ง เพื่อลงทุนพลังงาน เตรียมขึ้นราคา “แอลพีจี” ภาคอุตฯ ไตรมาส 2 เพิ่มอีก กก.ละ 3 บาท
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปประเทศกัมพูชา เพื่อเจรจาข้อตกลงด้านแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชานั้น เรื่องดังกล่าวขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี และกรอบแนวคิดในการเจรจาขึ้นอยู่กับกระทรวงการต่างประเทศ
ทั้งนี้ หากกระทรวงการต่างประเทศเริ่มผลักดันโครงการดังกล่าว กระทรวงพลังงานก็พร้อมที่จะรับลูก เพื่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ซึ่งหากมีข้อสรุปเรื่องการใช้ก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชา ก็มีแนวโน้มที่ไทยจะชะลอแผนการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ออกไปก่อนได้
“รัฐบาลนี้คิดถึงอนาคต ถ้าไม่มีก๊าซธรรมชาติมาใช้ผลิตพลังงาน เราจะหามาจากไหน หากกระทรวงต่างประเทศเริ่มต้นเจรจาพื้นที่ทับซ้อนได้ กระทรวงพลังงานก็พร้อมรับลูกเพื่อส่งเสริมและดำเนินการต่อ เพราะมีสมบัติร่วมกันอยู่แล้ว อะไรที่ทำให้เกิดประประโยชน์แก่ทั้ง 2 ประเทศ ก็ต้องทำ ขณะที่ไทยก็มีความพร้อมด้านโรงแยกก๊าซธรรมชาติมากกว่ากัมพูชา ซึ่งทาง ปตท.ได้ลงทุนพัฒนามา 30 ปี มีโรงงานปิโตรเคมีที่รองรับการผลิตสินค้าและสร้างมูลค่าเพิ่มได้จำนวนมาก”
ส่วนการที่รัฐบาลมีแนวคิดในการใช้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ 1.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นำมาตั้งกองทุนเพื่อความมั่งคั่งแห่งชาตินั้น นายพิชัย ระบุว่า การถือเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ มีความเสี่ยงสูง เพราะปัญหาเงินด้อยมูลค่า เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ลดค่าลงต่อเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจ
ดังนั้น จึงควรนำไปใช้ลงทุนในรูปแบบอื่น และเรื่องพลังงานก็ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องสร้างความมั่นคง เพราะไทยนำเข้าพลังงานสูงถึง 85% หากเกิดเหตุการณ์ผันผวนในโลกจนประเทศผู้ผลิตน้ำมันไม่สามารถส่งออกได้ ไทยจะหาน้ำมันจากไหนมาใช้ หากน้ำมันแพง มีเงินก็ซื้อไม่ได้ เรื่องดังกล่าวต้องมีการกำหนดกรอบให้ชัดเจนและยังเป็นหลักคิดของรัฐบาล
ส่วนความคืบหน้าการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) นายพิชัย ระบุว่า ในเดือนตุลาคม 2554 นี้ กระทรวงพลังงาน จะทำการปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมอีก 3 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังานแห่งชาติ (กพช.) ชุดเดิมที่อนุมัติให้ขึ้นราคาก๊าซ 12 บาทต่อ กก.โดยทยอยปรับขึ้นไตรมาสละ 3 บาท ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้ปรับขึ้นไปแล้ว 3 บาท ส่วนการปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีภาคขนส่งนั้น ยังไม่มีการพิจารณาแต่อย่างใด