xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ ร่ายสคริปต์มอบนโยบาย ขรก. ยันไม่แก้แค้น สร้างไทยไร้ทุจริต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีมอบนโยบายบริหารราชการแผ่นดิน ณ ตึกสันติไมตรี(หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล
“ยิ่งลักษณ์” แจงนโยบายรัฐหน่วยราชการ ยันไม่แก้แค้น อยากเห็นปรองดอง พร้อมมอบภารกิจด่วน สร้างยุติธรรมให้ทุกฝ่าย ค่าแรง 300 ป.ตรี 15,000 ให้อิสระ คอป. พร้อมแก้ปัญหายาเสพติดตามพระราชเสาวนีย์ เร่งทำร่าง รธน.ให้เสร็จในปีแรก ก่อนแจง 7 นโยบายระยะยาว 4 ปี เน้นงานบูรณาการ ดูแลป่าไม้ น้ำ เร่งสานต่อโครงการพระราชดำริ รณรงค์ ขรก.แต่งผ้าไหมไทยสัปดาห์ละ 1 วัน ส่วนดับไฟใต้ยึดหลักเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา หั่นทิ้งกก.บางส่วนจาก 282 ชุด บอกเสียเวลานั่งประชุมแทนบริหารงาน ยันแก้ชื่อไทยไม่มีโกง



วันนี้ (26 ส.ค.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมมอบหมายนโยบายงานให้กับหัวหน้าส่วนราชการว่า เรื่องแผนงานภาพรวมที่ได้แถลงต่อรัฐสภา จะนำแผนงานมาทำร่วมกัน คือ ในแง่ของหลักคิดต่างที่เรานำมาใช้ในการร่างนโยบายสืบเนื่องจากที่ผ่านมา เศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นมายังคงพึ่งเศรษฐกิจที่มาจากต่างประเทศ ทั้งในส่วนของสหรัฐอเมริกา และยุโรป รวมถึงภาคการส่งออก เราจะทำอย่างไรในการสร้างความแข็งแรงให้กับเศรษฐกิจ ให้แก่ปะเทศไทย ทำอย่างไรให้การการเติบโตโดยมีฐานรากที่แท้จริง นั่นคือการเติบโตจากเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยต้องมาทำในเรื่องของการพัฒนาส่งเสริมฐานรากให้มากขึ้น ทั้งเรื่องภาคประชาชน ภาคธุรกิจขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เพื่อความแข็งแรงอย่างยั่งยืน ดังนั้น นโยบายต่างๆ ที่แถลงต่อรัฐสภาไปนั้นคือการกระตุ้นในภาคเศรษฐกิจในประเทศทั้งสิ้น

ส่วนที่สองนโยบายที่นำเสนอโครงการเมกะโปรเจกต์ คือ การวางรากฐานสำหรับอนาคต ทั้งเรื่องการแก้ปัญหาเรื่องน้ำท่วม ระบบขนส่ง ที่ปัจจุบันมีต้นทุนสูง นั่นคือความจำเป็นของประเทศไทย ถ้าเราไม่มีการลงทุนในส่วนนี้ในการทำงานระยะยาวเราจะไม่สามารถทำการแข่งขันกับประเทศอื่นๆ แม้กระทั่งในเรื่องของระบบขนส่งต่างๆ ต้นทุนขนส่งเป็นอีกส่วนหนึ่งของภาระระยะยาว หากเราไม่ทำอะไรในเรื่องของระบบขนส่ง เราจะไม่สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ จึงเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญในเรื่องของการลงทุนใหญ่ นอกจากจะได้ผลในทางตรงแล้วเรายังได้ผลให้เกิดการจ้างงานและจ้างคนเกิดขึ้น โดยทั้งหมดจะกลับมาเป็นระบบเศรษฐกิจที่หมุนเวียนในประเทศไทย

“หลักคิดอีกประการที่ดิฉันอยากเห็น และเป็นความจริงใจจากรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีทั้งหมด เชื่อว่าทุกท่านมีเจตนารมณ์เดียวกัน คืออยากจะเห็นประเทศก้าวไปสู่ความสามัคคีปรองดอง ซึ่งจุดนี้จะทำให้ต่างประเทศที่กำลังมองเราอยู่ขณะนี้ความมั่นใจและเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งกลับมาตอบโจทย์ของดิฉันในข้อแรกว่าทำให้เศรษฐกิจในประเทศเจริญเติบโตอย่างถาวร โดยมีทั้งการจ้างงานในเมืองไทยและลงทุนในต่างประเทศ และที่สำคัญถ้าบรรยากาศที่มีความสามัคคีปรองดองนั้น ความสงบและความสุขจะกลับคืนมาสู่คนไทย” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว

นายกฯ กล่าวต่อว่า สำหรับนโยบายเร่งด่วนเราแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ นโยบายเร่งดำเนินการ คำว่าเร่งด่วนของภาครัฐบาลนั้น เรามองในส่วนของวิธีการทำงาน เพราะบางอย่างเราสามารถเริ่มก่อนได้ และเรานำมาทำในปีแรก คือส่วนหนึ่งที่เร่งด่วนจริงๆ และสามารถทำได้เลย เราจะนำมาบรรจุไว้ในนโยบายเร่งด่วน อีกส่วนหนึ่งที่ไม่ได้เร่งด่วน แต่ใช้ระยะเวลานาน ซึ่งเราสามารถทำก่อนควบคู่กันไปได้ เช่น เรื่องของการร่างรัฐธรรมนูญ เป็นต้น

นโยบายเร่งด่วนจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ 1.การสร้างความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ ที่เป็นสิ่งสำคัญแต่สามารถทำได้ควบคู่กับความเร่งด่วนของปัญหาปากท้อง ตรงนี้เป็นสิ่งเร่งด่วนที่รัฐบาลให้ความสำคัญ แต่ในขณะเดียวกัน บรรยากาศปรองดองนั้นเป็นสิ่งที่จะเอื้อให้เกิดความสุข เอื้อให้เกิดเศรษฐกิจดีขึ้น ซึ่งจะเป็นการเสริมซึ่งกันและกัน จึงเป็นที่มาของแผนที่เราจะบรรจุไว้ในปีแรก เป้าหมายสำคัญคือ การสร้างสามัคคีปรองดองให้เกิดขึ้นในชาติ ส่วนที่ 2 คือ เรื่องการการเยียวยาและฟื้นฟูประชาชน ซึ่งการเยียวยาเรามองในส่วนของนโยบายเป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือ การเยียวยาที่เกิดจากผลกระทบทางด้านการเมือง ตั้งแต่ช่วงปลายที่เริ่มการใช้รัฐธรรมนูญปี 40 ซึ่งเป็นการเยียวยาในส่วนของภาคประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐ และผู้ประกอบการภาคเอกชน ถ้าเราบอกว่าอยากให้เกิดความสามัคคีปรองดองขึ้นในชาติ เราต้องดูแลทุกภาคส่วนเราไม่มีการแยก สำหรับการเยียวยาในส่วนที่ 2 คือ การเยียวยาจากเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ ที่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ตนให้ความสำคัญและอยากเห็นความสามัคคีปรองดองเกิดขึ้นในชาติเช่นกัน

นายกฯ กล่าวต่อว่า นอกจากเรื่องการปรองดองแล้วและเยียวยา คือ เรื่องการสนับสนุนการตรวจสอบและค้นหาความจริงของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ซึ่งตั้งโดยรัฐบาลที่แล้ว ตนเองและคณะจะให้ความอิสระกับการทำงาน ของคณะกรรมการชุดนี้เพื่อให้เกิดความสบายใจแกทุกภาคส่วน แต่ในส่วนของรัฐบาลนั้นพร้อมให้การสนับสนุนในส่วนที่ คอป.ร้องขอ นี่คือสิ่งที่เราให้ความจริงใจที่อยากจะเห็นความสงบเกิดขึ้น

ปัญหาที่ 3 คือ ปัญหายาเสพติด ตามพระราชเสาวนีย์ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงเป็นห่วงในเรื่องของภาคใต้ นี่เป็นอีกสิ่งที่ตนขอเน้นย้ำในทุกภาคส่วน และในส่วนของรัฐธรรมนูญที่หลายคนเป็นกังวล ตนมองว่าการทำร่างรัฐธรรมนูญ เป็นการร่างโดยให้สภาร่างรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นสภาที่มีความอิสระ เลือกโดยภาคประชาชน การตัดสินใจทั้งหมดจะทำโดยภาคประชาชน ดังนั้น หลักการนี้จะเป็นเช่นเดียวกับคอป.เราจะให้ความอิสระความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย ไม่ได้เป็นการเร่งแต่สามารถทำได้ก่อนในปีแรก

ในส่วนของกลุ่มนโยบายเร่งด่วนกลุ่มที่ 2 คือ การแก้ไขปัญหาค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน อันนี้คือเรื่องที่เร่งด่วนจริงๆ รวมถึงการสร้างโอกาสสร้างรายได้ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน ทั้งหมดตรงนี้ในส่วนของการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ ก็จะมี 2 ส่วน คือ การทำอย่างไรที่จะเพิ่มเงินในกระเป๋าของประชาชน เพื่อให้เกิดการกระตุ้นในประเทศ ในนโยบาย 300 บาทที่ตนได้ชี้แจงในสภาแล้ว ก็เชื่อว่าความหมายนี้น่าจะชัดเจน ในส่วนของรายได้ปริญญาตรี 15,000 บาท เป็นต้น และการลดรายจ่ายในเรื่องของค่าสินค้าอุปโภคบริโภค ค่าน้ำมัน เบื้องต้นค่าน้ำมันคือต้นทุนที่จะก่อให้เกิดสินค้าค่าใช้จ่ายต่างๆ ถ้าเรามาดูในส่วนของน้ำมันก็จะทำให้ค่าใช้ต้นทุนต่างๆ ลดลงมาได้ แต่นั่นเป็นเพียงระยะสั้น แต่ในระยะยาวการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ คือ การวางระบบขนส่ง และมีระบบขนส่งที่ดีประหยัดพลังงาน ดังนั้น นโยบายจะมี 2 ส่วน คือ การแก้ไขปัญหาระยะสั้น เพื่อตอบโจทย์พี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนวันนี้ และปัญหาระยะยาวที่เราจะทำ รวมถึงการเข้าหาถึงแหล่งเงินทุน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเพื่อก่อให้เกิดอาชีพ

นโยบายการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ในเรื่องของกองทุนต่างๆ ต้องเรียนว่าการวัตถุประสงค์การให้แหล่งเงินทุนนั้น เราต้องการให้เกิดการสร้างอาชีพและช่วยเหลือได้ในระยะยาว เราจะไม่เน้นในการเอาเงินให้โดยที่ไม่รู้ว่าวัตถุประสงค์เอาเงินไปทำอะไร เราจะใช้กองทุนนั้นเพื่อให้เกิดการตั้งตัวได้ในระยะยาว เกิดการเรียนรู้ในการประกอบอาชีพ และสุดท้ายเกิดการพัฒนาในเรื่องประสิทธิภาพ

3. นโยบายเร่งด่วนในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน ดูโครงการต่างๆในเรื่องของระบบขนส่ง เกษตร ในเรื่องของการจัดบูรณาการน้ำ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญในระยะยาวและวางรากฐานอย่างแท้จริงซึ่งในเรื่องของน้ำจะต้องฝากว่า เป็นสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นห่วง เมื่อวันนี้น้ำท่วมเป็นอีกหนึ่งปัญหา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องนำขึ้นมาทำในเรื่องการบูรณาการอย่างแท้จริง จากนั้นก็มาดูภาพรวมทั้งประเทศ นอกจากนี้ รัฐบาลเจอปัญหาเฉพาะหน้า ทั้งเรื่องปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โครงสร้างพื้นฐานในการช่วยภาคผู้ประกอบการ คือ การลดภาษีนิติบุคคล ซึ่งแนวคิดหลักคือ ขณะนี้ภาษีนิติบุคคลมีการจ่ายอยู่ร้อยละ 30 แต่ขณะเดียวกันเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน เช่นถ้าเราจะแข่งกับประเทศฮ่องกง สิงคโปร์ ถือว่าเราราคายังสูง ทำให้ศักยภาพผู้ที่ค้าขายหรือผู้ส่งออก ทำให้ราคาเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านห่างไกลกัน นั่นคือความจำเป็นที่เราจะลดค่าภาษีจากร้อยละ 30 ลงเป็นร้อยละ 23 ในปีที่ 1 และร้อยละ 20 ในปีที่ 2 เพื่อให้เกิดการแข่งขันได้ในระยะยาว และขณะเดียวกันจะกระตุ้นเรื่องเศรษฐกิจในประเทศ นี่คือสิ่งที่มาของทุกนโยบายที่ได้มีการคิดไว้ ล้วนแต่เป็นนโยบายที่อยากให้กระตุ้นเศรษฐกิจทั้งสิ้น

สำหรับนโยบายที่ระยะยาว ที่รัฐบาลจะดำเนินการในระยะเวลา 4 ปีข้างหน้าว่า รัฐบาลวางไว้ 7 ด้าน ซึ่งขอพูดในภาพรวม โดยเรื่องที่ 1 เป็นนโยบายด้านความมั่นคง ตนเองอยากเห็นการดำเนินการเรื่องของการเทิดทูนและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นความร่วมมือจากทุกคน ตนเองพร้อมให้ความร่วมมือ และสิ่งที่อยากเห็นอีกคือ การเสริมสร้างศักยภาพกองทัพ เพื่อให้เป็นที่พึ่งของประชาชนได้รวมถึงการกำจัดปัญหายาเสพติดและอบายมุขให้หมดไปจากสังคมไทย ดังนั้นขอฝากประเด็นเหล่านี้ไปทางกองทัพทุกเหล่าด้วย

ส่วนนโยบายที่ 2 เป็นเรื่องของนโยบายเศรษฐกิจส่วนใหญ่จะอยู่ในนโยบายเร่งด่วน แต่เราอยากเห็นเรื่องของภาคการผลิตและภาคการบริการ และภาคการเกษตร ที่ถือว่าเป็นพื้นฐานสำคัญ เป็นอาชีพหลักของประเทศ ดังนั้นอยากเห็นการส่งเสริมการผลิตด้านการเกษตร เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มต่อยอดจากเดิม ซึ่งจะทำให้เราสามารถแข่งขันได้ โดยรัฐบาลจะให้การสนับสนุนเต็มที่

สำหรับนโยบายที่ 3 เป็นนโยบายด้านสังคม คุณภาพอาชีพ ซึ่งเราอยากเห็นเรื่องการพัฒนาด้านการศึกษาทั้งระบบ โดยต้องตั้งหลักว่าจะเตรียมตัวอย่างไรให้เยวชนไทยแข่งกับอาเซียนได้ ดังนั้นต้องเน้นเรื่องการวางรากฐาน และครูจะเป็นกลไกสำคัญ รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนระบบการศึกษาแนวใหม่ ทั้งนี้รัฐบาลไม่เน้นเรื่องการเรียนการสอนที่ถูกป้อนโดยไม่ให้เด็กได้คิด แต่สิ่งอยากเห็นคือทำอย่างไรให้เด็กได้มีโอกาสพัฒนาและใช้ศักยภาพของเด็ก อย่างเต็มความสามารถ อย่างไรก็ตาม อยากให้กำลังใจครูด้วย เพราะเป็นอาชีพที่เหนื่อยและต้องการกำลังใจอย่างมากและอยากให้คุณครูทุกท่าน เป็นแม่พิมพ์ของชาติในการฝึกและพัฒนาสร้างเยาวชนของเราเพื่อประเทศไทยเจริญ เติบโตไปข้างหน้า พร้อมกันนี้เห็นว่าเรื่องกีฬาจะเป็นสิ่งสร้างความสามัคคีและคุณภาพชีวิตขอ งสังคมไทย

ในฐานะที่ตนเองเป็นสตรี ซึ่งวันนี้เรายังไม่มีหน่วยงานหรือผู้รับผิดชอบในการบูรณาการเรื่องเด็กและสตรีอย่างจริงจัง ดังนั้น อยากขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนมาระดมความคิด ตั้งแต่การพัฒนาเด็กที่อยู่ในครรภ์มารดาจนเด็กโต และเรื่องของสตรีที่ถูกรังแก เรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และการใช้แรงงานเด็ก ซึ่งต้องมีการฟื้นฟูด้านกฎหมายด้วย และทั้งหมดต้องทำงานในลักษณะของการบูรณาการ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง

สำหรับนโยบายที่ 4 เป็นนโยบายด้านที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาทั้งระบบ ส่วนหนึ่งอยากเห็นการป้องกันและการรณรงค์ต่างๆ โดยมีหน่วยงานขึ้นมาวางอนาคตในวันข้างหน้า ส่วนนโยบายที่ 5 เป็นนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การวิจัย และนวัตกรรม เน้นการสร้างนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัย เพราะงานวิจัยจะทำให้เรารู้รอบด้าน ซึ่งในวันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก บางครั้งต้องดูศาสตร์ใหม่เพื่อให้สอดคล้องและนำกลับมารช่วยประเทศ ซึ่งทั้งหมดต้องทำงานสัมพันธ์กัน อย่างไรก็ตาม อย่าให้เทคโนโลยีต่างๆ มาทำให้เราขาดความเป็นวัฒนธรรมไทยและเอกลักษณ์ของไทย

ส่วนนโยบายที่ 6 เป็น นโยบายด้านการต่างประเทศและเศรษฐกิจต่างประเทศ ความสัมพันธ์ประเทศเพื่อนบ้านเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความหวัง ขณะเดียวกันเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนที่ต้องใช้ความรอบรอบ ดังนั้น ขอฝากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการวิเคราะห์ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ และตัดสินใจ โดยเฉพาะประเด็นการสร้างความฟื้นฟูความสัมพันธ์ ซึ่งอยากเห็นความสัมพันธ์ในความร่วมทางด้านเศรษฐกิจกับนานาประเทศ ซึ่งมีเรื่องที่ต้องสานต่อให้เกิดความแข็งแรงและไทยต้องยืนให้ได้ในฐานะผู้นำอาเซียน

นโยบายที่ 7 พัฒนาบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี การพัฒนาระบบราชการ สมรรถนะของบุคลากร ส่งเสริมในเรื่องของเครื่องไม้เครื่องมือเพื่อเข้าถึงงานอย่างเพียงพอ ในส่วนของจังหวัดอยากเห็นความเท่าเทียมกัน ไม่ขีดกั้น พัฒนาอย่างมืออาชีพ เสริมสร้างกำลังใจ รวมถึงการบริการประชาชน เข้าถึงประชาชน เพราะประชาชนเป็นลูกค้า ดำเนินการโดยยึดหลักนิติธรรม ยึดความโปร่งใส และอยากให้ความสำคัญในการกระจายอำนาจท้องถิ่นอย่างแข็งแรง ซึ่งการบริหารกิจการบ้านเมืองหลักการทางกฎหมายต้องมีความทันสมัย อยากเห็นระบบราชการไม่มีข้อจำกัดในการทำงาน

“เจตนาวันนี้ในการทำงาน หลังการแถลงนโยบายภาพรวม 4 ปี อยากเห็นการทำงานร่วมกันในลักษณะการบูรณาการเพื่อทำให้เกิดการตัดสินใจที่รวดเร็ว อีกเจตนารมณ์หนึ่งอยากให้ทุกฝ่ายสบายใจ รัฐบาลนี้ไม่แก้แค้น อยากเห็นความสามัคคีปรองดองของทุกคน ทำงานอย่างเต็มที่สนองประชาชน ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส ยุติธรรม ตัวเลขดัชนีชี้วัดความโปร่งใสประเทศไทยน่ากลัวคืออยู่ที่ 3.5 จากคะแนนเต็ม 10 ต้องรณรงค์อย่างเร่งด่วน กอบกู้ชื่อเสียงคนไทยคืนมา ต้องไม่มีการทุจริตคอร์รัปชัน นโยบายรัฐบาลดูแลคนดี ขอให้ทุกท่านสบายใจ รัฐบาลพร้อมจะสนับสนุน เราคือทีมงานเดียวกัน”

แผนงานภารกิจการผลักดันนโยบายช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะเรื่องของค่าครองชีพแล้ว อยากฝากในเรื่องของโครงการพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ค้างอยู่หลายโครงการ อยากให้มีการเร่งรัด หากทำงานเกิดอุปสรรคอะไรขอให้บอก และน้อมรับพระราชเสาวนีย์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชชีนีนาถในเรื่องของยาเสพติด อยากให้เข้าไปดูแลเรื่องของผู้เสพด้วย นอกเหนือจากการปราบปราม และรวมถึงเรื่องของการป้องกัน

ส่วนเรื่องของปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่รัฐบาลจะเข้าไปในเรื่องของการเสริมสร้างเศรษฐกิจให้คนใต้ได้อยู่ดีกินดีขึ้น ลดความรุนแรง ยึดแนวทางพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ซึ่งตนเข้าถึงไม่ได้หากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานราชการ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการทำงาน และปีนี้เป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบรอบ 84 พรรษา ขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันรณรงค์ จัดงานให้สมพระเกียรติ

นอกจากนี้ สืบเนื่องจากรัฐบาลได้มีการประชุม ครม.ภายหลังการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อสภา ข้อที่หารือประเด็นเร่งด่วนที่ได้มีการหารือ คือ ปีนี้รัฐบาลยังไม่ได้ดำเนินการในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 ซึ่งจะต้องมีการเร่งรัดใน 2 ส่วน คือ การเร่งรัดจัดทำคำของบประมาณ โครงการต่างๆ ให้สอดคล้องกับแผนบริหารราชการแผ่นดิน โดยต้องแล้วเสร็จทันในวันที่ 5-6 กันยายนนี้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการ ระดมการจัดทำแผนงบประมาณปี 2555 และนำเสนอต่อฝ่ายเลขาคณะกรรมจัดทำยุทธศาสตร์ ซึ่งมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อเร่งรัดจัดการประชุมในส่วนของคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ ก.น.จ. ยึดหลักตามแนวทางนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาแบบครบวงจร และสอดคล้องแผนของจังหวัด ผู้ว่าฯ ซีอีโอ เพื่อการทำงานร่วมกัน จัดทำแบบประหยัดงบประมาณ และมีประสิทธิภาพมากที่สุด กลไกการทำงานแบบบูรณาการ และข้อหารือทั้งหมดขอให้กลับมาภายในวันที่ 13 ก.ย.

ทั้งนี้ ปัจจุบันพบว่าเรามีคณะกรรมการถึง 282 คณะ ซึ่งรัฐบาลถือว่าเยอะมาก เกรงว่าจะเสียเวลาไปกับการประชุม ซึ่งจะมีการปรับลดเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ มีเวลาในการบริหารงาน และรัฐบาลอยากส่งเสริมวัฒนธรรมทั้งในส่วนของศูนย์ศิลปาชีพ โครงการโอทอป ในส่วนของผ้าไหม อย่างน้อยให้มีการแต่งกายด้วยผ้าไหมอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง อย่างวันอังคารที่มีการประชุม ครม. สุดท้ายก็จะหาโอกาสไปเยี่ยมข้าราชการทุกท่านเพื่อปรับปรุงงานต่างๆ ต่อไป เพราะงานทั้งหมดถือเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่

กำลังโหลดความคิดเห็น