xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ภาค 3 ประสาน “ตชด.-ตม.-กต.” ล่าหัวโจกสปายเขมร-ผู้ร่วมขบวนการอีก 5-6 คน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.ท.เดชาวัต รามสมภพ ผบช.ภ.3
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “ผบช.ภ.3” ยันตำรวจไทยไม่ได้สร้างหลักฐานยัดข้อหาจับ 3 สปายเขมรแน่ ระบุพยานหลักฐานมัดชัดเจน เตรียมส่งฟ้องตามกระบวนยุติธรรมไทย เผยตำรวจภาค 3 ประสาน “ตชด.-ตม.-กต.” ไล่ล่าลากคอ “ญา เปา” นายทหาร “พ.อ.” หัวโจกสายลับเขมรและผู้ร่วมขบวนการที่หลบหนีอีกไม่ต่ำกว่า 5-6 คน มาดำเนินคดีโดยเร็ว ชี้แกะรอย “ญา เปา” พบเข้าออกไทยผ่านด่าน ด้าน อ.อรัญประเทศ สระแก้ว หลายครั้ง

วันนี้ (17 มิ.ย.) พล.ต.ท.เดชาวัต รามสมภพ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ( ผบช.ภ.3) เปิดเผย ถึงความคืบหน้าคดีการจับกุมผู้ต้องหา 3 สายลับชาวกัมพูชา-เวียดนาม และชาวไทยมุสลิม ในท้องที่ อ.กันทรรักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร ว่า เจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องหาได้รวม 3 คน ที่กระทำความผิดในเรื่องโจรกรรมข้อมูลทางทหาร ซึ่งขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดี และได้ทำการสืบสวนความเชื่อมโยงเพื่อติดตามตัวผู้กระทำผิดอีกกลุ่มหนึ่งที่หลบหนีไปได้

สำหรับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ทั้ง 3 คนขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินคดี ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะทางตำรวจมีพยานหลักฐานที่ชัดเจน และยืนยันว่าตำรวจไม่ได้สร้างหลักฐานเพื่อยัดข้อกล่าวหาแต่อย่างใด และเรามีหลักฐานที่รวบรวมได้เป็นเอกสารแผนที่ประเทศไทยระบุพิกัดด้วยเลข 10 หลัก ซึ่งตรวจสอบพบว่าเป็นจุดพิกัดที่ตั้งทางทหารของไทย

พล.ต.ท.เดชาวัต กล่าวอีกว่า การสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 ให้การรับสารภาพในบางส่วนโดยระบุว่าขบวนการดังกล่าวมี นายวิชัย (ชื่อไทย) หรือ นายญา เปา อายุ 48 ปี ชาวกัมพูชา เป็นแกนนำกลุ่ม คนสำคัญ ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบประวัติและความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงระหว่างผู้ต้องหาที่จับกุมได้กับกลุ่มผู้ที่ยังหลบหนีอยู่ ล่าสุดได้มีการออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 1 ราย คือ นายญา เปา ที่มีความชัดเจนในเรื่องของข้อมูล แต่ทราบว่าขณะนี้ไม่ได้หลบหนีอยู่ในประเทศ จึงได้ประสานความร่วมมือไปยังตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อให้ดำเนินตามกรรมวิธีทางการทูตกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อให้ติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

เรื่องนี้เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงระหว่างประเทศ ทางตำรวจภูธรภาค 3 ได้มีการประสานปรึกษาหารือกับทางฝ่ายทหารในการดำเนินการอยู่ตลอดเวลา ส่วนทางพนักงานสอบสวนเองก็เร่งรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง โดยประสานกับทาง ตม.และ หน่วยงานของกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อตรวจสอบประวัติของกลุ่มบุคคลที่ถูกจับกุมไว้ได้ เพื่อให้ทราบถึงความเชื่อมโยงความเกี่ยวพันกันของกลุ่มดังกล่าว รวมถึงกลุ่มคนร้ายที่ยังหลบหนีอยู่ในขณะนี้

“โดยคาดว่ายังมีบุคคลร่วมขบวนการที่ยังหลบหนีอยู่ไม่ต่ำกว่า 5 - 6 คน ใช้ยานพาหนะไม่ต่ำกว่า 2 คัน เป็นอย่างน้อย ส่วนหลักฐานสำคัญที่ตรวจยึดไว้ได้ ประกอบด้วยโทรศัพท์มือถือที่ถ่ายภาพได้และแผนที่ประเทศไทยที่ระบุพิกัดทางทหารของไทย” พล.ต.ท.เดชาวัต กล่าว

พล.ต.ท.เดชาวัต กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบข้อมูลว่า ผู้ต้องหาคนสำคัญที่ยังหลบหนีอยู่ในขณะนี้เคยเดินทางผ่านเข้าออกประเทศไทย ทางด้าน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลายครั้ง โดยได้มีการขออนุญาตผ่านเข้าออกอย่างถูกต้อง ขณะนี้ทางตำรวจกำลังตรวจสอบถึงสาเหตุที่มีการผ่านเข้าออกของผู้ต้องหาคนสำคัญนี้อยู่

ล่าสุด ทางตำรวจภูธรภาค 3 ได้ประสานความร่วมกับกับตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) , ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เพื่อให้ติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว พร้อมขอให้ตรวจสอบอย่างเข้มงวดในการผ่านเข้าออกของบุคคลต้องสงสัยเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มสายลับแฝงตัวลักลอบมาโจรกรรมข้อมูลทางทหารของไทยซ้ำอีก

“ส่วนการดำเนินคดีกับสายลับทั้ง 3 คน ที่จับกุมได้ หากการสอบสวนขยายผลเสร็จสิ้นทางพนักงานสอบสวนก็จะรวบรวมพยานหลักฐานและเสนอความเห็นส่งฟ้องให้อัยการเพื่อดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมของไทยต่อไป และยืนยันว่า ไม่จำเป็นต้องตั้งเป็นคดีพิเศษเพื่อให้หน่วยงานอื่นเข้ามาดำเนินการเพราะมั่นใจว่าตำรวจภูธรภาค 3 สามารถดำเนินการเรื่องนี้ได้และไม่มีอะไรซับซ้อนหรือหนักใจแต่อย่างใด” พล.ต.ท.เดชาวัต กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น