“ปานเทพ” โฆษกพันธมิตรฯ ระบุเคยขอกำลังตำรวจดูแลความปลอดภัยเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน แต่รัฐบาลกลับเมินเฉยไม่ให้ความสนใจจนเกิดเหตุปาระเบิด ด้าน “มาร์ค” ย่องดูที่เกิดเหตุ ก่อนดอดเยี่ยมพ่อค้าไอติม
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (1 มิ.ย.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงเหตุการณ์ผู้ร้ายปาระเบิดเข้าใส่บริเวณด้านหลังที่ชุมนุมเมื่อกลางดีกที่ผ่านมาว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 3 ราย ในจำนวนนี้มีอาการสาหัส 1 ราย ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเข้ารับการผ่าตัด และอาการยังน่าเป็ยห่วงอยู่ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลากลางคืนนี้ เป็นความรุนแรงที่สะท้อนให้เห็นว่า คำมั่นสัญญาของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ว่าจะมีการรักษาความปลอดภัยให้อย่างเต็มที่ หลังจากที่มีการขอเปิดพื้นที่จราจรบริเวณด้านหน้ากระทรวงศึกษาธิการ นั้นไม่เป็นความจริง เพราะภายหลังจากการยบุสภาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เคยประจำการบริเวณพื้นที่ชุมนุมกลับหายไปทั้งหมด ซึ่งคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย โดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯก็ได้ทำหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ถึง 2 ครั้งในการขอกำลังเจ้าหน้าที่มาดูแลรักษาความปลอดภัย แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง แม้แต่หลังการเกิดเหตุเมื่อคืนนี้ ก็มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียง 2 นายเท่านั้นที่มาประจำอยู่ด้านหลังเวที
“รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ได้ทำหน้าที่ในการดูแลรักษาความปลอดภัยของประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิชุมนุมอย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 61, 70 และ 71 สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของรัฐบาลในการทำงานด้านความมั่นคง รวมไปถึงตลอดหลายปีที่ผ่านมาที่รัฐบาลนี้ไม่ได้ทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ” นายปานเทพ กล่าว
โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า นับตั้งแต่เหตุการณ์ลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ การก่อเหตุใช้ปืนเอ็ม 79 ยิงเข้าใส่พื้นที่ชุมนุมพันธมิตรฯเมื่อปี 51 และที่การชุมนุมบริเวณสนามหลวงเมื่อปี 52 รวมไปถึงการที่มีบุคคลในกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงใช้อาวุธสงคราม จนลามไปถึงการก่อเหตุเผาบ้านเผาเมือง ทั้งหมดจนถึงบัดนี้ยังไม่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ ทั้งยังสนับสนุนการปล่อยตัวแกนนำคนเสื้อแดงออกมาข่มขู่ประชาชนอีกด้วย จึงเป็นความล้มเหลวในด้านความมั่นคงของรัฐบาลอย่างสิ้นเชิง
นายปานเทพ กล่าวอีกว่า ส่วนสาเหตุการก่อเหตุนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ แต่ก็ไม่สำคัญเท่ากับการทำหน้าที่ของตำรวจและรัฐบาลในการติดตามผู้ก่อเหตุมาลงโทษให้ได้ อย่างไรก็ตามตนขอตั้งข้อสังเกตว่าผู้ก่อเหตุต้องการที่จะข่มขู่การเคลื่อนไหวของภาคประชาชน และสร้างสถานการณ์ โดยการข่มขู่นั้นก็มาจากประเด็นที่ภาคประชาชนพยายามเคลื่อนไหวทั้งเรื่องการป้องกันอธิปไตยของชาติ และการรณงค์โหวตโน ซึ่งตรงนี้ประชาชนมีวิจารณญาณตัดสินว่าผู้ใดเป็นผู้เสียประโยชน์ ส่วนการสร้างสถานการณ์นั้นก็ต้องการใส่ร้ายคู่แข่งขันทางการเมืองในช่วงการเลือกตั้ง เพื่อเป็นข้ออ้างในการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ที่จะเป็นประโยชน์กับฝ่ายรัฐในการเลือกตั้ง หรือบางกลุ่มอาจมองว่าสร้างสถานการณ์เพื่อให้เกิดการรัฐประหาร ซึ่งในส่วนนี้เชื่อว่ามีความเป็นไปได้น้อยมาก
“ไม่ว่าจะเป็นการข่มขู่หรือสร้างสถานการณ์ ไม่สำคัญเท่ากับหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องทำให้ประชาชนมีความมั่นใจ และสามารถใช้สิทธิได้ตามรัฐธรรมนูญ รวมทั้งต้องจับกุมคนร้ายให้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่เกิดเหตุที่มีกล้องวงจรปิดเป็นจำนวนมาก ที่สามารถติดตามเส้นทางของคนร้ายได้ ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะมีความจริงใจมาน้อยเพียงใด เพราะหากไม่มีการติดตามจับกุม ก็คงเป็นไปได้มากขึ้นที่ประชาชนจะคิดว่าเหตุการณ์นี้เป็นการข่มขู่โดยรัฐบาลอยู่เบื้องหลัง หากต้องการสลัดข้อกล่าวหา ก็ต้องจับคนร้ายมาให้ได้” นายปานเทพ ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้จะมีการประสานของกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแลความปลอดภัยเพิ่มเติมหรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็ได้มีการทำหนังสือไปแล้วถึง 2 ครั้ง และเท่าที่เห็นก็มีเพียงตำรวจ 2 นายมาประจำที่หลังเวทีเท่านั้น ส่วนแนวทางต่อไปเราจะมีการประชุมคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ร่วมกับแกนนันธมิตรฯทั้ง 2 รุ่น ในวันนี้ (1 มิ.ย.) เวลา 13.00 น. ก่อนที่จะแถลงอย่างเป็นทางการต่อไปในการแถลงข่าวประจำวันพรุ่งนี้ (2 มิ.ย.) ว่าจะมีมติหรือมาตรการด้านการรักษาความปลอดภัยใดๆออกมา รวมไปถึงประเด็นการไปยื่นหนังสือให้หน่วยงานใดด้วย
นายปานเทพ กล่าวอีกว่า อยากฝากไปถึงเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ว่าที่ผ่านมามีทั้งคำสัญญาของนายกฯ และหนังสือที่ภาคประชาชนประสานของกำลังเจ้าหน้าที่ให้มาดูแล แต่ก็ยังเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น จึงต้องถือว่าตำรวจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยที่ความผิดสำเร็จแล้ว หากเกิดเหตุการณ์แล้วยังไม่ทำหน้าที่ในการติดตามคนร้าย เราก็จำเป็นที่ต้องเดินหน้าดำเนินคดีความทางอาญาต่อไป
เมื่อถามต่อว่า จะมีการขยายพื้นที่การชุมนุมให้ครอบคลุมถนนด้านหน้ากระทรวงศึกษาธิการตามเดิมหรือไม่ โฆษกพันธมิตรฯกล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีการนำขึ้นมาหารือในที่ประชุม
ผู้สื่อข่าวถามถึงกำหนดการยุติการชุมนุมว่ามีความชัดเจนแล้วหรือไม่ นายปานเทพ ยืนยันว่า ยังไม่ได้มีการพูดถึง เพราะภารกิจของเรายังไม่เสร็จ จนกว่าจะทราบผลการประชุมของคณะกรรมการมรดกโลกในช่วงปลายเดือนนี้เสียก่อน
ในส่วนของความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บนั้น นายปานเทพ เปิดเผยว่า จะมีการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทุกราย โดยถือว่าทุกคนได้รับบาดเจ็บจากการชุมนุม ใช้งบประมาณจากองทุนผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม ตามหลักเกณฑ์ที่เคยช่วยเหลือมาตั้งแต่การชุมนุมเมื่อปี 51 ในเบื้องต้น พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ก็ได้เป็นตัวแทนเข้าเยี่ยมอาการของผู้บาดเจ็บ ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา
ด้าน นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวเสริมว่าด้วยประสิทธิภาพของตำรวจไทย หากตำรวจเอาจริงเอาจัง ก็เชื่อว่าจะสามารถนำผู้กระทำผิมาลงโทษได้ เพราะจากพฤติกรรมการก่อเหตุที่อุกอาจ ใช้พาหนะรถจักรยานยนต์ ที่มีกล้องวงจรปิดตลอดเส้นทาง รวมไปถึงศูนย์จราจรของตำรวจ ที่สามารถตรวจสอบได้ว่าคนร้ายมาจากไหน และหลบหนีไปทางไหน ซึ่งหากสามารถติดตามจับกุมมาได้ ก็จะสามารถได้รับข้อเท็จจริงโยงไปถึงผู้บงการ และเป้าประสงค์ในการก่อเหตุได้ด้วย
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายประพันธ์ คูณมี ให้สัมภาษณ์
ทั้งนี้มีรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางมายังบริเวณที่เกิดเหตุ ใกล้กับสะพานมัฆวานฯ โดยใช้เวลาราว 5 นาที ท่ามกลางเสียงตะโกนโหวตโนของมวลชนพันธมิตรฯ ก่อนที่จะเดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่ รพ.หัวเฉียว ต่อไป