xs
xsm
sm
md
lg

เขมรจ่อเปิดศึก!ขนทหาร-รถถังประชิดเขาวิหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทหารเขมรนำรถถังขึ้นตรึงกำลังประชิดตัว“ปราสาทพระวิหาร”พร้อมขนรถถังอีกกว่า 20 คันจ่อชายแดนไทย แถมเหิมเกริมก่อกวนท้ายิงกับทหารไทย "ผบ.ทบ."ลั่นไทยเป็นสุภาพบุรุษไม่รุกเขมรก่อน ลั่นทหารพร้อมหากเขมรป่วน แฉ“พ.อ.ญา เปา”หัวหน้าสปายเขมรจารกรรมที่ตั้งทหารไทยชายแดน“เขาวิหาร”นั่งที่ปรึกษา“ฮุน เซน”ด้าน ศก.ตำแหน่งเดียวกับ “นช.แม้ว”ถือหลายสัญชาติทั้งกัมพูชา-เวียดนาม-มาเลย์เข้าออกไทยผ่านมาเลย์และเขมร

วานนี้(30 มิ.ย.)ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษว่า ทหารไทยและทหารกัมพูชายังคงมีการตรึงกำลังเข้มรอบบริเวณเขาพระวิหาร โดยเฉพาะในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร รอบปราสาทพระวิหาร โดยทหารไทยได้มีการทำบังเกอร์เพิ่มเติมตลอดแนวด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร

ขณะที่ทหารกัมพูชาได้ใช้รถแบ็กโฮ ก่อสร้างตัดถนนจากบริเวณด้านหลังวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ขึ้นไปจนถึง“เป้ยตาดี”ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของเขาพระวิหารแล้ว พร้อมทั้งนำเอารถถัง 5 คันขึ้นไปเสริมกำลัง โดยรถถังจอดอยู่ใกล้กับปราสาทพระวิหาร และหันปากกระบอกปืนเข้ามายังเขตแดนไทย

นอกจากนี้ ทหารกัมพูชายังได้นำรถถังอีกประมาณ 10 คันมาเสริมกำลังที่บ้านโกมุย ซึ่งอยู่ติดกับเชิงเขาพระวิหารฝั่งประเทศกัมพูชา และรถถังอีกประมาณ 10 คัน จอดอยู่ที่บริเวณช่องโดนอาวน์ ติดกับชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ

แหล่งข่าวทางทหารไทย เปิดเผยว่า ทหารกัมพูชาใช้วิธีทยอยกันขึ้นมาเสริมกำลังบริเวณปราสาทพระวิหาร โดยมารวมตัวกันอยู่ด้านหลังวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ซึ่งห่างจากวัดออกไปประมาณ 500 เมตร และกำลังทหารกัมพูชาอีกส่วนหนึ่งจะพากันแยกย้ายไปอยู่ตามจุดที่เป็นที่ตั้งของปืนใหญ่ และ เครื่องยิงจรวดอาร์พีจี รวมทั้งปืน ค.จุดละ 3-5 คนรอบบริเวณด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหารไปจนถึงช่องคานหัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บริเวณหน้าวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ทหารกัมพูชา มีการทำบังเกอร์ขนาดใหญ่ พร้อมทั้งนำเอาปืนใหญ่มาประจำไว้ที่บริเวณนี้ด้วย และ ใช้ผ้าใบสีเขียวคลุมไว้เพื่อพรางสายตา

“ช่วงเช้าวันนี้ (30) ปรากฏว่าทหารกัมพูชาที่เป็นพลปืนอาร์พีจีได้เข้ามาก่อกวนทหารไทยที่กำลังทำบังเกอร์อยู่บริเวณถนนซีเมนต์ ซึ่งเป็นทางขึ้นไปสู่วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระและได้ท้าทายให้ทหารไทยออกไปยิงปืนสู้กัน แต่ทหารไทยไม่ได้ใส่ใจและยังคงทำบังเกอร์ในเขตแดนไทยต่อไป พร้อมทั้งเฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชาอย่างใกล้ชิด”

ผบ.ทบ.ลั่นไทยไม่รุกเขมรก่อน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์หลังเดินทางกลับจากเกาหลีใต้กรณีที่สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ระบุว่าไทยเตรียมจะโจมตีในวันที่ 1 ก.ค.นี้ว่า ไม่มีอะไร อย่าไปลือกัน ตนเคยพูดว่าวิธีการแก้ไขปัญหาชายแดนมีอย่างเดียว คือ การพูดคุยกันเจรจา หากอีกฝ่ายไม่อยากคุยก็วันหน้าอาจจะคุยได้ เรายืนหยัดอยู่อย่างเดียว ตนไม่เคยบอกว่าตนอยากรบ อยากเอาชนะ อาจจะยึดดินแดนใคร ทูตต่างๆ ที่เข้าพบ ตนบอกว่าไทยใช้ความเป็นสุภาพบุรุษ คือ ไม่ไปรุกราน หรืออยากได้ดินแดนของใคร เราเพียงแต่รักษาเส้นเขตแดนที่เรารักษาเอาไว้มาตั้งแต่อดีตกาลตามแผนที่อัตราส่วนที่เรายึดถือไว้ ใครจะพูดอะไรอย่าไปตกใจเราทำหน้าที่ของเรา เราไม่ใช่นักเลง ใครจะว่าเราเป็นนักเลงไม่ใช่

"ที่สมเด็จฮุน เซน ระบุว่าไทยจะโจมตีกัมพูชานั้น เป็นเรื่องของท่าน ท่านก็พูดของท่านไป อยากจะพูดอะไรก็พูด ผมบังคับท่านได้หรือไม่ ท่านเป็นนายกฯหากจะดำเนินการนโยบายต่างประเทศของท่านแบบนี้ก็เป็นเรื่องของท่าน เราไม่มีสิทธิ์ไปวิจารณ์เป็นเรื่องของเขา เชื่อว่าสักวันจะต้องมีการคุยกัน ไม่คุยกันไม่ได้เพราะเป็นประเทศที่อยู่ติดกันไม่ต้องกลัว ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าประเทศกัมพูชาเตรียมป่วนประเทศไทย หากพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาลนั้น เราพร้อมทุกอย่าง เราเป็นสุภาพบุรุษในการทำหน้าที่ทางทหารให้ดีที่สุดไม่ต้องกังวลทุกเรื่อง ถ้าทำไม่ดีแล้วค่อยมาช่วยกันทีหลังก็แล้วกัน ถ้าไม่พร้อมก็จะต้องมาช่วยกันเพื่อเสริมความเป็นปึกแผ่น และทำให้บ้านเมืองก้าวไปข้างหน้า ปกป้องสถบัน ดูแลประชาชน "

แฉพ.อ.โจกสปายเขมรนั่งที่ปรึกษาฮุนเซน

ส่วนความคืบหน้าคดีตำรวจ สภ.กันทรลักษ์ และทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ ร่วมกันจับกุม 3 ผู้ต้องหาสายลับกัมพูชา ขณะเข้ามาสอดแนมจารกรรมข้อมูลฐานที่ตั้งทหารไทยตามแนวชายแดนด้านเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมาโดยแจ้งดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันกระทำการใดๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ” และสอบสวนขยายผลยื่นขอศาลอนุมัติออกหมายจับ พ.อ.ญา เปา นายทหารกัมพูชา หัวหน้าสายลับกัมพูชาดังกล่าวนั้น

วานนี้ (30 มิ.ย.) พ.ต.อ.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผกก.สภ.กันทรลักษ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าของคดีว่าจากการที่พนักงานสอบสวนได้เชิญนายประชุม หรือ จิ๊ด ตันศิริ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 หมู่ 9 ต.หนองจอก เขตหนองจอก กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเจ้าของฟาร์มไก่ชนและเซียนไก่ในเขตหนองจอกและเป็นเจ้าของรถยนต์กระบะยี่ห้อ โตโยต้าสีดำ สี่ประตู หมายเลขทะเบียน ชว 1901 กทม.ที่ 3 ผู้ต้องหานำเอามาใช้ในการกระทำความผิด มาสอบสวน

นายประชุม ให้การว่า รู้จักกับนายญา เปา มาประมาณ 19 ปีโดยนายญา เปา ยืนยันว่าเป็นชาวมาเลเซียและได้แสดงหนังสือเดินทางของมาเลเซีย ให้ดูชื่อนายอับดุล เลาะห์ฮิม และได้เข้ามามีภรรยาชาวไทย คือนางสาวองุ่น(ขอปิดนามสกุล) มีบุตรด้วย 3 คนโดยนางสาวองุ่น เป็นบุตรสาวของโต๊ะอีหม่าน หรือหัวหน้าสุเหร่า จากนั้นนายญา เปา จะเดินทางเข้า-ออกระหว่างมาเลเซีย-ไทยเป้นประจำ ปัจจุบันบุตร 3 คนได้ไปอาศัยอยู่กับพ่อของนายญา เปา ที่มาเลเซีย

นายประชุม ให้การต่อว่า ในระหว่างที่คบกันนายประชุมเชื่อสนิทใจว่านายญา เปา เป็นชาวมาเลเซียและเป็นบุคคลธรรมดาที่ชอบไก่ชนเท่านั้นและเคยนำไก่ชนไปจำหน่ายยังมาเลเซียหลายครั้งและก่อนหน้านี้นายญา เปา เคยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของนายประชุม จากมาเลเซียโดยอ้างว่าเป็นค่าซื้อไก่ชนครั้งละ 20,000-30,000 บาท ปัจจุบันหาก นายญา เปา เดินทางเข้าไทยจะแวะเวียนไปเยี่ยมนางสาวองุ่น ซึ่งเป็นอดีตภรรยาทุกครั้งและให้เงินครั้งละ 2,000-3,000 บาท

ส่วนรถยนต์กระบะคันดังกล่าวนายประชุม ยืนยันว่าได้ให้นายญา เปา ยืมไปซื้อไก่ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน ต่อมาจึงทราบจากสื่อว่า นายญา เปา ถูกประกาศจับและเป็นนายทหารกัมพูชาและเข้ามาสอดแนมจารกรรมความลับทางการทหารในประเทศไทย

พ.ต.อ.สมพจน์ เปิดเผยต่อว่า จากข้อมูลหลักฐานทั้งหมดที่พนักงานสอบสวนรวบรวมไว้ทำให้ทราบข้อเท็จจริงว่า ปัจจุบันนายญา เปา เป็นนายทหารยศ“พันเอก”ของกัมพูชา และมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ด้านเศรษฐกิจ ปรากฏตามรายงานการประชุมของหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินที่ จ.ตราด เมื่อวันที่ 22 ต.ค.52 ซึ่งจากพยานหลักฐานทั้งหมด ตำรวจ สภ.กันทรลักษ์จึงได้ขอศาลอนุมัติออกหมายจับนายญา เปา เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดกันทรลักษ์ที่ จ.50/2554 ในความผิดฐาน “ร่วมกันกระทำการใดๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ”

ทั้งนี้ นายญา เผา ใช้ชื่อไทย คือ นายวิชัย ชื่อมาเลเซีย นายอับดุล เลาะอิมห์ และชื่อภาษาอังกฤษ YA POV ถือสัญชาติกัมพูชา สัญชาติมาเลเซีย และสัญชาติเวียดนาม และถือหนังสือเดินทางเข้าประเทศไทย 2 เล่ม คือ หนังสือเดินทางบุคคลธรรมดาเลขที่ 978812 และถือหนังสือเดินทางนายทหารกัมพูชา เลขที่ 41372 ซึ่งปัจจุบันได้ทำการประกาศสืบจับไปยังด่านตรวจคนเข้าเมือง ทุกด่านตรวจคนเข้าเมือง ทั่วประเทศ

พ.ต.อ.สมพจน์ กล่าวอีกว่า เป็นที่สังเกตได้ว่า ในช่วงเริ่มแรกเมื่อปี 35 นายญา เปา จะเข้ามาทำการสอดแนมในไทยโดยเข้ามาจากมาเลเซียและอ้างว่าเป็นชาวมาเลเซียตลอด ต่อมาปี 52 ได้เข้ามาในไทยโดยเปิดเผยและเป็นนายทหารนอกเครื่องแบบยศ “พันเอก”และมีตำแหน่งพิเศษเป็นที่ปรึกษาสมเด็จฯฮุน เซน ด้านเศรษฐกิจ ถึงปัจจุบัน และครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.54 ได้ร่วมกับผู้ต้องหาที่ 1, 2, 3 ที่ถูกจับกุมในคดีนี้เข้ามาสอดแนมและลักลอบกำหนดพิกัดที่สำคัญที่ตั้งทางทหารที่ตั้งพลเรือนตลอดจนหลุมหลบภัย วัด บ้าน โรงเรียนและตำบลที่กระสุนตกที่เคยสู้รบกันเมื่อวันที่ 4-7 ก.พ.54 ในพื้นแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ โดยเฉพาะบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ทางขึ้นปราสาทพระวิหาร โดยใช้รถยนต์กระบะและรถยนต์ตู้รวม 2 คันเป็นยานพาหนะ ซึ่งได้ถูกเจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 23 และที่ตำรวจ สภ.กันทรลักษ์ร่วมกันไล่ติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ 1,2,3 ไว้ได้

ส่วนนายญา เปา หัวหน้าขบวนการใหญ่ นายทหารกัมพูชาคนดังกล่าว สามารถนำพิกัดที่ลักลอบบันทึกไว้ในแผนที่นำติดตัวหลบหนีไปได้ โดยได้ออกนอกประเทศไทยเข้าไปในเขตกัมพูชาทางด่านตรวจคนเข้าเมือง จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.54 และขณะนี้ส่วนราชการทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งดำเนินการติดตามเพื่อจับกุมนายญา เปา มาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเร่งด่วน
กำลังโหลดความคิดเห็น