xs
xsm
sm
md
lg

เขมรพูดไปได้นักท่องเที่ยว! ไม่รับสายลับถูกจับ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - "มาร์ค" โต้แถลงการณ์เขมรอ้างไทยกุเรื่อง 3 สายลับ ระบุกงศุลเขมรเต้น! ขอปล่อยตัว ส่วน “วีระ” ยังเคว้ง โฆษกสำนักนายกฯ เขมรโบ้ยสายลับเขมรเป็นเพียงนักท่องเที่ยว มากับรถท่องเที่ยว จึงมีแผนที่ ทภ. 2 โต้ เขมรสายลับขับรถดูฐานปืนใหญ่

ที่พุทธมณฑลสาย 5 วานนี้ (12 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กัมพูชาออกแถลงการณ์หาว่าไทยสร้างเรื่องสายลับ ซึ่งจะมีการชี้แจงต่อนานาชาติอย่างไรนั้น ขณะนี้เรารอการสอบสวนอีกนิด เสร็จแล้วก็จะให้ทางกระทรวงดำเนินการต่อไป คงไม่มีการสร้างเรื่องอยู่แล้ว เพราะตอนที่ถูกจับ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็รายงานว่าเจ้าหน้าที่กัมพูชาก็พยายามที่จะมาประสานงาน ถ้าเป็นการสร้างเรื่องก็คงไม่มาวิ่งไล่ตามหรอก

ส่วนกัมพูชาที่ประสานมาเป็นระดับไหนนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าระดับกงสุล ส่วนเป็นการประสานมาเองหรือไม่นั้น เท่าที่นายสุวิทย์ เล่าให้ฟังก็เป็นอย่างนั้นตั้งแต่วันแรกเลย ต่อข้อถามว่าเขาประสานมาเท่ากับเขายอมรับ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ใช่ครับ เพราะเขาดำเนินการเหมือนกับขอความช่วยเหลือ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากที่ไทยเตรียมจะดำเนินคดีคนเหล่านี้ ท่าทีของกัมพูชาเป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่เขาออกแถลงการณ์มา เราจะให้ทางกระทรวงการต่างประเทศพิจารณา โดยอาศัยจากความคืบหน้าในการสอบสวนเพิ่มเติมด้วย จะได้มีหลักฐานต่างๆหนักแน่น

ผู้สื่อข่าวถามว่า เท่ากับว่าตอนนี้กัมพูชากำลังโกหกนานาชาติอยู่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เดี๋ยวเราก็สามารถที่จะบอกได้ เพราะคิดว่าเรามีข้อมูลที่พร้อม และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราใช้ประโยชน์ได้หลายๆเวที เมื่อถามว่าถ้าเขาตัดตอนบอกว่าไม่ใช่คนของกัมพูชา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะให้ข้อเท็จจริงไป เพราะเราควบคุมตัวอยู่และสอบสวนอยู่ เมื่อถามว่าข้อเท็จจริงชัดเจนเลยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรามีการดำเนินการ มีเบาะแสมา มีการจับกุม และยึดเอกสารต่างๆ

**“กษิต” ย้ำทำตามกฎหมาย

นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า โดยจากข้อมูลที่ได้รับรายงานมานั้นเป็นชาวเวียดนามและชาวกัมพูชา จึงมอบหมายให้ทางกรมเอเชียตะวันออก ประสานสถานทูตทั้ง 2 แห่งเพื่อให้ได้รับทราบและยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการกฎหมายไม่มีนอกไม่มีใน และไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า ทางการกัมพูชาจะขอแลกเปลี่ยนตัวผู้ต้องหากับนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ ที่ยังถูกคุมขังอยู่ในกัมพูชานั้น นายกษิต กล่าวว่า คงต้องรอกระบวนการยุติธรรมและเป็นไปตามหลักการซึ่งตามกระบวนการยุติธรรมของไทย จะต้องได้รับโทษ 2 ใน 3 ของข้อกล่าวหาก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องว่ากันต่อไปในอนาคต แต่ที่ผ่านมาไม่มีเรื่องใดที่ไทยไม่ให้ความร่วมมือกับกัมพูชา

**กต.ออกแถลงการณ์โต้กัมพูชา ยันไทยไม่กุข่าว

ด้าน กระทรวงการต่างประเทศออกแถลงการณ์ตอบโต้ว่า 1. ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งจะไม่ดำเนินการใดๆหากไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน 2. ประเทศไทยมีขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมที่ชัดเจน เริ่มจากการหาหลักฐานโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำเสนอเรื่องต่ออัยการ จากนั้นอัยการก็จะเสนอเรื่องต่อศาล ซึ่งศาลไทยเป็นองค์กรที่มีเกียรติ มีชื่อเสียงเป็นมืออาชีพ และได้รับการยอมรับตลอดมาว่าฝ่ายการเมืองไม่สามารถแทรกแซงได้ 3. เมื่อคดีเข้าสู่ชั้นศาลแล้ว จำเลยสามารถตั้งทนายสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมในสังคมเปิดโดยทั่วไป ทั้งนี้สถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาและเวียดนามสามารถส่งเจ้าหน้าที่กงสุลเข้าพบปะผู้ต้องหาได้ตามแนวทางสากล 4.การดำเนินการทุกอย่างของไทยเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายและโปร่งใส ไม่เคยมีการตั้งข้อหาใดๆกับคนต่างชาติโดยการสร้างหลักฐานเท็จ และไทยมความจริงใจในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศต่างๆโดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านเสมอมา

**ทภ. 2 โต้เขมรสายลับขับรถดูฐานปืนใหญ่

พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว โฆษกกองทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า เป็นธรรมดาที่ทางรัฐบาลกัมพูชาต้องออกมาปฏิเสธอยู่แล้ว เพราะการจับสายลับทั้ง 3 คน มีผลต่อกัมพูชา หากเกี่ยวข้องในการปฏิบัติการทางทหาร เพราะการเข้ามาจารกรรมข้อมูลเป็นการเตรียมการเพื่อเข้าโจมตี

“หากกัมพูชารับว่าส่งสายลับมาจารกรรมข้อมูลจริง จะทำให้ทำลายภาพพจน์การให้ข่าวหรือการชี้แจงต่อนานาชาติ รวมถึงศาลโลก และทำลายความน่าเชื่อถือกัมพูชาที่กล่าวหาว่าไทยเป็นฝ่ายรุกรานกัมพูชาก่อนมาตลอด และแสดงว่าที่ผ่านมาไทยไม่ได้เป็นฝ่ายรุกรานกัมพูชา มีแต่กัมพูชาที่เป็นผู้รุกรานไทย”

ทั้ง 3 คน ได้ขับรถปิคอัพเข้ามาที่บริเวณบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ มีพฤติกรรมที่น่าสงสัยเข้ามาดูฐานที่ตั้งทางทหาร บริเวณฐานปืนใหญ่หรือหลุมหลบภัย ทำให้ทหารพรานหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 23 ร่วมกับตำรวจ สภ.กันทรลักษ์ ดักจับ

"ของกลางที่ยึดได้มีแผนที่ทหารกัมพูชา และแผนที่ประเทศไทยที่ติดกับกัมพูชา แผนที่ดังกล่าวมีการระบุพิกัดรหัส 10 หลัก มีโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่องที่สามารถถ่ายภาพได้ มีบัตรประจำตัวภายในตัวนายสุชาติ มีเครื่องบันทึกเสียงและมีเงินสดและเงินหมุนเวียนในธนาคารมากพอสมควร ตำรวจได้ตั้งข้อกล่าวหาร่วมกันกระทำเพื่อให้ได้ความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ หรือสายลับ"พ.อ.ประวิทย์กล่าวและว่า ทางเจ้าหน้าที่กำลังเร่งถอดรหัสพิกัดทั้ง 10 หลัก ว่าเป็นการกำหนดที่ตั้งทางทหารของไทยหรือไม่ เพราะการกำหนดพิกัดที่ตั้งทางทหารธรรมดาใช้แค่ 6 หลัก แต่ถ้ากำหนดพิกัดรหัสถึง 10 หลัก แสดงถึงความละเอียดในการกำหนดพิกัดทำให้มีความห่างไม่เกิน 10 เมตร จากพิกัดจริง

**เขมรพูดไปได้ เป็นนักท่องเที่ยวมีแผนที่

ด้าน “สำนักข่าวฟิฟทีนมูฟ” รายงานเมื่อวันที่11 มิ.ย ว่าหลังกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาส่งสายลับชาวกัมพูชา ทำการจารกรรมข้อมูลที่ตั้งทางทหาร บังเกอร์ ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ไทยจับกุมได้พร้อมแผนที่เขียนรหัส 10หลัก แถลงการณ์ยังกล่าวหาทางการไทยว่า สร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อใส่ความกัมพูชาโดยไม่มีมูลและจงใจสร้างเหตุเพื่อรุกรานกัมพูชา เมื่อช่วงค่ำวันเดียวกัน (10 มิถุนายน 2554) โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้ให้สัมภาษณ์วิทยุเอเชียเสรี ปฏิเสธการตั้งข้อกล่าวหาของทางการไทย

นายไพ ซีพาน โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้กล่าวกับสื่อกัมพูชาดังกล่าวว่า ทั้งสามคนถูกไทยจับกุมได้ที่ใกล้ปราสาทพระวิหารของเขมร ที่ในตัวมีหนังสือผ่านแดน มีแผนที่ภาษาเขมรและอังกฤษอย่างละหนึ่งฉบับ และมียาเสพติดอีกจำนวนหนึ่ง ทั้งสามนั่งมาในรถยนต์ท่องเที่ยวคันหนึ่ง “แผนที่อยู่ในรถยนต์ท่องเที่ยวของไทย แล้วคนไทยเป็นผู้เปิดรถ ตามปกติ นักท่องเที่ยวไทยเขามีแผนที่ นักท่องเที่ยวและคนกัมพูชาเขามีแผนที่ ในรถเป็นหลักฐานที่เราได้ทราบตามรายงาน คือมีไม้พะยูง ที่พระราชอาณาจักรกัมพูชาห้ามไม่ให้มีการตัด แล้วกำลังตามจับ ประเด็นที่สองคือมียาเสพติด ถ้าตามเทคนิค หากกัมพูชาเราส่งสายลับหรือจารกรรมไปทำงานอย่างนี้ ถ้าจารกรรมก็ต้องไม่มีหนังสือผ่านแดน และจารกรรมก็ต้องไม่นั่งรถนักท่องเที่ยวอย่างนี้ นี่เป็นเรื่องที่สร้างขึ้นซึ่งเราปฏิเสธ”

ต่อกรณีที่ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่กงสุลประจำ จ.ศรีสะเกษ ไปขอรับตัวคืนนั้น นายไพ ซีพาน กล่าวว่า “เราได้ไปสืบสวน แต่เมื่อเวลา 4โมง (ขณะเกิดเหตุจับกุม) ฝ่ายกัมพูชาไม่ได้ไปถึงที่เกิดเหตุ หากแต่เรามีคณะกรรมการประสานงานชายแดนไปสอบสวนทำรายงาน ในประเด็นนี้ เขาได้สร้างเรื่องขึ้นมาใหม่อีกเรื่องหนึ่ง ว่าเราขอให้ส่งตัวผู้ที่ถูกตั้งข้อหากลับประเทศ”

อ้างตามรายงานของสำนักข่าวต่างประเทศเมื่อวันที่มิถุนายน พล.ต.ดี เพน หัวหน้าสำนักงานประสานงานชายแดนกัมพูชา เปิดเผยว่าได้ขอให้กงสุลกัมพูชาประจำ จ.ศรีสะเกษ ประสานกับเจ้าหน้าที่ไทยเพื่อขอให้ปล่อยตัวชาวเขมรที่ถูกจับกุมกลับประเทศ.
กำลังโหลดความคิดเห็น