ศรีสะเกษ - แฉ “พ.อ.ญา เปา” หัวหน้าสปายเขมรจารกรรมที่ตั้งทหารไทยชายแดน “เขาวิหาร” นั่งที่ปรึกษา “ฮุนเซน” ด้าน ศก. ตำแหน่งเดียวกับ “นช.แม้ว” ถือหลายสัญชาติ ทั้งกัมพูชา-เวียดนาม-มาเลเซีย เข้าออกไทยผ่านมาเลย์ และเขมร ตร.สอบเค้นเจ้าของรถกระบะสายลับใช้ก่อเหตุเปิดข้อมูลหัวโจกหมดเปลือก เผย รู้จักมา 19 ปี บอกเป็นชาวมาเลย์ ชื่นชอบไก่ชน มีเมียคนไทย ลูก 3 คน เตรียมสรุปสำนวนคดีสั่งฟ้อง 3 ผู้ต้องหาที่รวบได้ต่ออัยการสัปดาห์หน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานรายความคืบหน้าคดีตำรวจ สภ.กันทรลักษ์ และทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ร่วมกันจับกุม 3 ผู้ต้องหาสายลับกัมพูชา ขณะเข้ามาสอดแนมจารกรรมข้อมูลฐานที่ตั้งทหารไทย ตามแนวชายแดนด้านเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยแจ้งดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันกระทำการใดๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ” และ สอบสวนขยายผลยื่นขอศาลอนุมัติออกหมายจับ พ.อ.ญา เปา นายทหารกัมพูชา หัวหน้าสายลับกัมพูชาดังกล่าว แล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (30 มิ.ย.) พ.ต.อ.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.กันทรลักษ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าของคดีว่า จากการที่พนักงานสอบสวน ได้เชิญ นายประชุม หรือ จิ๊ด ตันศิริ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 หมู่ 9 ต.หนองจอก เขตหนองจอก จ.กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเจ้าของฟาร์มไก่ชนและเซียนไก่ในเขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร และเป็นเจ้าของรถยนต์กระบะยี่ห้อ โตโยต้าสีดำ สี่ประตู หมายเลขทะเบียน ชว 1901 กทม.ที่ 3 ผู้ต้องหานำเอามาใช้ในการกระทำความผิด มาสอบสวน
โดย นายประชุม ได้ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อการสอบสวน ระบุว่า นายประชุม รู้จักกับ นายญา เปา มานานประมาณ 19 ปี (เมื่อประมาณ ปี พ.ศ.2535) โดย นายญา เปา ยืนยันว่า ตัวเองเป็นชาวมาเลเซีย และได้แสดงหนังสือเดินทางของประเทศมาเลเซีย ให้ดูชื่อ นายอับดุล เลาะห์ฮิม และได้เข้ามามีภรรยาชาวไทย คือ นางสาวองุ่น (ขอปิดนามสกุล) มีบุตรด้วยจำนวน 3 คน โดยนางสาวองุ่น เป็นบุตรสาวของโต๊ะอิหม่าม หรือ หัวหน้าสุเหร่า (นายเดต ยามานซามีดิน ) จากนั้น นายญา เปา จะเดินทางเข้า- ออก ระหว่างประเทศมาเลเซีย-ประเทศไทย เป็นประจำ ปัจจุบัน มีบุตรจำนวน 3 คนได้ไปอาศัยอยู่กับพ่อของ นายญา เปา ที่ประเทศมาเลเซีย
นายประชุม ให้การต่อว่า ในระหว่างที่คบกันมาเป็นเวลานานประมาณ 19 ปี นายประชุมเชื่อสนิทใจว่านายญา เปา เป็นชาวมาเลเซียและเป็นบุคคลธรรมดา ที่ชอบไก่ชนเท่านั้น และเคยนำไก่ชนไปจำหน่ายยังประเทศมาเลเซียหลายครั้ง และก่อนหน้านี้ นายญา เปา เคยโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของ นายประชุม จากประเทศมาเลเซีย โดยอ้างว่าเป็นค่าซื้อไก่ชน ครั้งละ 20,000-30,000 บาท ปัจจุบันหาก นายญา เปา เดินทางเข้าประเทศไทยจะแวะเวียนไปเยี่ยม นางสาวองุ่น ซึ่งเป็นอดีตภรรยาทุกครั้งและให้เงินครั้งละ 2,000-3,000 บาท
ส่วนรถยนต์กระบะคันดังกล่าวนายประชุม ยืนยันว่า ได้ให้ นายญา เปา ยืมไปซื้อไก่ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน ต่อมาจึงทราบจากสื่อมวลชนว่า นายญา เปา ถูกประกาศจับและเป็นนายทหารกัมพูชาและเข้ามาสอดแนมจารกรรมความลับทางการทหารในประเทศไทย
พ.ต.อ.สมพจน์ เปิดเผยต่อว่า จากข้อมูลหลักฐานทั้งหมดที่พนักงานสอบสวนรวบรวมไว้ ทำให้ทราบข้อเท็จจริงว่า ปัจจุบัน นายญา เปา เป็นนายทหารยศ “พันเอก” ของกัมพูชา และ มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษา สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ด้านเศรษฐกิจ ปรากฏตามรายงานการประชุมของหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินที่ จ.ตราด เมื่อวันที่ 22 ต.ค.2552 ซึ่งจากพยานหลักฐานทั้งหมด ตำรวจ สภ.กันทรลักษ์ จึงได้ขอศาลอนุมัติออกหมายจับ นายญา เปา เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดกันทรลักษ์ ที่ จ.50/2554 ในความผิดฐาน “ร่วมกันกระทำการใดๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ”
ทั้งนี้ นายญา เปา ใช้ชื่อไทย คือ นายวิชัย ชื่อมาเลเซีย นายอับดุล เลาะอิมห์ และชื่อภาษาอังกฤษ YA POV ถือสัญชาติกัมพูชา สัญชาติมาเลเซีย และ สัญชาติเวียดนาม และถือหนังสือเดินทางเข้าประเทศไทย 2 เล่ม คือ หนังสือเดินทางบุคคลธรรมดาเลขที่ 978812 และถือหนังสือเดินทางนายทหารกัมพูชา เลขที่ 41372 ซึ่งปัจจุบันได้ทำการประกาศสืบจับไปยังด่านตรวจคนเข้าเมือง ทุกด่านตรวจคนเข้าเมือง ทั่วประเทศ
พ.ต.อ.สมพจน์ กล่าวอีกว่า เป็นที่สังเกตได้ว่า นายญา เปา ในช่วงเริ่มแรกเมื่อประมาณปี 2535 จะเข้ามาทำการสอดแนมในประเทศไทย โดยเข้ามาจากประเทศมาเลเซียและอ้างว่าเป็นชาวมาเลเซียมาโดยตลอด ต่อมาประมาณปี 2552 ได้เข้ามาในประเทศไทยโดยเปิดเผยและเป็นนายทหารนอกเครื่องแบบยศ “พันเอก” และมีตำแหน่งพิเศษเป็นที่ปรึกษาสมเด็จฯ ฮุน เซน ด้านเศรษฐกิจ ถึงปัจจุบัน
และครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.54 ได้ร่วมกันกับผู้ต้องหาที่ 1, 2, 3 ที่ถูกจับกุมในคดีนี้ เข้ามาสอดแนมและลักลอบกำหนดพิกัดที่สำคัญ ที่ตั้งทางทหาร ที่ตั้งพลเรือนตลอดจนหลุมหลบภัย วัด บ้าน โรงเรียนและตำบลที่กระสุนตกที่เคยสู้รบกันเมื่อวันที่ 4-7 ก.พ.2554 ในพื้นแนวชายแดนอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยเฉพาะบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทางขึ้นปราสาทพระวิหาร โดยใช้รถยนต์กระบะ และรถยนต์ตู้ รวมจำนวน 2 คัน เป็นยานพาหนะ ซึ่งได้ถูกเจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 23 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กันทรลักษ์ ร่วมกันไล่ติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ 1, 2, 3 ไว้ได้
ส่วน นายญา เปา หัวหน้าขบวนการใหญ่ นายทหารกัมพูชาคนดังกล่าว สามารถนำพิกัดที่ลักลอบบันทึกไว้ในแผนที่นำติดตัวหลบหนีไปได้ โดยได้ออกนอกประเทศไทยเข้าไปในเขตประเทศกัมพูชาทางด่านตรวจคนเข้าเมือง จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2554 และขณะนี้ส่วนราชการทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งดำเนินการติดตามเพื่อจับกุม นายญา เปา มาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเร่งด่วน
ทางด้าน พ.ต.ต.สังวร วันทะวี พงส.(สบ2) สภ.กันทรลักษ์ ร้อยเวรเจ้าของคดี กล่าวว่า ขณะนี้การสอบสวนพยานหลักฐานของผู้ต้องหาทั้ง 3 คนใกล้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะต้องฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 3 คนที่เรือนจำอำเภอกันทรลักษ์ อีก 1 ครั้ง จากนั้น คาดว่า จะสามารถสรุปสำนวนส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 3 คนไปยังอัยการจังหวัดกันทรลักษ์ ได้ภายในสัปดาห์หน้านี้