“อภิสิทธิ์” แนะตรวจสอบเจ้าหน้าที่เอี่ยวปล่อย “นช.แม้ว” เข้าแดนยุ่นหรือไม่ หลัง รมว.กต.ดอดคุยทูตขอช่วยนักโทษหนีคดี ปัดสมัยเป็นนายกฯ ติดต่อตะวันออกกลางน้อย แย้มจ่อล่อแถลงนโยบายแน่ โยนวิป 3 ฝ่ายตกลงเวลาจ้อ - “ส.ว.สัก” ไม่พูดตำรวจสากลถอนหมายจับ “ทักษิณ” ลั่นไม่กลัวเช็กบิล ไม่สนถูกมองทำงานสูญเปล่า
วันนี้ (16 ส.ค.) ที่สนามบินดอนเมือง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ทางการญี่ปุ่นออกวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย เข้าประเทศว่า เป็นเรื่องของทางการญี่ปุ่นที่จะอนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าประเทศหรือไม่ แต่สิ่งที่ต้องตรวจสอบ คือ มีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยเฉพาะกรณีที่มีรายงานว่านายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้พบปะกับเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยก่อนหน้านี้ และมีการขอความร่วมมือให้อำนวยความสะดวกให้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณยังมีปัญหาเรื่องหลบหนีคดีอยู่
เมื่อถามถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศตัวเป็นทูตการค้ากับประเทศตะวันออกกลาง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าความหมายเป็นอย่างไร ที่ผ่านมาเห็นแต่ พ.ต.ท.ทักษิณทำธุรกิจส่วนตัว และการที่ พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่ารัฐบาลของตนติดต่อกับประเทศในตะวันออกกลางน้อยก็ไม่เป็นความจริง เพราะตอนเป็นรัฐบาลได้เพิ่มพูนการค้าการลงทุน เชื่อมสัมพันธ์กับประเทศเหล่านี้ ซึ่งมีหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะมาลงทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาว่า ในส่วนของฝ่ายค้านได้เตรียมแนวทางอภิปรายไว้ ใครเคยทำงานในกระทรวงไหนก็ต้องเตรียมตัวเพราะมีข้อมูลอยู่พอสมควร และส.ส.ที่แสดงความจำนงเป็นกรรมาธิการฯ ในคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ สามารถแบ่งหัวข้อที่จะอภิปรายได้ ส่วนจะใช้เวลาเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล และวิปฝ่ายค้านจะตกลงกัน
ขณะที่รัฐสภา นายสัก กอแสงเรือง ส.ว.สรรหา ในฐานะอดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวปฏิเสธที่จะให้ความเห็นภายหลังที่มีกระแสข่าวว่าตำรวจสากลได้ถอนหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินริมถนนรัชดาภิเษก ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาให้จำคุก 2 ปีว่า ตนในฐานะสมาชิกวุฒิสภาจะสามารถให้ความเห็นได้ต่อเมื่อวุฒิสภาได้หยิบยกมาพิจารณาหรือตรวจสอบเท่านั้น เนื่องจากตนเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาดขึ้นได้ ทั้งนี้ไม่กลัวการเช็กบิลหลังจากเป็นรัฐบาลเพื่อไทยแน่นอน ส่วนจะมองว่าการถอนหมายจับครั้งนี้เป็นการทำงานที่สูญเปล่าหรือไม่นั้นก็ช่างมัน เราได้ทำหน้าที่ของเราแล้ว เมื่อพ้นจากตำแหน่ง คตส.ก็ถือว่าหมดหน้าที่แล้ว