โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันตำรวจสากล ไม่เคยขึ้นหมายแดง “ทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งกองการต่างประเทศเคยส่งเรื่องขอให้ขึ้นหมายจับไปเมื่อ 2 ปีก่อนแล้ว แต่ความผิดไม่เข้าข่าย จึงยังไม่มีการขึ้นหมายจับแต่อย่างใด
วันนี้ (15 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวอินเตอร์โพลถอนหมายแดง (Red notice) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า กองการต่างประเทศเคยร้องขอไปยังอินเตอร์โพลสำนักงานใหญ่ที่ประเทศฝรั่งเศส ให้พิจารณาขึ้นหมายแดง พ.ต.ท.ทักษิณเมื่อ 2 ปีก่อน แต่ทางอินเตอร์โพลไม่ได้ขึ้นหมายแดงให้ และมีหนังสือตอบกลับมาว่ากรณีขอ พ.ต.ท.ทักษิณไม่เข้าเงื่อนไขการประกาศหมายแดงของทางอินเตอร์โพล หลังจากนั้น ทางกองการต่างประเทศก็ไม่ได้ร้องขอไปอีก จึงยืนยันได้ว่าไม่มีการร้องถอนหมายแดงแต่อย่างใดเพราะอินเตอร์โพลไม่เคยขึ้นหมายแดง พ.ต.ท.ทักษิณมาก่อน
อย่างไรก็ตาม ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2553 นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุภายหลัง การประชุมวางแนวทางปฏิบัติการขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนว่า จะเร่งดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนการปฏิบัติทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ส่วนของดีเอสไอจะออกหนังสือเวียนหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณไปทั่วประเทศ เพื่อขอความร่วมมือในการจับกุมตัว สำหรับการดำเนินการในต่างประเทศ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย จะขอความร่วมมือไปยังประเทศต่างๆ เพื่อให้ทราบถิ่นที่อยู่ของผู้ต้องหา นอกจากนี้จะประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อขอความร่วมมือจากตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) ในการจับกุมตัว
ในวันเดียวกันนั้น (26 พ.ค.53) พล.ต.ต.เทอดศักดิ์ รุจิรวงศ์ ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ (ขณะนั้น) ระบุเช่นกันว่า การดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาที่อยู่ต่างประเทศ มีกระบวนการเป็นขั้นตอนและต้องประสานงานกับทางองค์การตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพล เมื่อทางองค์การตำรวจสากลได้รับเอกสารหมายจับ และหลักฐานต่างๆ แล้ว องค์การตำรวจสากลจะพิจารณา หากเห็นว่า เป็นการออกหมายจับเพื่อประโยชน์ทางการเมืองแล้วก็ไม่มีการส่งหมายจับไปให้ประเทศสมาชิก 187 ประเทศได้
พล.ต.ต.เทอดศักดิ์กล่าวว่า ส่วนการดำเนินการของตำรวจอินเตอร์โพลในไทย หากทางดีเอสไอส่งหมายจับมาถึงก็สามารถดำเนินการตามขั้นตอนได้ทันที ไม่ต้องรอกรณีทนาย พ.ต.ท.ทักษิณ ยื่นคัดค้านหมายจับข้อหาก่อการร้าย สำหรับขั้นตอนการดำเนินการหลังได้รับหมายจับทางกองการต่างประเทศต้องกรอกข้อมูลจำนวน 5 หน้า ส่งทางฐานข้อมูลอินทราเน็ตของอินเตอร์โพล ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่เข้าได้เฉพาะสมาชิกอินเตอร์โพล จากนั้นทางอินเตอร์โพล ก็จะนำไปพิจารณาความสำคัญของหมายจับที่ส่งไปว่าเป็นระดับใด ซึ่งคดีร้ายแรงมีความสำคัญ เช่น การก่อการร้าย ค้าอาวุธสงคราม ก็จะถูกจัดให้อยู่ประเภทบัญชีสีแดง ซึ่งถูกจับตามมองเป็นพิเศษ ส่วนคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วแต่ว่าทางอินเตอร์โพลจะพิจารณาเป็นระดับใด เพราะอาจมองว่าเป็นเรื่องทางการเมืองก็ได้
ด้านการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ตามหมายจับนั้น ต้องขอความร่วมมือจากตำรวจประเทศที่พ.ต.ท.ทักษิณไปพำนัก เพื่อสืบสวนหาแหล่งที่อยู่ เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยทำงานในต่างประเทศ ส่วนประเทศนั้นจะดำเนินการอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับนโยบายการทำงาน อาจเพียงแจ้งว่ามีการเข้ามาพำนักอยู่ โดยการประสานเข้ามายังกระทรวงต่างประเทศตรวจสอบว่ามีนโยบายสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ หากมีการจับกุมก็ขึ้นอยู่แต่ละประเทศว่าจะมีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนให้หรือไม่ ซึ่งทางสำนักงานอัยการสูงสุดต้องเป็นผู้ประสาน เพื่อขอตัวมาดำเนินคดีในประเทศไทย หากประเทศนั้นไม่มีสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนการดำเนินการเป็นไปตามกฎหมายในประเทศนั้นๆ ส่วนการส่งตัวก็คงเป็นไปโดยการดำเนินการตามวิธีทางการฑูต
พล.ต.ต.เทอดศักดิ์ยังกล่าวถึงการติดตาม พ.ต.ท.ทักษิณ คดีที่ดินรัชดาฯ ว่า ตัวเอกสารทั้งหมดรวมถึงข้อมูลเรื่องคดีสำคัญส่วนใหญ่จะมีคนทำคดีได้เพียง 2-3 คน เพราะจะเก็บไว้เป็นความลับ โดยขณะนี้ พล.ต.ต.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผบก.ตท.คนก่อน ได้เดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ อีกทั้งเอกสารทั้งหมดไม่รู้อยู่กับใคร ผู้การคนเก่าเป็นคนรับผิดชอบและดำเนินการส่งเรื่องนี้ไปแล้วก่อนหน้า แต่ทางอินเตอร์โพลไม่ติดตามให้ เพราะอาจพิจารณาว่าเป็นคดีที่เกี่ยวข้องทางการเมือง ทางประเทศไทยจึงไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ ซึ่งเรื่องนี้ทางรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศก็ทราบดี
“หากได้รับการประสานงานจาก DSI ก็คาดว่าอาจจะใช้เวลาเพียง 3 วัน ในการแปลหมายจับและข้อกฎหมาย เพื่อส่งให้องค์การตำรวจสากล ในการช่วยติดตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขณะเดียวกัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะประสานไปยัง 187 ประเทศ ที่เป็นสมาชิกตำรวจสากล ให้ช่วยติดตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รวมถึงขอความร่วมมือสถานทูต กงสุลของทั้ง 187 ประเทศ ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย เพื่อแจ้งหน่อยงานที่เกี่ยวข้องในการสืบแหล่งที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” พล.ต.ต.เทอดศักดิ์กล่าวในครั้งนั้น
วันนี้ (15 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวอินเตอร์โพลถอนหมายแดง (Red notice) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า กองการต่างประเทศเคยร้องขอไปยังอินเตอร์โพลสำนักงานใหญ่ที่ประเทศฝรั่งเศส ให้พิจารณาขึ้นหมายแดง พ.ต.ท.ทักษิณเมื่อ 2 ปีก่อน แต่ทางอินเตอร์โพลไม่ได้ขึ้นหมายแดงให้ และมีหนังสือตอบกลับมาว่ากรณีขอ พ.ต.ท.ทักษิณไม่เข้าเงื่อนไขการประกาศหมายแดงของทางอินเตอร์โพล หลังจากนั้น ทางกองการต่างประเทศก็ไม่ได้ร้องขอไปอีก จึงยืนยันได้ว่าไม่มีการร้องถอนหมายแดงแต่อย่างใดเพราะอินเตอร์โพลไม่เคยขึ้นหมายแดง พ.ต.ท.ทักษิณมาก่อน
อย่างไรก็ตาม ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2553 นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุภายหลัง การประชุมวางแนวทางปฏิบัติการขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนว่า จะเร่งดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนการปฏิบัติทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ส่วนของดีเอสไอจะออกหนังสือเวียนหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณไปทั่วประเทศ เพื่อขอความร่วมมือในการจับกุมตัว สำหรับการดำเนินการในต่างประเทศ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย จะขอความร่วมมือไปยังประเทศต่างๆ เพื่อให้ทราบถิ่นที่อยู่ของผู้ต้องหา นอกจากนี้จะประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อขอความร่วมมือจากตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) ในการจับกุมตัว
ในวันเดียวกันนั้น (26 พ.ค.53) พล.ต.ต.เทอดศักดิ์ รุจิรวงศ์ ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ (ขณะนั้น) ระบุเช่นกันว่า การดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาที่อยู่ต่างประเทศ มีกระบวนการเป็นขั้นตอนและต้องประสานงานกับทางองค์การตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพล เมื่อทางองค์การตำรวจสากลได้รับเอกสารหมายจับ และหลักฐานต่างๆ แล้ว องค์การตำรวจสากลจะพิจารณา หากเห็นว่า เป็นการออกหมายจับเพื่อประโยชน์ทางการเมืองแล้วก็ไม่มีการส่งหมายจับไปให้ประเทศสมาชิก 187 ประเทศได้
พล.ต.ต.เทอดศักดิ์กล่าวว่า ส่วนการดำเนินการของตำรวจอินเตอร์โพลในไทย หากทางดีเอสไอส่งหมายจับมาถึงก็สามารถดำเนินการตามขั้นตอนได้ทันที ไม่ต้องรอกรณีทนาย พ.ต.ท.ทักษิณ ยื่นคัดค้านหมายจับข้อหาก่อการร้าย สำหรับขั้นตอนการดำเนินการหลังได้รับหมายจับทางกองการต่างประเทศต้องกรอกข้อมูลจำนวน 5 หน้า ส่งทางฐานข้อมูลอินทราเน็ตของอินเตอร์โพล ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่เข้าได้เฉพาะสมาชิกอินเตอร์โพล จากนั้นทางอินเตอร์โพล ก็จะนำไปพิจารณาความสำคัญของหมายจับที่ส่งไปว่าเป็นระดับใด ซึ่งคดีร้ายแรงมีความสำคัญ เช่น การก่อการร้าย ค้าอาวุธสงคราม ก็จะถูกจัดให้อยู่ประเภทบัญชีสีแดง ซึ่งถูกจับตามมองเป็นพิเศษ ส่วนคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วแต่ว่าทางอินเตอร์โพลจะพิจารณาเป็นระดับใด เพราะอาจมองว่าเป็นเรื่องทางการเมืองก็ได้
ด้านการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ตามหมายจับนั้น ต้องขอความร่วมมือจากตำรวจประเทศที่พ.ต.ท.ทักษิณไปพำนัก เพื่อสืบสวนหาแหล่งที่อยู่ เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยทำงานในต่างประเทศ ส่วนประเทศนั้นจะดำเนินการอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับนโยบายการทำงาน อาจเพียงแจ้งว่ามีการเข้ามาพำนักอยู่ โดยการประสานเข้ามายังกระทรวงต่างประเทศตรวจสอบว่ามีนโยบายสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ หากมีการจับกุมก็ขึ้นอยู่แต่ละประเทศว่าจะมีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนให้หรือไม่ ซึ่งทางสำนักงานอัยการสูงสุดต้องเป็นผู้ประสาน เพื่อขอตัวมาดำเนินคดีในประเทศไทย หากประเทศนั้นไม่มีสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนการดำเนินการเป็นไปตามกฎหมายในประเทศนั้นๆ ส่วนการส่งตัวก็คงเป็นไปโดยการดำเนินการตามวิธีทางการฑูต
พล.ต.ต.เทอดศักดิ์ยังกล่าวถึงการติดตาม พ.ต.ท.ทักษิณ คดีที่ดินรัชดาฯ ว่า ตัวเอกสารทั้งหมดรวมถึงข้อมูลเรื่องคดีสำคัญส่วนใหญ่จะมีคนทำคดีได้เพียง 2-3 คน เพราะจะเก็บไว้เป็นความลับ โดยขณะนี้ พล.ต.ต.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผบก.ตท.คนก่อน ได้เดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ อีกทั้งเอกสารทั้งหมดไม่รู้อยู่กับใคร ผู้การคนเก่าเป็นคนรับผิดชอบและดำเนินการส่งเรื่องนี้ไปแล้วก่อนหน้า แต่ทางอินเตอร์โพลไม่ติดตามให้ เพราะอาจพิจารณาว่าเป็นคดีที่เกี่ยวข้องทางการเมือง ทางประเทศไทยจึงไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ ซึ่งเรื่องนี้ทางรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศก็ทราบดี
“หากได้รับการประสานงานจาก DSI ก็คาดว่าอาจจะใช้เวลาเพียง 3 วัน ในการแปลหมายจับและข้อกฎหมาย เพื่อส่งให้องค์การตำรวจสากล ในการช่วยติดตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขณะเดียวกัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะประสานไปยัง 187 ประเทศ ที่เป็นสมาชิกตำรวจสากล ให้ช่วยติดตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รวมถึงขอความร่วมมือสถานทูต กงสุลของทั้ง 187 ประเทศ ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย เพื่อแจ้งหน่อยงานที่เกี่ยวข้องในการสืบแหล่งที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” พล.ต.ต.เทอดศักดิ์กล่าวในครั้งนั้น
