“อภิสิทธิ์” ภาวนาให้ศาลเมืองมิวนิกอนุญาตถอนอายัดเครื่องบินโบอิ้ง 737 เผยคดี บ.วอเตอร์บาว ใช้สิทธิฟ้องร้องโดยไม่สุจริต เตรียมยื่นอุทธรณ์ก่อน 29 ก.ค.นี้ ชี้อัยการสูงสุดมีเหตุผลที่ดีพอ
วันนี้ (19 ก.ค.) ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าศาลเยอรมนีมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินรัฐบาลไทย โดยนำไปสู่การอายัดเครื่องบินโบอิ้ง 737 ที่จอดอยู่ท่าอากาศยานนครมิวนิกว่า วันที่ 20 ก.ค. ศาลเยอรมนีจะออกพิจารณาเรื่องดังกล่าว ซึ่งเอกสารที่ยื่นให้ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของกรรมสิทธิ์ เข้าใจว่าศาลจะให้เวลายื่นเอกสารเพิ่มเติมได้ภายในเวลา 24.00 น.ของวันอังคารที่ 19 ก.ค และคดีดังกล่าวเป็นเรื่องที่เราขอให้ถอนอายัด และตนไม่ขอพูดอะไรเพิ่มเติมเพราะศาลกำลังพิจารณาอยู่
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องของคดีที่บริษัทวอเตอร์บาวไปฟ้องศาลที่ศาลนิวยอร์ก ให้บังคับเป็นไปตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ โดยอ้างว่ารัฐบาลไทยผิดสัญญา เราจะทำการยื่นอุทธรณ์ก่อนวันที่ 29 ก.ค. เพราะเบื้องต้นศาลนิวยอร์กได้ตัดสินให้เราปฏิบัติตามอนุญาโตตุลาการ ดังนั้นเราจะไปอุทธรณ์ก่อนวันที่ 29 ก.ค. เพราะเป็นสิทธิของเรา ซึ่งทางอัยการสูงสุดได้ยืนยันกับตนแล้วว่ามีเหตุผลที่ดีจะไปอุทธรณ์ รวมถึงการดำเนินการกฎหมายด้านอื่น เพราะว่ากำลังพิจารณาข้อมูลบางประการที่บ่งบอกว่า ทางฝ่ายบริษัทใช้สิทธิ์โดยไม่สุจริต
เมื่อถามว่า ทางฝ่ายเราปล่อยระยะเวลาในการดำเนินการนานไปหรือไม่จึงทำให้เกิดปัญหา นายกฯ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว เพราะว่าเรื่องนี้มีการนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว 2 ถึง 3 ครั้ง เมื่อมีคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ เราได้ให้ทางฝ่ายกฎหมายดูว่าจะทำการโต้แย้งอย่างไร จนในที่สุดได้ไปต่อสู้กันที่นิวยอร์ก และเมื่อตัดสินเรานำมาพิจารณาอีกครั้ง และบอกให้อุทธรณ์ แต่บังเอิญไปที่ศาลเบอร์ลินแล้วให้ทำการอายัด ซึ่งความจริงเข้าใจว่าเคยไปศาลมิวนิก และศาลมิวนิกเขาไม่รับ
เมื่อถามว่า ที่ระบุว่าทางบริษัทวอเตอร์บาวใช้สิทธิโดยไม่สุจริตนั้น มีปัญหาเรื่องการทำสัญญา โดยยึดสัมปทานดอนเมืองโทลล์เวย์ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทางอัยการสูงสุดยังอยู่ที่เยอรมนี จะกลับมารายงานตนเรื่องนี้ให้ชัดเจนอีกครั้ง ซักต่อว่า การฟ้องร้องเรื่องดังกล่าว เป็นเรื่องที่คาบเกี่ยวกับการทำผิดสัญญาใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ท่านอัยการสูงสุดยังไม่ได้ลงรายละเอียด บอกเพียงว่าจะมารายงานตนหลังจากกลับมา เพราะเป็นข้อมูลเพิ่งปรากฏมาเมื่อเร็วนี้
เมื่อถามว่า การฟ้องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความบกพร่องเราใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในที่สุดคงต้องดูคำตัดสินของศาลก่อนว่าเกิดความเสียหายอย่างไรหรือไม่ ถ้ามีความเสียหายคงต้องมีการสอบว่าความเสียหายนั้นเกิดขึ้นจากอะไร แต่ฐานที่ใช้ในการแปลอนุญาโตตุลาการนั้นคือ เราไม่ปฏิบัติตามสัญญา ซึ่งตนก็จำไม่ได้ว่าช่วงไหน เพราะนานมาแล้ว
ซักต่อวา คดีที่ต่างชาติมาลงทุนในบ้านเรายังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ชัดเจน จะเกิดความวุ่นวายหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้คณะรัฐมนตรีมีมติว่ากระบวนการของอนุญาโตตุลาการต้องค่อนข้างระมัดระวังในการที่จะไปกำหนดให้เป็นตัวที่ชี้หรือใช้ในการหาข้อยุติข้อพิพาทต่างๆ โดยทางเอกชนมีความต้องการให้เราใช้ แต่เราเห็นว่าหน่วยงานของรัฐที่ผ่านมาเมื่อใช้แล้วเกิดความเสียเปรียบ เพราะฉะนั้นขณะนี้จะมีการขอเป็นกรณีๆไป เช่นกระทรวงพลังงานที่จะไปทำสัญญา ซื้อขายไฟฟ้ากับต่างประเทศต้องขอ ครม.เป็นครั้งๆ ไปว่าถ้าเกิดปัญหาต้องใช้อนุญาโตตุลาการ เป็นต้น
เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตของนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตรองประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ. ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ที่ระบุว่า ดอนเมืองโทลล์เวย์อาจมีส่วนรู้เห็นกับการไปฟ้องร้องของวอเตอร์บาว เพื่อร่วมคิดกันฉ้อฉล ฉ้อโกง หลอกลวงประชาชนและรัฐบาลไทย มีความเห็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า อัยการสูงสุดกำลังจะรายงานข้อมูลที่เราจะใช้ต่อไป ซึ่งอาจจะนอกเหนือจากการอุทธรณ์