xs
xsm
sm
md
lg

ครสท.จี้ พท.ขึ้นค่าแรง 300 ทั่วไทย - “สุชาติ” โวดีเดย์ปีใหม่ ยันนายทุนไม่ต้องเสียสละ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทยบุกเพื่อไทย จี้รัฐบาลใหม่ถือสัจจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 ทั่วประเทศ ป.ตรีเงินเดือนหมื่นห้า อ้างฟื้น ศก.ทั้งระบบ ไม่ทำสินค้าแพง ขู่ 6 เดือนไม่ทำม็อบมาแน่ แนะอย่า 2 มาตรฐานต่างด้าวถูก กม. - “สุชาติ” โต้นักวิชาการ ยันทำได้จริงชัวร์ โวคำนวณไว้หมดแล้วไม่กระทบการคลัง เล็งตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมชายแดนแก้ต่างด้าว ยันภาคอุตฯ ไม่ต้องเสียสละ เล็งแจกแท็บเล็ต ป.1 กว่า 8 แสนเครื่อง ลดค่าหนังสือเด็ก ไม่กลัว ปชป.ยื่นยุบพรรค


วันนี้ (18 ก.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย หรือ คสรท. ได้ออกแถลงการณ์ถึงกรณีที่รัฐบาลชุดใหม่จะต้องเดินหน้าด้วยสัจจะประชาธิปไตย โดยค่าแรงขั้นต่ำจะต้อง 300 บาทเท่ากันทั่วประเทศ ต่อพรรคเพื่อไทย โดยมีนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนของพรรคในการรับเรื่อง โดยในแถลงการณ์ระบุว่า ภายหลังจากการเลือกตั้งปรากฏว่าพรรคเพื่อไทยได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้นำนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทหาเสียงเอาไว้กับประชาชน เพราะฉะนั้นจึงเป็นโอกาสสำคัญที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี จะต้องเดินหน้าปฏิบัติตามสัจจะที่ให้ไว้

คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย ได้ยื่นข้อเสนอ 9 ข้อต่อพรรคการเมือง ซึ่งนายจารุพงษ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้ลงนามรับข้อเสนอดังกล่าวไปดำเนินการ ในวันที่ 21 มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมาแล้ว จึงถือว่าเป็นสัญญาประชาคม ทาง คสรท.จึงขอย้ำว่า ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท เป็นนโยบายเร่งด่วนที่พรรคเพื่อไทยต้องดำเนินการทันที เนื่องจากเป็นสัญญาประชาคมต่อผู้ใช้แรงงานกว่า 37 ล้านคน ทั้งนี้ คสรท.มีจุดยืนต่อนโยบายค่าแรงขั้นต่ำว่า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นการฟื้นเศรษฐกิจทั้งระบบ และยกระดับแรงงานระดับล่างให้มีรายได้เพียงพอต่อค่าครองชีพ อีกทั้งการปรับค่าแรงขั้นต่ำที่ผ่านมานั้นน้อบกว่าอัตราเงินเฟ้อ รวมไปถึงค่าจ้างไม่ได้เป็นปัจจัยหลักในโครงสร้างราคาสินค้า และไม่ทำให้สินค้าราคาสูงขึ้น

คสรท.จึงเห็นว่าภารกิจที่สำคัญของรัฐบาลถูกคาดหวังว่าจะนำไปสู่การปฏิรูปสังคมไทย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม ซึ่งจากบทเรียนที่ผ่านมา ประชาชนไม่อาจปล่อยให้การเมืองเป็นเรื่องของนักการเมือง และไม่อาจปล่อยให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นเรื่องของข้าราชการ ในขณะที่ผู้ใช้แรงงานเป็นพลเมืองส่วนใหญ่ที่ดำรงสัมมาชีพอยู่ในโครงสร้างสังคมการเมืองที่ไม่เท่าเทียม

โดยคณะกรรมการดังกล่าวมีข้อเสนอต้องการให้พรรคเพื่อไทยสานต่อเรื่องรับรองอนุสัญญาการรวมตัวกลุ่มสหภาพแรงงาน และการต่อรองระหว่างลูกจ้างและนายจ้าง ซึ่งขณะนี้ไม่มีการคุ้มครองผู้ก่อตั้งสหภาพ ทำให้นายจ้างสามารถปลดผู้ก่อตั้งออกจากโรงงานได้ ขณะนี้ยังต้องการให้พรรคเพื่อไทยสานต่อเรื่องการปรับโครงสร้างค่าจ้าง และสนับสนุนค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 300 บาทของพรรคเพื่อไทย เนื่องจากคณะกรรมการสมานฉันท์ได้มีการสำรวจเกี่ยวกับภาคอุตสาหกรรมพบว่าผู้ใช้แรงงานมีรายจ่ายต่อคนถึง 400 บาท แต่ได้ค่าจ้างเพียง 215 บาทต่อวัน ทำให้ไม่เพียงพอ ซึ่งนับว่าค่าจ้างในไทยยังต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน โดยพวกตนให้โอกาสพรรคเพื่อไทยบริหารประเทศ 6 เดือนหากยังไม่ได้สามารถดำเนินการเรื่องนี้ได้ ก็จะออกมาทวงถามอย่างแน่นอน ทั้งนี้กรณีแรงงานต่างชาติที่เข้ามาอย่างถูกกฎหมาย พวกตนเห็นว่า ต้องให้ความเท่าเทียมเรื่องค่าจ้าง ไม่สองมาตรฐาน นอกจากนี้ รัฐบาลก็จำเป็นควบคุมแรงงานต่างชาติที่เข้ามาอย่างผิดกฎหมาย เพราะขณะนี้ยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก

ส่วนที่ผู้ประกอบการอ้างว่า หากขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 300 บาทจริง ก็ต้องมีการลดแรงงานลงนั้น ทางคณะกรรมการเห็นว่าตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ภาคอุตสาหกรรมก็ลดแรงงานมาโดยตลอด หากมีการสั่งซื้อที่น้อยลง ตนมองว่าหากยังไม่ได้ทดลองก็ไม่ควรจะพูดเช่นนี้

ด้าน นายปลอดประสพกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้คำนึงว่า ค่าครองชีพที่ต่ำกว่า 300 บาทในขณะนี้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ในเบื้องต้นพรรคเพื่อไทยจึงตั้งเอาไว้ที่ 300 บาท ซึ่งไม่เกี่ยวข้องว่าจะอยู่ที่ภาคส่วนหรือจังหวัดใด แรงงานทุกคนถือเป็นคนเท่ากันหมด เพราะฉะนั้นก็ต้องได้ค่าแรงเท่าเทียมกัน ถ้าค่าแรงแตกต่างกันของเมืองใหญ่กับชนบทแตกต่างกัน ปัญหาความแออัดในการเคลื่อนย้ายที่ทำกินสู่เมืองหลวง รวมไปถึงสภาพครอบครัวก็จะอ่อนแอ เมื่อแรงงานต้องทิ้งครอบครัวเข้าสู่เมืองหลวง เพราะฉะนั้นก็จะทำให้ชนบทก็ไม่มีทางงอกเงยได้ ซึ่งถ้าเราอยากจะเห็นว่าเมืองชนบทมีความรู้กระจายกันอย่างกว้างขว้าง ก็จำเป็นที่จะต้องให้ค่าแรงเท่ากันทั่วประเทศ ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยเชื่อว่าวิธีคิดเช่นนี้จะทำให้ประเทศชาติเจริญเติบโตขึ้นได้

ขณะที่รัฐสภา นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรค กล่าวถึงความคืบหน้าการทำนโยบายของพรรคเพื่อไทยว่า ขณะในด้านวิสัยทัศน์ของนโยบาย ได้ดำเนินการแล้วเสร็จไปตั้งแต่ก่อนการลงสมัครรับเลือกตั้ง ช่วงนี้จึงเป็นเรื่องของการกำหนดรายละเอียด หาทางเลือก และเงื่อนเวลาที่จะนำไปดำเนินการ ซึ่งมีบางนโยบายจะต้องออกเป็นกฎหมาย หรือระเบียบ เบื้องต้นในกรอบนโยบายจะต้องยึดที่ได้หาเสียงกับประชาชนเป็นหลัก

ผู้สื่อข่าวถามถึงนโยบายขึ้นค่าแรงเป็นวันละ 300 บาท ที่หลายฝ่ายออกมาวิจารณ์ว่าเป็นไปได้ยาก นายสุชาติกล่าวว่า ตนรู้สึกดีใจที่หลายฝ่ายได้ออกมาแสดงความเห็น ซึ่งทางพรรคยืนยันว่านโยบายดังกล่าวนั้นเป็นได้ และเมื่อภายหลังจากการแถลงนโยบาย ตนจะจัดให้มีการทำเวิร์คชอป ให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยยวข้อง เช่น กรรมกร นายจ้าง เข้ามาแสดงความเห็น เบื้องต้นอาจจัด 1-2 วัน ทั้งนี้เป้าหมายของนโยบายการขึ้นค่าแรงเพื่อต้องการช่วยเหลือคนจน ประชาชนให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

เมื่อถามว่า กรณีขึ้นค่าแรงดังกล่าว ถูกมองว่าไปกระทบกับฐานการเงิน การคลังของประเทศ นายสุชาติกล่าวว่า ทางพรรคได้คำนวณไว้หมดแล้ว ดังนั้นที่หลายฝ่ายวิจารณ์ ความจริงนั้นไม่ได้กระทบต่อการเงินการคลังของประเทศ เพราะหากขึ้นค่าแรงเป็นวันละ 300 บาท ประชาชนจะได้รับเงินเดือนเพียง 7,600 บาท เท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงยังไม่พอต่อกับการดำรงชีวิต บางคนต้องออกไปทำงานตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น และกลับบ้านหลังพระอาทิตย์ตก บางคนบ่นว่าตลอดชีวิตทำงานไม่เคยเห็นพระอาทิตย์ก็ยังมี นอกจากนั้นแล้วยังมีวิธีช่วยกรรมกร ด้วยนโยบายการลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เป็น 23% เพื่อให้กรรมกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

“วันนี้พี่ชายคนโตต้องกระจายรายได้ไปให้กับน้องๆ เพื่อให้พี่ชายคนโตรวยเร็วยิ่งขึ้น ปัจจุบันเขาทำงานแต่ไม่สามารถซื้อของที่เขาทำได้ เช่น รองเท้าของเราผลิตและส่งออกนอกประเทศอย่างเดียว หากน้องสามารถซื้อรองเท้าจากที่ทำงานได้ จะขายได้ปีละ 4 แสนคู่ เห็นได้ว่าเป็นสิ่งที่ทำให้คนร่ำรวยข้น ไม่ใช่ยากจน” นายสุชาติกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่นโยบายลดภาษีนิติบุคคล กลับถูกมองว่าช่วยกลุ่มทุนขนาดใหญ่ มากกว่ากลุ่มธุรกิจประเภทเอสเอ็มอี นายสุชาติกล่าวว่า คิดจะไปดูว่าเรื่องนี้จะทำงานอย่าง ให้กลุ่มเอสเอ็มอี ได้จ้างกรรมกรได้ อีกนโยบายหนึ่งที่ต้องการจะทำเพื่อแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศ คือ ตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมชายแดน เพื่อให้คนจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาทำงานในประเทศไทยได้ ซึ่งรัฐบาลจะเก็บภาษีจากกลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้ในระดับที่ต่ำ ส่วนกรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุให้ภาคอุตสาหกรรมเสียสละต่อกรณีนโยบายเพิ่มค่าแรง 300 บาทนั้น ตนไม่ขอวิจารณ์เพราะคงเป็นความเห็นส่วนตัวของนายพร้อมพงศ์ เบื้องต้นตนยืนยันว่าไม่จำเป็นที่ต้องให้ภาคอุตสาหกรรมเสียสละ เพราะมีแผนรองรับไว้แล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผยตอนนี้

เมื่อถามถึงนโยบายการแจกแท็บเล็ตให้แก่นักเรียน นายสุชาติกล่าวว่า เบื้องต้นจะแจกให้นักเรียนที่เข้าเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ในราคาเครื่องละ 5,000 บาท จำนวน 8 แสนเครื่อง คิดเป็นเงิน 4,000 ล้านบาท ทั้งนี้จะทำให้เกิดประโยชน์คือสามารถลดค่าหนังสือของนักเรียนได้ ที่สำคัญตนมีแนวคิดที่จะลดค่าโฆษณาของรัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆ ที่ซื้อโฆษณาบนป้ายขนาดใหญ่ เพราะเห็นว่าการโฆษณาแบบนี้ไม่เกิดประโยชน์ และใช้เงินจำนวนดังกล่าวมาซื้อแท็บเล็ตให้กับนักเรียน เบื้องต้นอาจซื้อได้มากกว่าที่กำหนดในนโยบาย

เมื่อถามถึงกรณีที่หลายฝ่ายมองว่าหลายนโยบายด้านเศรษฐกิจของเพื่อไทยอาจทำไม่ได้จริง นายสุชาติกล่าวว่า ต้องดูยี่ห้อของพรรคเพื่อไทย ซึ่งตนยืนยันว่าเพื่อไทยสามารถทำได้จริงทั้งหมด ซึ่งเรื่องนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกฯ มุ่งมั่นที่จะทำ

ถามย้ำว่า แสดงว่าไม่กังวลต่อกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์เตรียมยื่นยุบพรรคหากนโยบายของพรรคเพื่อไทยทำไม่ได้จริง นายสุชาติกล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้กังวล แต่การจะยื่นยุบพรรคเพื่อไทยนั้นถือว่าเป็นสิทธิที่ทำได้ตามกฎหมาย ทั้งนี้นโยบายด้านต่างๆ ของพรรคจะเดินหน้าได้ประมาณต้นปี 2555 ส่วนค่าแรงขั้นต่ำนั้นจะเริ่มได้ วันที่ 1 ม.ค.55 อย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้ต้องรอให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลและหารือกับคณะกรรมการไตรภาคีก่อน

เมื่อถามว่า สำหรับการทำนโยบายรัฐบาลจะนัดพรรคร่วมหารือเมื่อใด นายสุชาติกล่าวว่า ต้องรอให้การทำนโยบายของเรานิ่งก่อน ก่อนที่จะเชิญพรรคร่วมมาให้ข้อมูลเพื่อนำนโยบายมารวมกัน เบื้องต้นไม่ได้เจาะจงเลือกนโยบายของใครเป็นพิเศษ ต้องมองในภาพกว้างๆ ทั้งนี้คาดว่าพรรคร่วมคงได้เตรียมนโยบายไว้บ้างแล้ว



กำลังโหลดความคิดเห็น