xs
xsm
sm
md
lg

ประเทศไทย เป็นของ “ทักษิณ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


จะชอบหรือไม่ชอบ ก็ต้องยอมรับในผลการเลือกตั้งวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ที่พรรคเพื่อไทย ชนะอย่างถล่มทลาย ทิ้งพรรคประชาธิปัตย์ขาดลอยเกือบ 100 เสียง ภายใต้กติกาของระบอบประชาธิปไตย ที่เชื่อกันว่าเป็นระบบการปกครองที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ใครได้เสียงข้างมากก็ได้สิทธิในการจัดตั้งรัฐบาล นายกรัฐมนตรี จะเป็นโคลนนิ่ง-หุ่นเชิดไม่สำคัญ เพราะถือว่าเป็นความต้องการของประชาชนข้างมากที่อยากได้แบบนี้

การเมืองที่เป็นจริง มักจะสวนทางกับการเมืองที่ควรจะเป็น หรือที่เราอยากจะให้เป็น

นับจากวันนี้เป็นต้นไป ประเทศไทยเป็นของ ทักษิณ ชินวัตร โดยความยินยอมพร้อมใจของคนไทย 13.8 ล้านคน สำหรับผู้ที่เกลียดทักษิณ อาจจะต้องเตรียมใจไว้ว่าจะต้องอยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลชินวัตรไปอีกนานหลายปี ถ้าทักษิณไม่สะดุดขาตัวเองล้มเสียก่อน เหมือนอย่างที่ผ่านมา

ชัยชนะของพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้ ห่างจากชัยชนะของพรรคไทยรักไทยในครั้งแรก 10 ปีเต็มพอดี การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2544 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกภายใต้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 พรรคไทยรักไทยได้ ส.ส.รวม 248 คน จากจำนวน ส.ส.ในสภาฯ ขณะนั้น 500 คน แบ่งเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 48 คน จาก 100 คน ส.ส. เขต 200 คนจาก 400 คน ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นรัฐบาล และมีนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค ได้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 31 คน ส.ส.เขต 97 คน รวม 128 คน พรรคไทยรักไทย ชนะแบบทิ้งห่าง ได้จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ทักษิณ ขินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรีจนครบเทอม และชนะเลือกตั้งอีกครั้งในตอนต้นปี 2548 แต่ครั้งนี้อยู่ในอำนาจได้เพียงปีเดียวก็ต้องยุบสภาหนีการตรวจสอบในกรณีขายหุ้นชินคอร์ป และการต่อต้านพฤติกรรมคอร์รัปชั่น จาบจ้วงสถาบัน ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก่อนที่การเลือกตั้งในเดือนเมษายน 2549 จะถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นโมฆะ ต้องจัดเลือกตั้งใหม่ในเดือนตุลาคม แต่กองทัพทำรัฐประหารยึดอำนาจเสียก่อนในวันที่ 19 กันยายน 2549

สิบปีผ่านไป ทักษิณกลับมายึดประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง สิบปีที่ผ่านไป เป็น “ทศวรรษที่สูญหาย” ของประเทศไทย หรือว่าสังคมไทยมีพัฒนาการอะไรขึ้นมาบ้าง คำตอบขึ้นอยู่กับจุดยืนฝักฝ่ายของแต่ละคน

บทเรียนของทักษิณ ชัยชนะอย่างหมดจด และใสสะอาดจากการเลือกตั้งครั้งนี้ บวกกับฐานมวลชนคนเสื้อแดงที่แข็งแกร่ง น่าจะทำให้ อำนาจของทักษิณ มั่นคงแข็งแรง และยั่งยืนกว่าครั้งที่แล้ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะอดทนรอคอยที่จะไม่เล่นกับ “ของร้อน” ได้นานเพียงไร

ของร้อนที่ทักษิณจะต้องอดกลั้นไม่เอามือไปแตะ แม้ว่าในใจนั้นมีความปรารถนาสักเพียงไรก็คือ การนิรโทษกรรมให้ตัวเอง ไม่ต้องรับโทษจำคุก 2 ปี และไม่ต้องขึ้นศาลในคดีอื่นๆที่รออยู่อีกหลายคดี รวมทั้งการทวงเงิน 46,000 ล้านบาทคืน

เป้าหมายสำคัญที่สุดของเขาก็คือเรื่องนี้ เพราะมิฉะนั้นก็จะไม่สามารถกลับบ้านได้ แต่พรรคเพื่อไทย ก็ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่าจะไม่นิรโทษกรรม และไม่คืนเงิน 46,000 ล้านบาทให้ทักษิณ หากคิดจะกลับคำโดยอ้างชัยชนะจากการเลือกตั้ง กลุ่มเครือข่ายพลเมืองคัดค้านนิรโทษกรรมคอร์รัปชันทักษิณ (คนท.) ที่นำโดยนายแก้วสรร อติโพธิ และนายแพทย์ ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ก็ชักธงรบรออยู่แล้ว พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็ประกาศแล้วว่า หากมีการนิรโทษกรรมเมื่อไร ไม่ว่าจะโดยรูปแบบไหน จะเคลื่อนไหวต่อต้านทันที

อย่าลืมกรณี “เสียสัตย์เพื่อชาติ” เมื่อเดือนพฤษภาคม 2535 ที่ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ประกาศว่า ตนและบุคคลในคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ รสช. จะไม่รับตำแหน่งใดๆ ในคณะรัฐมนตรี แต่แล้วก็ผิดคำพูด รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้ประชาชนออกมาชุมนุมขับไล่ออกจากตำแหน่ง จนนำไปสุ่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ และในที่สุด พล.อ.สุจินดา ต้องลาออกหลังจากเป็นนายกฯ ได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น

แต่ถ้าไม่นิรโทษกรรมตัวเองให้พ้นผิด ชัยชนะของพรรคเพื่อไทย ก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับ ทักษิณ ทั้งหลายทั้งปวงที่ทำมาตลอดช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ก็เพื่อสิ่งนี้ไม่ใช่หรือ ถึงกับลงทุนเผาบ้านเผาเมืองเมื่อปีที่แล้ว ก็ทำมาแล้ว ดังนั้น ในที่สุดแล้วทักษิณก็ต้องหาวิธีนิรโทษกรรมให้ตัวเองให้ได้ อาจจะต้องอดใจรอให้สังคมตายใจ ให้รัฐบาลลงมือทำงาน ให้ประชาชนเชื่อว่า ตั้งใจเข้ามาแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนจริงๆ ไม่ใช่แก้ปัญหาให้พี่ชาย อยู่ที่ว่า จะรอนานแค่ไหน รอไหวหรือไม่ และยิ่งลักษณ์ จะยืนระยะไปได้นานขนาดไหน

อย่างไรก็ตาม คนไทยรู้จัก และรู้ทันทักษิณใน พ.ศ.นี้ มากกว่าทักษิณเมื่อสิบปีที่แล้ว ทันทีที่กระบวนการนิรโทษกรรมเริ่มต้นขึ้น กระแสต่อต้านจะเกิดขึ้นทันที

ของร้อนอีกชิ้นหนึ่งคือ ความแค้นของคนเสื้อแดงในกรณีเผาบ้านเผาเมือง ที่แกนนำ นปช.ซึ่งบัดนี้ คือ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และบางคนอาจจะมีตำแหน่งทางการเมืองนอกเหนือจากนี้ ลั่นวาจาว่าจะต้องเอาตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และผู้นำกองทัพมาดำเนินคดีให้ได้ ตัวทักษิณเองยังว่าจ้างนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ให้ฟ้องนายอภิสิทธิ์ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ

บัดนี้ เมื่อพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลแล้ว มีอำนาจ กลไกรัฐอยู่ในมือ จะทำอย่างไรกับความตาย 91 ศพ ท่าทีของทักษิณ และยิ่งลักษณ์ ที่บอกว่าจะให้คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ หรือ คอป. ที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน ทำงานต่อไป ถูกตีความว่าจะยืมมือ คอป.ให้สรุปว่ารัฐบาลและกองทัพผิด ต้องรับผิดชอบ ซึ่งอาจจะไม่ง่าย เพราะ คอป.เคยแถลงว่า ผลการตรวจสอบใกล้จะสรุปได้แล้ว รัฐบาลคงไม่สามารถสั่งให้ คอป.เขียนผลการตรวจสอบเพื่อเล่นงานนายอภิสิทิ์และกองทัพได้ และหากทำเช่นนั้น หรือใช้วิธีการอื่นที่จะแก้แค้นแทนคนเสื้อแดง ก็จะขัดแย้งกับนโยบาย “แก้ไขไม่แก้แค้น” และกองทัพคงไม่ยอมแน่

แต่ถ้าไม่ทำอะไร เพื่อให้เกิดการปรองดอง ก็จะต้องตอบคำถามคนเสื้อแดงว่าหลอกใช้กันหรือเปล่า

ของร้อนชิ้นสุดท้ายคือ ปัญหาไทย-กัมพูชาในยุคนี้ เหตุการณ์ที่ชายแดนคงเงียบสงบ เพราะพรรคเพื่อไทยแนบแน่นกับฮุนเซน แต่ความสงบนี้ต้องแลกกับอะไร เป็นเรื่องที่จะต้องถูกจับตามองจากประชาชน ซึ่งในช่วงหนึ่งขวบปีที่ผ่านมา ข้อมูลเรื่องการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ได้ถูกเผยแพ่รไปอย่างกว้างขวาง เป็นที่รับรู้ของประชาชน มากกว่า เมื่อครั้งที่นายนพดล ปัทมะ ไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเพียงฝ่ายเดียว

วันนี้ คนไทยตัดสินใจเด็ดขาด ยกประเทศไทยให้ ทักษิณ ชินวัตรไปแล้ว เขาจะรักษา และสืบทอดอำนาจไว้ได้นานเพียงใด ขึ้นอยู่กับตัวเองแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น