วานนี้ (4 ก.ค.)นายคณิต ณ นคร ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) แถลงข่าวกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะให้คอป.ตรวจสอบข้อเท็จจริงของความขัดแย้งต่อไป ว่า คอป. ย้ำถึงข้อเสนอ 8 ข้อ ที่มีการเสนอมาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะเรื่องการคุมขังโดยไม่จำเป็น เช่น การสั่งขังในความผิดมั่วสุมเกิน 10 คน ขึ้นไป คดีใดที่ยังค้างอยู่ที่อัยการและยังไม่สั่งคดี ก็สั่งไม่ฟ้อง หรือกรณีที่สั่งฟ้องไปแล้วก็ให้ถอนคำสั่งซึ่งไม่เสียหายอะไร ทั้งนี้เชื่อว่าการทำงานของคอป.ที่ผ่านมาไม่ได้ล่าช้า แต่เป็นการทำงานท่ามกลางความขัดแย้งที่ยังไม่จบ หลังการเลือกตั้งเมื่อประชาชนส่งสัญญาณถึงบรรยากาศของความปรองดอง แล้ว คอป.จะทำหน้าที่สนับสนุนทางวิชาการและให้ ข้อเสนอแนะกับทุกฝ่าย เพื่อนำสังคมเข้าสู่ความสงบสุข
ด้านนายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ กรรมการคอป. กล่าวว่า ตนยินดีที่ทุกฝ่ายต้องการให้เกิดความปรองดอง ซึ่งถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกันผลักดัน เชื่อว่าสังคมไทยจะก้าวข้ามปัญหาขัดแย้งไปได้ หน้าที่ของคอป. ซึ่งวางเป้าหมายไว้แต่ต้นที่จะวางแนวทางอย่างเป็นระบบ เอาองค์ความรู้ที่ได้ศึกษาจากต่างประเทศมาค้นหาความจริง วิเคราะห์วินิจฉัยว่าสาเหตุความขัดแย้งมีจากปัจจัยใด และเยียวยาไม่ให้ผู้ที่ถูกกระทำรู้สึกคับแค้น อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่ายินดีที่พรรคเพื่อไทยซึ่งชนะการเลือกตั้ง มีแนวโน้ม ให้ความสำคัญกับความปรองดองและจะให้คอป.ทำงานต่อ และยืนยันจะไม่แทรกแซงการทำงาน ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลปัจจุบันก็ไม่เคยแทรกแซง ได้ให้อิสระอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ การสร้างความปรองดอง ต้องทำให้สังคมเข้าใจก่อน ไม่ใช่มาพูดถึงวิธีการก่อน เช่น เรื่องนิรโทษกรรม ควรต้องพูดถึง เป้าประสงค์ แนวคิดหลักการที่จะนำสังคมไทย ไปสู่ความปรองดองก่อน หากหยิบประเด็นนิรโทษกรรมมา พูดวันนี้ โดยที่ยังไม่มีการทำความเข้าใจ ก็จะกลับไปสู่ปัญหาความขัดแย้งเดิมๆ
น.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มเสื้อหลากสี กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยประกาศรื้อระบบราชการและกระบวนการยุติธรรมหลังจัดตั้งรัฐบาลว่า พรรคเพื่อไทยคงไม่ใช่แค่รื้อกระบวนการยุติธรรม แต่เป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรม ส่วนตัวมองว่าหากพรรคเพื่อไทยแน่จริงก็อย่ารื้อ ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม หากพรรคเพื่อไทยเข้ามาทำลายกระบวนการยุติธรรม ประชาชนจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นอีกแล้ว จะยื่นฟ้องในมาตรา 157 ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะการเข้ามาเป็นรัฐบาลแม้จะมีอำนาจแต่งตั้งใครเข้ามาดำรงตำแหน่งต่างๆ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย และอย่าได้คิดที่จะช่วยเหลือพวกพ้องเด็ดขาด
ด้านนายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ กรรมการคอป. กล่าวว่า ตนยินดีที่ทุกฝ่ายต้องการให้เกิดความปรองดอง ซึ่งถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกันผลักดัน เชื่อว่าสังคมไทยจะก้าวข้ามปัญหาขัดแย้งไปได้ หน้าที่ของคอป. ซึ่งวางเป้าหมายไว้แต่ต้นที่จะวางแนวทางอย่างเป็นระบบ เอาองค์ความรู้ที่ได้ศึกษาจากต่างประเทศมาค้นหาความจริง วิเคราะห์วินิจฉัยว่าสาเหตุความขัดแย้งมีจากปัจจัยใด และเยียวยาไม่ให้ผู้ที่ถูกกระทำรู้สึกคับแค้น อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่ายินดีที่พรรคเพื่อไทยซึ่งชนะการเลือกตั้ง มีแนวโน้ม ให้ความสำคัญกับความปรองดองและจะให้คอป.ทำงานต่อ และยืนยันจะไม่แทรกแซงการทำงาน ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลปัจจุบันก็ไม่เคยแทรกแซง ได้ให้อิสระอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ การสร้างความปรองดอง ต้องทำให้สังคมเข้าใจก่อน ไม่ใช่มาพูดถึงวิธีการก่อน เช่น เรื่องนิรโทษกรรม ควรต้องพูดถึง เป้าประสงค์ แนวคิดหลักการที่จะนำสังคมไทย ไปสู่ความปรองดองก่อน หากหยิบประเด็นนิรโทษกรรมมา พูดวันนี้ โดยที่ยังไม่มีการทำความเข้าใจ ก็จะกลับไปสู่ปัญหาความขัดแย้งเดิมๆ
น.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มเสื้อหลากสี กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยประกาศรื้อระบบราชการและกระบวนการยุติธรรมหลังจัดตั้งรัฐบาลว่า พรรคเพื่อไทยคงไม่ใช่แค่รื้อกระบวนการยุติธรรม แต่เป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรม ส่วนตัวมองว่าหากพรรคเพื่อไทยแน่จริงก็อย่ารื้อ ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม หากพรรคเพื่อไทยเข้ามาทำลายกระบวนการยุติธรรม ประชาชนจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นอีกแล้ว จะยื่นฟ้องในมาตรา 157 ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะการเข้ามาเป็นรัฐบาลแม้จะมีอำนาจแต่งตั้งใครเข้ามาดำรงตำแหน่งต่างๆ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย และอย่าได้คิดที่จะช่วยเหลือพวกพ้องเด็ดขาด