xs
xsm
sm
md
lg

“แก้วสรร-หมอตุลย์” ยื่นดีเอสไอดำเนินคดี “ยิ่งลักษณ์” ให้การเท็จซุกหุ้น

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายแก้วสรร อติโพธิ์ และนพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ เข้าพบนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้การเท็จคดีซุกหุ้น
“แก้วสรร-หมอตุลย์” เข้าพบ “ธาริต” ร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดี “ยิ่งลักษณ์” ให้การเท็จคดีซุกหุ้นชินคอร์ป พร้อมมอบสำเนาเอกสารบัตรประชาชนของผู้ที่ร่วมลงชื่อกล่าวโทษประมาณ 4,100 คน ด้านหมอตุลย์ยืนยันหนังสือร้องทุกข์ไม่ใช่เป็นการรังแกผู้หญิง แต่เป็นการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ขณะที่อธิบดีดีเอสไอจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพราะเรื่องอยู่ในอำนาจของดีเอสไอ และจะรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ



วันนี้ (21 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายแก้วสรร อติโพธิ์ เครือข่ายพลเมืองคัดค้านนิรโทษกรรมคอร์รัปชันทักษิณ (คนท.) นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำเครือข่ายคนเสื้อหลากสี นำประชาชนประมาณ 100 คนเข้าพบนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย พร้อมทั้งชูป้ายผ้ามีข้อความว่า “ยิ่งทักษณ์ อย่าเอาอำนาจประชาชนรับใช้ราชวงศ์ชินวัตร” นอกจากนี้ ได้มอบสำเนาเอกสารบัตรประชาชนของผู้ที่ร่วมลงชื่อกล่าวโทษประมาณ 4,100 คน กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์แจ้งเท็จต่อตลาดหลักทรัพย์ ให้ปากคำคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และเบิกความเท็จต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พี่ชาย จำนวน 4.6 หมื่นบาท หลังจากที่ศาลฎีกาฯ ตัดสินว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2544 ยังถือครองหุ้นบริษัทชินคอร์ป แม้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะให้การว่าหุ้นชินคอร์ปจำนวนดังกล่าวเป็นของตนเอง เพราะได้ซื้อมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว แต่ศาลเห็นว่าเป็นการถือหุ้นแทน พร้อมให้ยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท จากการขายหุ้น เพราะมีการใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจบริษัทชินคอร์ปจนทำให้หุ้นมีมูลค่าสูง โดยบรรยากาศมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดทั้งจากชุดปฏิบัติการพิเศษดีเอสไอและกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจของ สน.ทุ่งสองห้อง กว่า 50 นาย

นายแก้วสรร อติโพธิ์ กล่าวถึงกรณีที่ ป.ป.ช.จะไม่รับร้องทุกข์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ในคดีซุกหุ้นว่า ไม่ได้ขอให้ ป.ป.ช.ดำเนินคดีต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะไม่ใช่ข้าราชการ แต่กรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พยานจำเลยเบิกความเท็จต่อศาล ไม่เข้าใจว่าทำไมตำรวจและอัยการไม่ดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม เห็นว่าดีเอสไอถือเป็นพนักงานสอบสวนโดยตรงที่สามารถดำเนินคดีได้เช่นกัน จึงเดินทางมาร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ สรุปว่าหน่วยงานใดที่เกี่ยวข้องเราพร้อมจะไปยื่นให้ครบทุกหน่วยงาน หลังจากนั้นจะไม่เคลื่อนไหวอีก เรายื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษ ถึงผู้รับผิดชอบเสร็จก็จบ และภาวนาว่าจะไม่มีการเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในคดีคอร์รัปชัน ถ้าเสนอเมื่อไหร่คงต้องปรึกษากัน เพราะเรามองตัวเองว่าจะทำงานกันแบบพลเมือง แบบชาวบางระจัน พม่ามาก็ถือเคียวเกี่ยวข้าวฟันกัน ฟันเสร็จก็ไถนาต่อ มาอีกก็ฟันอีก ไม่ต้องมีการจัดตั้งองค์กรให้รกบ้านรกเมือง เคลื่อนไหวเสร็จก็หยุด หลังจากนี้ตนจะไปยื่นร้องทุกข์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในกรณีให้การเท็จ ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ส่วน นพ.ตุลย์ จะไปยื่นร้องทุกข์ที่ ป.ป.ช. ส่วนในช่วงเช้าวันพุธ 22 มิ.ย.ตนจะไปร้องทุกข์ต่อ ก.ล.ต.ในกรณีเดียวกัน และหากมีการพิจารณาว่าไม่ผิดก็คือไม่ผิด หากมีการคอรัปชั่นอีก ตนก็จะไม่ยอมเสียภาษีอีกต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนิรโทษกรรมมีความเห็นจากหลายฝ่ายที่ยังไม่ได้ข้อยุติ นายแก้วสรรกล่าวว่า คำว่านิรโทษกรรมมีการใช้กันอย่างสุรุ่ยสุร่าย ถ้าเป็นเรื่องบ้านเลขที่ต่างๆ ที่ผู้เกี่ยวข้องถูกตัดสิทธิทางการเมือง ตรงนี้ทำได้ โดยส่วนตัวเห็นว่าไม่ถูกต้องที่ไปตัดสิทธิทางการเมือง หรือเป็นเรื่องเหลืองแดงตีกัน หรือความผิดคดีก่อการร้าย ถ้าเขาสำนึกผิดกันหมดแล้ว ลงโทษไปก็ไม่ได้ประโยชน์ ตรงนี้สามารถนิรโทษกรรมได้ตนเห็นด้วย แต่เรื่องคอร์รัปชัน มีคนติดคุกอยู่เป็นพันคนจะมานิรโทษกรรมให้คนคนเดียวจะทำได้หรือ จะมากล่าวอ้างว่าเป็นหลักทั่วไป เป็นนิติรัฐ ไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องคอร์รัปชัน ขัดหลักนิติรัฐแน่นอน เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่บุคคลทั่วไป

นอกจากนี้ คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้มีเฉพาะคดีซื้อขายที่ดินรัชดาฯ ที่ศาลตัดสินจำคุก 2 ปี แต่ยังมีคดีคอร์รัปชันอีก 2 คดี คาศาลอยู่แล้ว 1 คดี กรณีให้พม่ากู้เงินรัฐบาลไทย 7,000 ล้านบาท เพื่อเอาไปซื้อสินค้าในบริษัทที่ตัวเองเป็นเจ้าของ เป็นการเอาเงินราษฎรไปบุกเบิกตลาดสินค้าต่างประเทศ โดยคิดดอกเบี้ยต่ำ ทำให้ประเทศเสียหายปีละ 60 กว่าล้าน ส่วนคดีที่ 2 อยู่ที่ ป.ป.ช. ขณะนี้ได้ส่งไปอัยการแล้ว กรณีธนาคารกรุงไทยถูกสั่งให้ปล่อยกู้ 8,000 ล้านบาท โดยไม่มีเหตุผล ซึ่งเงิน 2,000 ล้านบาทถูกนำไปใช้โดยทุจริต เมื่อตรวจสอบไปถึงที่สุดแล้วพบว่า เงิน 2,000 ล้านไปอยู่กับลูกอดีตนายกรัฐมนตรีกว่า 100 ล้าน ทั้งสองคดีนี้อย่างไรก็นิรโทษกรรมไม่ได้ และหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับมาประเทศไทย ต้องขึ้นศาลอีก คดีซื้อขายที่ดินรัชดาฯ ถ้าคิดว่าชะลอการลงโทษได้ก็ทำไป แต่อีกสองคดีนั้นไม่สามารถทำได้

นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าการยื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ในความผิดตามกฎหมาย ไม่ใช่เป็นการรังแกผู้หญิงแต่เป็นการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม โดยเรามั่นใจในข้อมูลและข้อกฎหมายในการซุกหุ้นเพราะมีความผิดในหลายกระทง เราจึงต้องแจ้งร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งความผิดถูกปกปิดนานกว่า 10 ปี จะเกิดอะไรขึ้นหากไม่มีใครดำเนินการและบ้านเมืองจะกลับสู้หายนะอีกครั้ง หลังเลือกตั้งหากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล และมีการโยกย้ายอธิบดีดีเอสไอ เถือว่าไม่ยุติธรรม ซึ่งเครือข่ายฯ จะออกมาติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป

ด้าน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวหลังรับหนังสือร้องทุกข์ว่า ยืนยันว่าดีเอสไอจะทำหน้าที่ตามที่ประชาชนได้ให้ความไว้วางใจ ซึ่งดีเอสไอเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่แบบเหยียบเรือสองแคม ผิดก็ว่าไปตามผิดถูกก็ว่าไปตามถูก ทั้งนี้จะตั้งคณะกรรมการมาดำเนินการสอบสวนเพราะเรื่องดังกล่าวอยู่ในอำนาจของดีเอสไอ ถึงแม้ผู้ถูกกล่าวหาเป็นคนสำคัญทางการเมืองแต่มีประชนชนมาร้องเรียนรวมทั้งคดีดังกล่าวอยู่ในความประชาชนเป็นจำนวนมาก ดีเอสไอก็จะเร่งดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะรายงานคืบหน้าของคดีให้ทราบเป็นระยะ


กำลังโหลดความคิดเห็น