xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ซัด “แม้ว” กลางเวทีดีเบต คิดให้ “เพื่อไทย” ทำ ลั่นไม่คืน 4.6 หมื่นล้านแน่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เวทีดีเบตว่าที่นายกฯ คึก “มาร์ค” โชว์ฝีปากกวาดคะแนน ต้อน “ยงยุทธ” เข้ามุม ซัดนิรโทษกรรม “ทักษิณ” คิด เพื่อไทยทำหรือไม่ กร้าวหากเป็นรัฐบาลอีกไม่คืน 4.6 หมื่นล้านเด็ดขาด ฝันสร้างปรองดอง จ้องเชิญ “อานันท์” สานงานต่อ ด้าน หน.เพื่อไทยอ้างไม่มีนโยบายนิรโทษกรรม โบ้ยเป็นความเห็นส่วนบุคคล อวย “ปูแดง” อดทนต่อแรงเสียดทานการเมือง ชี้มีภาวะผู้นำ ส่วนนโยบายชายแดนหลายพรรคเห็นควรผูกสัมพันธ์เพื่อนบ้าน “บิ๊กบัง” มองไกล ชี้ทะเลาะพม่าไม่ดีแน่ เหตุมีแร่ผลิตไฟฟ้าเยอะ ส่วนพิพาทเขมรให้ยึดเจรจาทวิภาคี แต่ต้องไม่เสียอธิปไตย ด้าน “ภูมิใจไทย” เสนอไทยลาออกจากภาคีสมาชิกยูเนสโก หนุนสรรพาวุธกองทัพ


วันนี้ (23 มิ.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ห้องบัวหลวง แกรนด์รูม ชั้น 5 อาคาร ดร.สุข พุคยาภรณ์ ม.ศรีปทุม บางเขน มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อการเลือกตั้ง (พีเน็ต) จัดการประชันวิสัยทัศน์ (ดีเบต) ว่าที่นายกรัฐมนตรี หัวข้อ “ประชันวิสัยทัศน์ นโยบายชี้ชะตาประเทศไทย โดยพรรคการเมืองใหญ่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายกรพจน์ อัศวินวิจิตร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อพรรคชาติไทยพัฒนา พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ และนายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย ร่วมการดีเบตครั้งนี้ ซึ่งมีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและติดตามนโยบายภาครัฐ และน.ส.วรวีร์ วูวนิช บรรณาธิการสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การดีเบตส่วนใหญ่เน้นเนื้อหานโยบายของพรรคต่างๆ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา ด้านความมั่นคง และด้านการเมือง ทั้งนี้ที่น่าสนใจคือ ประเด็นเรื่องการเมือง ที่ถามว่าทุกพรรคการเมืองจะชูนโยบายสมานฉันท์ ปรองดอง นิรโทษกรรม คืนความสันติให้แก่สังคม คล้ายคลึงกัน แต่มีความแตกต่างกันในด้านวิธีการดำเนินการ อยากทราบว่าพรรคการเมืองของท่านได้เป็นรัฐบาล อะไรคือสิ่งที่จะทำและไม่ทำ เพื่อให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ คืนสันติให้แก่สังคมไทย

นายยงยุทธกล่าวว่า พรรคยึดหลักการแก้ไขไม่แก้แค้น เรื่องการปรองดองอยู่ที่ผู้นำ อำนาจ วิธีการ ขั้นตอน สำหรับผู้นำพรรคเราได้แสดงชัดเจนแล้วว่าผู้สมัครบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 จะเป็นนายกรัฐมนตรีหากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล แม้จะมีการใส่ร้ายทุกวิธีทาง เธอก็อดทน เป็นตัวตนผู้นำ ส่วนอำนาจถ้าเรามีอำนาจจะทำเรื่องปรองดอง ส่วนวิธีการยอมรับมติเอกชน องค์กรสื่อ เลือกตั้งเสรี ยุติธรรม คณะกรรมการในการปรองดอง พรรคไม่เคยมีนโยบายจะนิรโทษกรรม เป็นการพูดไม่ผูกพันพรรค จะนิรโทษกรรมหรือไม่ ไม่เคยพูดนิรโทษเพื่อคนคนเดียว แต่รอมติกรรมการกลาง นำความเห็นสู่สภา และพี่น้องประชาชน หลายอย่างที่ประชาธิปัตย์ทำเราเอาใจช่วย อาจเป็นขั้นต้นของการปรองดอง

ด้าน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คนที่จะเห็นการปรองดอง การปราศรัยที่ราชประสงค์ จะเป็นการนำไปสู่ปรองดองในความหมายที่แท้จริง คนที่มาทำหน้าที่ปรองดองต้องไม่มีส่วนได้เสีย ไม่ได้ประโยชน์ในข้ออ้างดังกล่าว ถ้าเป็นรัฐบาลจะเชิญนายอานันท์ ปันยารชุน มาทำงานต่อเพื่อเป็นการปรองดองระยะยาวได้ ปรองดองคือบ้านเมืองสงบ ซึ่งต้องเคารพกฎหมาย หรือทำกฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ์ บังคับใช้กฎหมาย ดูแลคนถูกละเมิดสิทธิ ผู้นำที่แสดงออกอดทนไม่เลือกปฏิบัติจะสามารถเป็นผู้นำการปรองดองได้

“ตลอดเวลาการหาเสียง ผมไม่สามารถหาเสียงอย่างเสรี มีการขัดขวางการหาเสียง ผมเดินหน้าอดทนอดกลั้น ถ้าได้โอกาสอีก 4 ปีข้างหน้า ก็จะอดทนอดกลั้น สิ่งที่จะไม่ทำคือเรื่องนิรโทษกรรม หัวหน้าพรรคเพื่อไทยบอกว่านิรโทษกรรมไม่ใช่นโยบาย แต่เป็นเพียงคำพูดของสมาชิกท่านพูด ส่วนนี้เป็นนโยบายของท่านหรือไม่ ต้องถามว่าป้ายหาเสียงที่บอกว่า “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” แล้วที่คุณทักษิณคิดเรื่องนิรโทษกรรมล่ะครับ นอกจากนี้ หากเป็นรัฐบาล ผมก็จะไม่คืนเงิน 4 หมื่น 6 พันล้าน ให้กับคนที่ถูกยึดทรัพย์โดยเด็ดขาด” นายอภิสิทธิ์กล่าว

ด้าน นายปิยะพันธ์กล่าวว่า พรรคเราชูประเด็นปรองดอง ทำทันทีหากเป็นรัฐบาล การเดินสู่ถนนแห่งความปรองดอง เราจุดเทียนปรองดองในเชิงสัญลักษณ์ 1.อยู่ในบรรยากาศเลือกตั้ง ฉะนั้นเราขอเชิญชวนทุกพรรคมาทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ หยุดโจมตีกันและกัน 2.ยอมรับการเลือกตั้ง 3.พรรคเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาล หากผ่าน 30 วันพรรคอันดับสองจัดตั้ง 4.สิ่งที่รัฐบาลใหม่ทำเร่งด่วนคือคตั้งคณะกรรมการปรองดองขึ้นมาให้สำเร็จ มาจากส่วนได้เสีย คนกลางที่เป็นที่ยอมรับ เอาผลประโยชน์ชาติมาพูดจากัน แต่สิ่งที่สำคัญพรรคเป็นรัฐบาลไม่ควรคิดเองว่าปรองดองอย่างไร

นายศุภชัยกล่าวว่า ความขัดแย้งทางการเมืองช่วงหลายปีที่ผ่านมาเป็นเพราะผู้แสวงหาอำนาจ ใช้ประชาชนเป็รนเครื่องมือให้ตนเองกลับสู่อำนาจ ประชาชนไม่รู้เท่าทันนักการเมือง หรือถูกปลุกปั้นยุยง การชุมนุมที่เกิดขึ้น เราเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ผู้ร่วมชุมนุมที่หลงเข้าไปร่วมชุมนุม เราจะเดินหน้าเรื่องนี้ต่อ เพราะรู้ว่ามีผู้บริสุทธิ์จำนวน เราจะทำให้บ้านเมืองเรากลับมา อยู่ในความสงบ สันติ เราต้องยึดแนวเดียวกันคือระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัติรย์ทรงเป็นประมุข ตนคิดว่าบ้านเมืองปรองดอง ถ้าหัวใจเราอยู่ที่เดียวกัน เราจะไม่ร่วมปรองดองผู้ที่มีผลประโยชน์ซ่อนเร้น หรือผู้ที่ไม่ยอมรับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

พล.อ.สนธิกล่าวว่า ความขัดแย้งไม่ให้อภัย เราขาดความเป็นชาตินิยม ไม่มีอะไรดีกว่าการสร้างสำนึกความเป็นคนไทย สร้างเกียตริศักดิ์ศรี หันมาปรองดองด้วยการสร้างจิตสำนึก รักชาติ ลดทิฐิ เห็นประโยชน์ชาติมาก่อน สร้างความปรองดองบนพื้นฐานด้วยความตั้งใจจริง อย่านำเรื่องที่สร้างความขัดแย้งมาพูดคุย

นายกรพจน์กล่าวว่า หยุดขั้วสลายสี ทำให้คนไทยมีโอกาสเท่าเทียมกัน ลดความเหลื่อมล้ำ ถ้ารัฐบาลใดเข้ามาสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ

ส่วนปัญหาเรื่องความมั่นคง ถามว่าปัญหาชายแดนในทุกๆ ด้าน ล่วนมีผลกระทบต่อคนในพื้นที่และปัญหาต่อความมั่นคง อธิปไตยของชาติ แต่ละพรรคจะมีแนวทางแก้ปัญหาที่ยั่งยืนและไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินวิถีชีวิตปกติของคนในพื้นที่ได้อย่างไร

นายศุภชัยกล่าวว่า ไทยจะค้องรักษาอธิปไตยของประเทศ ปัญหาชายแดนเขมร เรื่องนี้ต้องจริงจังในการแก้ปัญหาไทย ต้องใช้หลักเจรจาแก้ปัญหา รัฐบาลต้องมีหน้าที่คือเจ้าหน้าที่ทหาร กองทัพของไทยต้องเข้มแข็ง รัฐบาลต้องสนับสนุนงบประมาณหรือแม้แต่การซื้ออาวุธ นอกจากนี้ต้องสนับสนุนเรื่องการค้าชายแดน ทำงานใกล้ชิดระหว่างรัฐกับรัฐ เรื่องปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้ ยังมีปัญหาเรื่องความยุติธรรมยังมีอยู่ จะให้ประชาชนได้รับการดูแลความยุติธรรม สนับสนุนงบประมาณเรื่องคดีต่อผู้ที่ถูกกล่าวหา จะมีการทำประชาคม จะรับสิ่งที่ประชาชนเสนอมาปฏิบัติ ถ้ายูเนสโกไม่ให้ความสำคัญกับเรา ทำให้เสียหาย ภท.เห็นว่าควรออกจากภาคีสมาชิก ควรแสดงจุดยืน กองทัพแสดงความแข็งแกร่งในจุดนั้นด้วย เพื่อรักษาอธิปไตย

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องแยกชายแดนกับความมั่นคงออกจากกัน ที่ผ่านมาเราส่งเสริมประชาชนบริเวณชายแดนอยู่ร่วมกันอย่างสงบ ไปมาค้าขายได้ ส่วน 3 จังหวัดชายแดนใต้ หลักคือการพัฒนาให้ประชาชนมามีส่วนร่วมเต็มที่ บาดแผลเรื่องความไม่ยุติธรรมนั้น โครงสร้าง ศอ.บต.จะมีการกระจายอำนาจท้องถิ่นมากขึ้น ใช้หลักฐานจากวงจรปิด การจับกุมในยุคเราจะเห็นว่าไม่มีการประท้วง สำหรับกัมพูชาเราต้องรักษาอธิปไตย ยึดเจรจา เมื่อละเมิดอธิปไตยเราก็ต้องตอบโต้ ถ้ารัฐบาลต่อเนื่องมีจุดยืนชัดจะดีขึ้น จะเห็นว่ารัฐบาลไทยบางยุคสนับสนุนกัมพูชาจึงกล้าละเมิดเรา

นายปิยะพันธ์กล่าวว่า เราเน้นความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อยู่ร่วมกันอย่างสันติ แต่เรื่องศักดิ์ศรีของประเทศก็ตจำเป็นต้องรักษาสนับสนุนเจรจาทวิภาคี การให้ประเทศอื่นเข้ามาร่วมเจรจาเราไม่เห็นด้วย เรื่องชายแดนพม่า มีปัญหาเรื่องยาเสพติด แรงงานพม่า ส่วนปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ต้องร่วมมือกับทุกระดับ ผู้อยู่ชายแดนกันชนต้องสนับสนุนให้คุ้นเคยปรองดองกัน

พล.อ.สนธิกล่าวว่า ต้องเป็นมิตร จะขัดแย้งไม่ได้ เพราะเราต้องพึ่งพาอาศัยคนที่อยู่ใกล้เพื่อนำทรัพยากรเขามาใช้ได้ พม่ามีทรัพยากรบนดินจำนวนมหาศาล แร่ยูเรเนียมมหาศาลที่จะผลิตไฟฟ้าจำนวนมาก ทะเลาะใครก็ทะเลาะได้ แต่อย่าทะเลาะกับพม่า เราไม่ควรขัดแย้งกับประเทศใด เพราะเรามีความได้เปรียบเศรษฐกิจที่สูงกว่า เพื่อบนพื้นฐานผลประโยชน์ชาติ พัฒนากองกำลังให้เข็มแข็ง 3 จังหวัดชายแดนใต้ต้องใช้การกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นแก้ปัญหาเอง ลดกำลังในพื้นที่ลง

นายยงยุทธกล่าวว่า พม่า ลาว มีประวัติศาสตร์กับเรามานาน การค้าชายแดน แรงงาน การใช้ทรัพยากรร่วมกันมามาก ส่วนกัมพูชาที่มีปัญหากัน ก็อยู่ที่ว่าเราคงไม่ใช้ความรุนแรง ใช้สันติวิธีแก้ปัญหา อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยอมไม่ได้คือ การเสียอธิปไตย แต่เราดีกันได้โดยไม่ต้องเสียอธิปไตย ส่วนมาเลเซียอย่าคิดว่ามีปัญหา ชาวมาเลเซียชอบมาเที่ยว อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีความผูกพันกันมานานเช่นกัน ส่วน 3 จังหวัดภาคใต้อยากใช้คำว่ามีลักษณะพิเศษ เหมือน กทม.ที่เป็นเมืองหลวง ต้องมีรูปแบบการปกครองที่พิเศษเพื่อแก้ปัญหา โดยกระจายอำนาจเหมือน กทม.พัทยา ต้องมีสัมพันธภาพที่ดีกับจีน

นายกรพจน์กล่าว่ว่า ประโยคทองของอดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ คือเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า ซึ่งจะทำให้ประเทศเราได้ประโยชน์มหาศาล ไทยได้เปรียบดุลการค้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านจำนวนมาก นโยบายเกี่ยวกับลาว มีพลังงานที่เราต้องอาศัยลาว เราจะมีพลังงานใช้เหลือเฟือ กัมพูชาอาศัยเป็นแหล่งเพาะปลูก มาเลเซีย ร่วมมือกันแก้ปัญหา 3 จังหวัดและมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในไทย แต่ละชายแดนมีผลประโยชน์ทีไม่เหมือนกัน ควรดำเนินโนยบายต่างประเทศ กับนโยบายความมั่นคงคู่ขนานกันก็จะเป็นเรื่องดี

อย่างไรก็ตาม ในช่วงสุดท้ายของการจัดดีเบตได้ให้แต่ละพรรคกล่าวสรุป โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การจะไปเลือกตั้ง ขอให้ศึกษานโยบายของพรรคการเมือง ที่จะแก้นโยบายได้จริงหรือไม่ ตนยืนยันว่าตนและพรรคพร้อม เพื่อเดินหน้าประเทศไทยต่อไป ทุ่มเท ซื่อสัตย์เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ทุกคนต้องเคารพ ในการแต่งตั้งรัฐบาล และนายกรัฐมนตรี ขอโอกาสตนอีก 4 ปีเพื่อทกให้ทุกคนผาสุก

นายกรพจน์กล่าวว่า ทุกนโยบายของพรรคได้ผ่านการกลั่นกรองศึกษาทุกนโยบาย ทุกนโยบายเราดีหมด เราไม่ผิดกั้นพรรคอื่นที่จะนำไปทำให้ประชาชน เราเชื่อมั่นว่าประชาชนฉลาด พร้อมลงคะแนน

นายยงยุทธกล่าวว่า ผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร เคยไว้วางใจเลือกเพื่อไทย พลังประชาชน เพราะเชื่อมั่นต่อนโยบาย เป็นครั้งแรกของประเทศเราที่นำเสนอให้ประชาชนตัดสิน เมื่อนโยบายจับต้องได้ พี่น้องก็ไว้วางใจเลือกมาโดยตลอด อำนาจที่เรามีอยู่จะปกปักรักษาประชาชน ผลประโยชน์ที่เรามี เราจะสรรค์หาให้ประชาชน จะไม่ทำตัวเด่นดัง แต่จะทำงานให้พี่น้องตลอดไป

พล.อ.สนธิกล่าวว่า เราจะสร้างการเมืองที่มีคุณภาพ เรามีแต่นักการเมืองที่มีคุณธรรม จริยธรรมรักบ้านรักเมือง เป็นอุดมการณ์ของพรรคเรา คิดว่าจะเป็นพรรคหนึ่งหากเข้าไปบริหารประเทศ เรากล้าคิด กล้าทำ กล้าเปลี่ยนแปลง อยู่บนพื้นฐานประโยชน์ประเทศอย่างแท้จริง หากเลือกเราจะไม่ผิดหวัง

นายศุภชัยกล่าวว่า นโยบายเราคือไม่ทำให้ประชาชนมีหนี้ การเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค. สำคัญมาก ไม่ใช่เลือกแบบปกติ เราร่วมแก้วิกฤตบ้านเมืองมา เราขอให้พี่น้องช่วยดึงฟืนออกจากกองไฟ ขอให้เลือกอย่างมีสติให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ มีสติในการจับมือนำพาประเทศ ไม่ขอให้เลือกเบอร์ 16 แต่ขอให้เลือกอย่างมีสติ

นายปิยะพันธ์กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งหลัง 3 ก.ค.ไม่ว่าพรรคใดได้คะแนนมาก หากไม่ยึดมั่นเรื่องการแก้ปรองดองแล้ว ในที่สุดนโยบายจะไม่นำไปทำเพราะมัวแก้ปัญหารายวัน




กำลังโหลดความคิดเห็น