xs
xsm
sm
md
lg

มาร์คตีฝีปากเวทีดีเบต ไม่นิรโทษแม้ว-ไม่คืน4.6หมื่นล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ ( 23 มิ.ย.) ที่ห้องบัวหลวง แกรนด์รูม ชั้น 5 อาคาร ดร.สุข พุ

คยาภรณ์ ม.ศรีปทุม บางเขน มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อการเลือกตั้ง ( พีเน็ต ) จัดการประชันวิสัยทัศน์

( ดีเบต ) ว่าที่นายกรัฐมนตรี หัวข้อ "ประชันวิสัยทัศน์ นโยบายชี้ชะตาประเทศไทย " โดยมีนาย

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้า

พรรคเพื่อไทย นายกรพจน์ อัศวินวิจิตร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน นาย

ปิยะพันธ์ จัมปาสุต ผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อพรรคชาติไทยพัฒนา พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัว

หน้าพรรคมาตุภูมิ และ นายศุภชัย ใจสมุทร ร่วมการดีเบตครั้งนี้ ซึ่งมีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้

อำนวยการศูนย์วิจัย และติดตามนโยบายภาครัฐ และ น.ส.วรวีร์ วูวนิช บรรณาธิการสถานี

โทรทัศน์สปริงนิวส์ ดำเนินรายการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การดีเบตส่วนใหญ่เน้นเนื้อหานโยบายของพรรคต่างๆ ทั้งในด้าน

เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา ด้านความมั่นคง และด้านการเมือง ทั้งนี้น่าสนใจประเด็นเรื่องการ

เมือง ที่ถามว่าทุกพรรคการเมือง จะชูนโยบาย สมานฉันท์ ปรองดอง นิรโทษกรรม คืนความสันติ

ให้แก่สังคม คล้ายคลึงกัน แต่มีความแตกต่างกันในด้านวิธีการดำเนินการ อยากทราบว่าพรรค

การเมืองของท่านได้เป็นรัฐบาล อะไรคือสิ่งที่จะทำ และไม่ทำ เพื่อให้เกิดความปรองดอง

สมานฉันท์ คืนสันติให้แก่สังคมไทย
นายยงยุทธ กล่าวว่า พรรคยึดหลักการแก้ไข ไม่แก้แค้น เรื่องการปรองดอง อยู่ที่ผู้นำ

อำนาจ วิธีการ ขั้นตอน สำหรับผู้นำพรรคเราได้แสดงชัดเจนแล้วว่า ผู้สมัครบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1

จะเป็นนายกรัฐมนตรี หากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล แม้จะมีการใส่ร้ายทุกวิธีทาง เธอก็อดทน เป็น

ตัวตนผู้นำ ส่วนอำนาจถ้าเรามีอำนาจจะทำเรื่องปรองดอง ส่วนวิธีการยอมรับมติเอกชน องค์กรสื่อ

เลือกตั้งเสรี ยุติธรรม คณะกรรมการในการปรองดอง พรรคไม่เคยมีนโยบายจะนิรโทษกรรม

เป็นการพูดของผู้ไม่ผูกพันพรรค จะนิรโทษกรรมหรือไม่ เราไม่เคยพูดนิรโทษเพื่อคนคนเดียว แต่

รอมติกรรมการกลาง นำความเห็นสู่สภา และพี่น้องประชาชน
ด้านนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คนที่จะเห็นการปรองดอง การปราศรัยที่ราชประสงค์ จะ

เป็นการนำไปสู่ปรองดองในความหมายที่แท้จริง คนที่มาทำหน้าที่ปรองดอง ต้องไม่มีส่วนได้เสีย

ไม่ได้ประโยชน์ในข้ออ้างดังกล่าว ถ้าเป็นรัฐบาล จะเชิญ นายอานันท์ ปันยารชุน มาทำงานต่อ

เพื่อเป็นการปรองดองระยะยาวได้ ปรองดองคือ บ้านเมืองสงบ ซึ่งต้องเคารพกฎหมาย หรือทำ

กฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ์ บังคับใช้กฎหมาย ดูแลคนถูกละเมิดสิทธิ ผู้นำที่แสดงออกอดทนไม่เลือก

ปฏิบัติจะสามารถเป็นผู้นำการปรองดองได้
" ตลอดเวลาการหาเสียง ผมไม่สามารถกหาเสียอย่างเสรี มีการขัดขาวงการหาเสียง ผม

เดินหน้า อดทน อดกลั้น ถ้าได้โอกาสอีก 4 ปี ข้างหน้า ก็จะอดทนอดกลั้น สิ่งที่จะไม่ทำคือเรื่อง

นิรโทษกรรม หัวหน้าพรรคเพื่อไทย บอกว่านิรโทษกรรม ไม่ใช่นโยบาย แต่เป็นเพียงคำพูดของ

สมาชิกท่านพูด ส่วนนี้เป็นนโยบายของท่านหรือไม่ ต้องถามว่า ป้ายหาเสียงที่บอกว่า “ทักษิณคิด

เพื่อไทยทำ” แล้วที่คุณทักษิณคิดเรื่องนิรโทษกรรม ล่ะครับ นอกจากนี้หากเป็นรัฐบาลผมก็จะ

ไม่คืนเงิน 4 หมื่น 6 พันล้าน ให้กับคนที่ถูกยึดทรัพย์โดยเด็ดขาด" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายปิยะพันธ์ กล่าวว่า พรรคเราชูประเด็นปรองดอง ทำทันทีหากเป็นรัฐบาล การ

เดินสู่ถนนแห่งความปรองดอง เราจุดเทียนปรองดองในเชิงสัญลักษณ์ 1. อยู่ในบรรยากาศเลือกตั้ง

ฉะนั้นเราขอเชิญชวนทุกพรรคมาทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ หยุดโจมตีกันและกัน 2. ยอมรับการ

เลือกตั้ง 3. พรรคเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาล หากผ่าน 30 วัน พรรคอันดับสองจัดตั้ง 4. สิ่งที่

รัฐบาลใหม่ทำเร่งด่วนคือ ตั้งคณะกรรมการปรองดองขึ้นมาให้สำเร็จ มาจากส่วนได้เสีย คน

กลางที่เป็นที่ยอมรับ เอาผลประโยชน์ชาติมาพูดจากัน แต่สิ่งที่สำคัญพรรคเป็นรัฐบาลไม่ควรคิด

เองว่าปรองดองอย่างไร
นายศุภชัย กล่าวว่า ความขัดแย้งทางการเมืองช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป็นเพราะผู้แสวง

หาอำนาจ ใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือให้ตนเองกลับสู่อำนาจ ประชาชนไม่รู้เท่าทันนักการเมือง

หรือถูกปลุกปั่น ยุยง การชุมนุมที่เกิดขึ้น เราเสนอ พรบ.นิรโทษกรรม ผู้ร่วมชุมนุมที่หลงเข้าไป

ร่วมชุมนุม เราจะเดินหน้าเรื่องนี้ต่อ เพราะรู้ว่ามีผู้บริสุทธิ์จำนวน เราจะทำให้บ้านเมืองเรากลับมา

อยู่ในความสงบ สันติ เราต้องยึดแนวเดียวกันคือระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัติรย์เป็น

ประมุข ตนคิดว่าบ้านเมืองปรองดอง ถ้าหัวใจเราอยู่ที่เดียวกัน เราจะไม่ร่วมปรองดองผู้ที่มีผล

ประโยชน์ซ่อนเร้น หรือผู้ที่ไม่ยอมรับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์

เป็นประมุข
พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ความขัดแย้งไม่ให้อภัย เราขาดความเป็นชาตินิยม ไม่มีอะไรดี

กว่าการสร้างสำนึกความเป็นคนไทย สร้างเกียตริศักดิ์ศรี หันมาปรองดองด้วยการสร้างจิตสำนึก

รักชาติ ลดทิฐิ เห็นประโยชน์ชาติมาก่อน สร้างความปรองดองบนพื้นฐานด้วยความตั้งใจจริง

อย่านำเรื่องที่สร้างความขัดแย้งมาพูดคุย
นายกรพจน์ กล่าวว่า หยุดขั้วสลายสี ทำให้คนไทยมีโอกาสเท่าเทียมกัน ลดความ

เหลื่อมล้ำ ถ้ารัฐบาลใดเข้ามาสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ
ส่วนปัญหาเรื่องความมั่นคง ถามว่าปัญหาชายแดนในทุกๆ ด้าน ล่วนมีผลกระทบต่อ

คนในพื้นที่ และปัญหาต่อความมั่นคง อธิปไตยของชาติ แต่ละพรรคจะมีแนวทางแก้ปัญหาที่

ยั่งยืน และไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินวิถีชีวิตปกติของคนในพื้นที่ได้อย่างไร
นายศุภชัย กล่าวว่า ไทยจะต้องรักษาอธิปไตยของประเทศ ปัญหาชายแดนเขมร เรื่อง

นี้ต้องจริงจังในการแก้ปัญหาไทย ต้องใช้หลักเจรจาแก้ปัญหา รัฐบาลต้องมีหน้าที่คือเจ้าหน้าที่

ทหาร กองทัพของไทยต้องเข้มแข็ง รัฐบาลต้องสนับสนุนงบประมาณหรือแม้แต่การซื้ออาวุธ

นอกจากนี้ต้องสนับสนุนเรื่องการค้าชายแดน ทำงานใกล้ชิดระหว่างรัฐกับรัฐ เรื่องปัญหา 3

จังหวัดภาคใต้ ยังมีปัญหาเรื่องความยุติธรรมยังมีอยู่ จะให้ประชาชนได้รับการดูแลความยุติธรรม

สนับสนุนงบประมาณเรื่องคดีต่อผู้ที่ถูกกล่าวหา จะมีการทำประชาคม จะรับสิ่งที่ประชาชน

เสนอมาปฏิบัติ ถ้ายูเนสโกไม่ให้ความสำคัญกับเรา ทำให้เสียหาย ภท.เห็นว่าควรออกจากภาคี

สมาชิก ควรแสดงจุดยืน กองทัพแสดงความแข็งแกร่งในจุดนั้นด้วย เพื่อรักษาอธิปไตย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องแยกชายแดนกับความมั่นคงออกจากกัน ที่ผ่านมาเราส่ง

เสริมประชาชนบริเวณชายแดนอยู่ร่วมกันอย่างสงบ ไปมาค้าขายได้ ส่วน 3 จว.ใต้ หลักคือการ

พัฒนาให้ประชาชนมามีส่วนร่วมเต็มที่ บาดแผลเรื่องความไม่ยุติธรรมนั้น โครงสร้าง ศอ.บต.จะ

มีการกระจายอำนาจท้องถิ่นมากขึ้น ใช้หลักฐานจากวงจรปิด การจับกุมในยุคเราจะเห็นว่าไม่มี

การประท้วง สำหรับกัมพูชาเราต้องรักษาอธิปไตย ยึดเจรจา เมื่อละเมิดอธิปไตยเราก็ต้องตอบโต้

ถ้ารัฐบาลต่อเนื่องมีจุดยืนชัดจะดีขึ้น จะเห็นว่ารัฐบาลไทยบางยุคสนับสนุนกัมพูชาจึงกล้าละเมิด

เรา
นายปิยะพันธ์ กล่าวว่า เราเน้นความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อยู่ร่วมกันอย่างสันติ แต่เรื่อง

ศักดิ์ศรีของประเทศ ก็จำเป็นต้องรักษาสนับสนุนเจรจาทวิภาคี การให้ประเทศอื่นเข้ามาร่วมเจรจา

เราไม่เห็นด้วย เรื่องชายแดนพม่า มีปัญหาเรื่องยาเสพติด แรงงานพม่า ส่วนปัญหา 3 จว.ใต้ ต้อง

ร่วมมือกับทุกระดับ ผู้อยู่ชายแดนกันชน ต้องสนับสนุนให้คุ้นเคยปรองดองกัน
พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ต้องเป็นมิตร จะขัดแย้งไม่ได้ เพราะเราต้องพึ่งพาอาศัยคนที่อยู่

ใกล้เพื่อนำทรัพยากรเขามาใช้ได้ พม่ามีทรัพยากรบนดินจำนวนมหาศาล แร่ยูเรเนียมมหาศาล ที่

จะผลิตไฟฟ้าจำนวนมาก ทะเลาะใครก็ทะเลาะได้ แต่อย่าทะเลาะกับพม่า เราไม่ควรขัดแย้งกับ

ประเทศใด เพราะเรามีความได้เปรียบเศรษฐกิจที่สูงกว่า เพื่อบนพื้นฐานผลประโยชน์ชาติ พัฒนา

กองกำลังให้เข็มแข็ง 3 จว.ใต้ ต้องใช้การกระจายอำนาจ ให้ท้องถิ่นแก้ปัญหาเอง ลดกำลังใน

พื้นที่ลง
นายยงยุทธ กล่าวว่า พม่า ลาว มีประวัติศาสตร์กับเราช้านาน การค้าชายแดน แรงงาน

การใช้ทรัพยากรร่วมกันมามาก ส่วนกัมพูชาที่มีปัญหากัน ก็อยู่ที่ว่า เราคงไม่ใช้ความรุนแรง ใช้

สันติวิธีแก้ปัญหา
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ยอมไม่ได้คือการเสียอธิปไตย แต่เราดีกันได้โดยไม่ต้องเสียอธิปไตย

ส่วนมาเลเซีย อย่าคิดว่ามีปัญหา ชาวมาเลเซียชอบมาเที่ยว อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีความผูกพัน

กันมาช้านาน ส่วน 3 จว.ใต้อยากใช้คำว่ามีลักษณะพิเศษ เหมือนกทม.ที่เป็นเมืองหลวง ต้องมีรูป

แบบการปกครองที่พิเศษ เพื่อแก้ปัญหา โดยกระจายอำนาจเหมือน กทม.พัทยา ต้องมีสัมพันธ

ภาพที่ดีกับจีน
นายกรพจน์ กล่าวว่า ประโยคทองของอดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ

คือเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า ซึ่งจะทำให้ประเทศเราได้ประโยชน์มหาศาล ไทยได้เปรียบ

ดุลการค้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านจำนวนมาก นโยบายเกี่ยวกับลาว มีพลังงานที่เราต้องอาศัยลาว

เราจะมีพลังงานใช้เหลือเฟือ กัมพูชาอาศัยเป็นแหล่งเพาะปลูก มาเลเซีย ร่วมมือกันแก้ปัญหา 3 จว.

และมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในไทย แต่ละชายแดนมีผลประโยชน์ทีไม่เหมือนกัน ควรดำเนิน

นโยบายต่างประเทศ กับนโยบายความมั่นคง คู่ขนานกันก็จะเป็นเรื่องดี
ในช่วงสุดท้ายของการจัดดีเบตได้ให้แต่ละพรรคกล่าวสรุป
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การจะไปเลือกตั้ง ขอให้ศึกษานโยบายของพรรคการเมือง ที่จะ

แก้นโยบายได้จริงหรือไม่ ตนยืนยันว่า ตนและพรรคพร้อม เพื่อเดินหน้าประเทศไทยต่อไป ทุ่มเท

ซื่อสัตย์ เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ทุกคนต้องเคารพ ในการแต่งตั้ง

รัฐบาล และนายกรัฐมนตรี ขอโอกาสตนอีก 4 ปี เพื่อทำให้ทุกคนผาสุก
นายกรพจน์ กล่าวว่า ทุกนโยบายของพรรคได้ผ่านการกลั่นกรองศึกษาทุกนโยบาย

ทุกนโยบายเราดีหมด เราไม่ปิดกั้นพรรคอื่น ที่จะนำไปทำให้ประชาชน เราเชื่อมั่นว่าประชาชน

ฉลาด พร้อมลงคะแนน
นายยงยุทธ กล่าวว่า ผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร เคยไว้วางใจเลือกเพื่อไทย พลัง

ประชาชน เพราะเชื่อมั่นต่อนโยบาย เป็นครั้งแรกของประเทศเราที่นำเสนอให้ประชาชนตัดสิน

เมื่อนโยบายจับต้องได้ พี่น้องก็ไว้วางใจเลือกมาโดยตลอด อำนาจที่เรามีอยู่จะปกปักรักษา

ประชาชน ผลประโยชน์ที่เรามี เราจะสรรหาให้ประชาชน จะไม่ทำตัวเด่นดัง แต่จะทำงานให้พี่

น้องตลอดไป
พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เราจะสร้างการเมืองที่มีคุณภาพ เรามีแต่นักการเมืองที่มีคุณธรรม

จริยธรรม รักบ้านรักเมือง เป็นอุดมการณ์ของพรรคเรา คิดว่าจะเป็นพรรคหนึ่งหากเข้าไปบริหาร

ประเทศ เรากล้าคิด กล้าทำ กล้าเปลี่ยนแปลง อยู่บนพื้นฐานประโยชน์ประเทศอย่างแท้จริง หาก

เลือกเราจะไม่ผิดหวัง
นายศุภชัย กล่าวว่า นโยบายเราคือ ไม่ทำให้ประชาชนมีหนี้ การเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.

สำคัญมาก ไม่ใช่เลือกแบบปกติ เราร่วมแก้วิกฤตบ้านเมืองมา เราขอให้พี่น้องช่วยดึงฟืนออกจาก

กองไฟ ขอให้เลือกอย่างมีสติให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ มีสติในการจับมือนำพาประเทศ ไม่

ขอให้เลือกเบอร์ 16 แต่ขอให้เลือกอย่างมีสติ
นายปิยพันธ์ กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งหลัง 3 ก.ค.ไม่ว่าพรรคใดได้คะแนนมาก หากไม่

ยึดมั่นเรื่องการแก้ปรองดองแล้ว ในที่สุดนโยบายจะไม่นำไปทำ เพราะมัวแก้ปัญหารายวัน
กำลังโหลดความคิดเห็น