xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง “ยังไม่เคยมีรัฐบาลไหนอ่อนแอเท่ารัฐบาลนี้” “ทั้งอ่อนแอ ทั้งโกหก สารพัด” “จนพวกเราเรียกว่ารัฐบาลไทย หัวใจเขมร”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - หลังจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ออกมาชุมนุมปกป้องอธิปไตยของชาติพร้อมกับยื่น 3 ข้อเสนอ ประกอบด้วย 1.ให้ยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและการจัดทำหลักเขตทางบก หรือ MOU 43 2.ให้ประเทศไทยถอนตัวจากสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลก 3.ให้ผลักดันชาวกัมพูชาพ้นจากอธิปไตยของประเทศไทย แต่กลับปรากฏว่าข้อเสนอทั้ง 3 ข้อได้รับการปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยจากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ ได้สนทนากับ "พล.ต.จำลอง ศรีเมือง" หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา ตลอดรวมถึงจุดยืนการชุมนุมของพันธมิตรฯ ว่าจะมีการยกระดับและพัฒนาไปอย่างไร

**ตั้งแต่พันธมิตรฯ ชุมนุมตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน พล.ต.จำลองประเมินสถานการณ์การชุมนุมอย่างไรบ้าง

การชุมนุมเป็นอย่างที่เราคาดการณ์ไว้ คือเราจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้ตลอดจนกว่าการเรียกร้องของเรา ที่ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกมาทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดินอย่างเป็นรูปธรรม 3 ข้อ อย่างที่เราเสนอไป

**แต่ขณะนี้ดูเหมือนว่า ทางรัฐบาล จะไม่ตอบรับข้อเสนอของพันธมิตรฯ

มันไม่ใช่ว่าดูเหมือนหรอกครับ แต่ว่ารัฐบาลไม่ทำอะไรเลย แต่ถึงเขาไม่ทำเราก็ประกาศสู้ของเราต่อไป ถึงอย่างไรเราก็ไม่เลิกชุมนุม เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ตั้งแต่เราเกิดมาไม่ว่าเราจะมีอายุแค่ไหนก็ตาม ไม่เคยมีเรื่องอะไรที่อันตรายร้ายแรงต่อประเทศชาติเท่าที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ที่เราได้เสียดินแดนให้กับเขมรไปบางส่วนแล้ว และจะต้องเสียดินแดนอีกต่อไปมหาศาล ถ้ารัฐบาลยังนิ่งเฉยอยู่ นอกจากนี้เราได้ถามไปยังคนในวงการต่างๆ ว่ามีวิธีใดดีไปกว่านี้ไหมที่จะสามารถออกมาปกป้องดินแดนได้ ในฐานะประชาชนทั่วไปหรือในฐานะทหารแก่ๆ ที่เกษียณอายุกันหมดแล้ว ถามว่ามีอะไรดีกว่าการชุมนุมหรือไม่ ถ้ามีเราก็จะทำ ก็ปรากฏว่าไม่มี เราก็ต้องออกมาเรียกร้อง ต่อสู้ และขณะนี้เราก็ยังเดินตามเจตนารมณ์เดิมของเราทุกประการ

**แสดงว่าคราวนี้การกระทำของรัฐบาลร้ายแรงกว่ายุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

การโกงกินมันก็มีความร้ายแรง แต่...การเสียดินแดนร้ายแรงยิ่งกว่าและก็ไม่ใช่ว่าสมัยของรัฐบาลโกงกิน แต่ว่าเรื่องเสียดินแดนเป็นเรื่องใหญ่กว่า เราจึงไม่เอาเรื่องอื่นมาเป็นประเด็น

**ความจริงพันธมิตรฯให้เหตุผล 3 ข้อ ไปนานพอสมควร แต่ถูกรัฐบาลมาปฏิเสธมาตลอดจะทำอย่างไรต่อไป

ไม่ใช่แค่นานพอสมควรแล้ว นับถึงวันนี้ก็ประมาณ 2 ปีกว่า เข้าไปแล้ว เราก็บอกมาตลอดว่าถ้าอยู่เฉยต่อไป ดินแดนที่เราเสียไปแล้วจะเสียไปเลยนะ และอาจต้องเสียดินแดนแนวตะเข็บชายแดนเข้าไปอีก ซึ่งมีเนื้อที่มากถึง 1.8 ล้านไร่ ยังรวมไปถึงพื้นที่ทางทะเลที่มีมูลค่ามหาศาลของก๊าซและน้ำมัน มูลค่ากว่า 5 ล้านล้านบาท พันธมิตรฯจึงยอมไม่ได้ที่จะต้องเกิดเหตุการณ์นั้น

**มองว่าทำไมรัฐบาลจึงไม่มีท่าทีที่ส่อให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
เป็นเรื่องที่ประชาชนทั่วไปสงสัยว่ารัฐบาลมีอะไรแอบแฝงอยู่หรือเปล่า ทำไมดื้อด้านกันแบบนี้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเป็นคำแนะนำที่ดี ถ้ารัฐบาลสามารถทำได้ คำว่าสามารถทำได้ไม่ได้พูดถึงพันธมิตรฯ แค่ฝ่ายเดียวเท่านั้น ยังรวมถึงผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายคนที่รู้เรื่องการเสียดินแดนมามาก เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ด้านนี้มาเยอะ เช่น ศ.ดร.สมปอง สุจริตกุล ศ.ดร.อดุล วิเชียรเจริญ รศ.ศรีศักร วัลลิโภดม ดร.อมร จันทรสมบูรณ์ คุณนาม ยิ้มแย้ม คุณสุเทพ กิจสวัสดิ์ โดยทั้งสองท่านหลังเคยเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกามาก่อน ซึ่งพิจารณาแล้วว่าไม่ได้เข้าข้างฝ่ายไหน แต่เมื่อฟังข้อมูลและเหตุผลต่างๆ แล้ว จึงบอกว่ารัฐบาลไม่มีเหตุผล ซึ่งถ้าไม่แก้ปัญหา ดินแดนที่เรามีอยู่ก็จะต้องเสียไปอีกมหาศาล พันธมิตรฯ จึงยอมไม่ได้ และจะชุมนุมยืดเยื้อจนกว่ารัฐบาลจะทำ ถ้าไม่ทำเราก็ไม่เลิก จบ !

**นากยกรัฐมนตรีกล่าวเสมอว่าอย่างไรก็ตามไทยก็ยังไม่เสียดินแดน

คำอ้างแบบนั้นของคุณอภิสิทธิ์ โกหกมาโดยตลอด ต่อมาพอมีเหตุการณ์ที่ออกมาพิสูจน์ว่าที่คุณพูดออกมานั้น โกหก และที่พันธมิตรฯได้เคยพูดไว้เป็นเรื่องจริง ยกตัวอย่างเรื่องที่คุณอภิสิทธิ์บอกว่าไม่เสียดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตร หรือ 2,800 ไร่ โดยรอบปราสาทเขาพระวิหาร จะไม่เสียได้อย่างไรในเมื่อพื้นที่นั้นไม่มีคนไทยอาศัยอยู่แล้ว มีแต่พวกเขมรอยู่ทั้งประชาชน ทหาร ชุมนุม มีวัด มีตลาดเขมรตั้งอยู่เห็นๆ แล้วยังไม่มาบอกว่าเสียดินแดนได้ยังไง

ประชาชนก็ยังฟังเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่งอยู่ แต่พอมาถึงตอนนี้ชัดเลย เพราะกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชาออกมาประกาศว่า 4.6 ตารางกิโลเมตรหรือ 2,800 ไร่ เป็นของเขา ฉะนั้นเขาไม่ยอมชักธงที่ปักอยู่วัดแก้วสิขาคีรีสวาระลง ก็คือหลักฐานชัดว่าคุณอภิสิทธิ์โกหก แต่พันธมิตรฯพูดความจริง ซึ่งเราพิสูจน์ด้วยหลักฐานและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่มาพูดลอยๆ คุณอภิสิทธิ์ เอาแต่เถียงข้างๆ คูๆ ไปวันๆ และการที่เราออกมาชุมนุมก็ถือว่าเป็นการไขความจริงให้ความจริงปรากฏ

**กรณีที่กระทรวงการต่างประเทศออกมาแถลงให้รื้อถอนวัดแก้วฯและให้กัมพูชาปลดธงชาติ
 
แถลงช้าไปแล้ว มันควรจะทำมาตั้งนานแล้ว ทางพันธมิตรฯ ได้พูดมา 2 ปีแล้ว ว่าวัดแก้วฯ เป็นพื้นที่ของไทย คุณปล่อยให้เขมรเข้ามาได้ยังไง หรือจะตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ กรณีคนไทย 7 คนถูกจับตัว ถ้าทำตามที่พันธมิตรฯ เสนอไปก็จะไม่ถูกจับตัว และเราก็ชี้ด้วยว่าไม่ใช่แค่พื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร มันยังมีที่อื่นๆ ที่เราเสียดินแดนไปแล้ว อย่างเช่น ต.หนองจาน เป็นต้น รัฐบาลแก้หน้าด้วยวิธีใดรู้ไหม พยายามจะสร้างหลักฐานเท็จมาบิดเบือนเพื่อให้ประชาชนเห็นว่า รัฐบาลทำโดยถูกต้องหมดแล้ว มันช่วยอะไรไม่ได้หรอก เพราะว่าคนไทยดันไปล้ำแดนเขมรเอง อย่างเช่นมาบอกว่าบ่อน้ำยูเอ็น (อยู่ในเขตเขมร ตรงที่คนไทยถูกจับก็คือดินแดนเขมรนั้นเอง ซึ่งมันขัดกับความจริง

ความจริงก็คือเวลาทางสหประชาชาติ เข้ามาช่วยประชาชนที่เดือดร้อนที่มาจากการรบพุ่ง ซึ่งเขาจะไม่ตั้งอะไรไว้ในสถานที่ที่มีการรบพุ่ง เกรงว่าจะเกิดอันตราย เขาจึงต้องไปขอประเทศที่อยู่ใกล้กันทำให้ปลอดภัยกว่า เช่นสร้างสระน้ำในฝั่งไทย ตรงนี้ก็ชัดแล้วว่าเป็นอะไร ล่าสุดก็ยังเถียงข้างๆ คูๆ เอาชาวบ้านที่อ้างว่าอยู่ในพื้นที่มาพูด ทั้งที่อยู่มาไม่นานเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร จะมาพูดแทนได้ยังไงว่าไม่ไหวแล้ว พันธมิตรฯ ออกมาชุมนุม หาว่าพันธมิตรฯ กุข่าว สมมุติหากเป็นเรื่องจริง เทียบกับชาวบ้านเดือนร้อน 10-20 คน กับประเทศชาติต้องเสียดินแดนขึ้นมาจริงๆ ถามว่าคุณจะเอายังไง

**คิดอย่างไรกับการที่คนไทยชักธงชาติไทยขึ้นในบริเวณใกล้เขตประสาทเขาพระวิหาร
 
น่าจะไปชักธงที่วัดแก้วฯ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของเราด้วย ทำไมไปชักธงข้างๆ ละ แสดงว่ายังไม่แน่จริง (หัวเราะ)

**สะท้อนถึงฝ่ายทหารไทย ที่ทนไม่ไหวกับท่าทีของรัฐบาลตัวเอง

พันธมิตรฯ ออกมาชุมนุมให้รัฐบาลออกมาทำหน้าที่ ในขณะเดียวกัน ทหาร เขาก็คิดว่าเขาก็ต้องออกมาทำหน้าที่ เพราะกินภาษีจากประชาชน เช่นกัน

**ผลจากการที่ทหารไม่ได้ออกมาทำหน้าที่อย่างที่ควรจะเป็น มีผลมาจากเอ็มโอยู 2543

เอาง่ายๆ คือรัฐบาลเองนั้นแหละ อ่อนแอมากกว่า ยังไม่เคยมีรัฐบาลไหนอ่อนแอเท่ารัฐบาลนี้เลย ทั้งอ่อนแอ ทั้งโกหก สารพัด จนพวกเราเรียกว่ารัฐบาลไทย หัวใจเขมรไปแล้ว

**ถ้ารัฐบาลไม่สั่งการ ทหารก็ทำไม่ได้

ไม่เป็นความจริง ยกตัวอย่าง เวลาใครถูกจี้ ถูกปล้น ต้องรอให้ใครมาสั่งหรือไง มันเป็นความผิดซึ่งหน้า ต้องทำหน้าที่แล้ว ไม่งั้นก็เสียบ้านเสียเมือง อย่างสมมติถ้าเขมรบุกมา จ.อรัญประเทศ เข้ามาถึงกรุงเทพฯ ถ้ารัฐบาลไม่สั่งเขมรก็ยึดบ้านยึดเมืองเราได้ แต่ทหารทำมาเป็นประเพณีมานานแล้วว่าต้องรอรัฐบาลสั่งอย่างเดียว นี่คือปัญหาที่เกิดขึ้น

**กรณีคุณวีระ สมความคิด ถูกศาลกัมพูชาตัดสินว่ามีความผิด ทางพันธมิตรฯจะมีวิธีการขับเคลื่อนอย่างไรต่อไป

ไม่ว่าจะเป็นคุณวีระ สมความคิดหรือคุณราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ และใครก็ตามที่ถูกจับกุม ผมมองว่าเป็นประเด็นเพิ่มเติม ซึ่งประเด็นหลักคือกดดัน ให้นายกฯออกมาปกป้องแผ่นดินที่เรายื่นไปให้ 3 ข้อ แต่อย่างไรก็ตามการช่วยเหลือก็เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาล และเราเคยแถลงที่บ้านพระอาทิตย์แล้วว่า เราจะไม่ยอมรับการตัดสินของศาลกัมพูชา ถึงตอนนั้นยังไม่ได้ขึ้นศาลก็ตามที และรัฐบาลต้องบอกฮุนเซน ให้ปล่อยตัวคนไทยออกมาโดยไม่มีเงื่อนไข ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ทำ แต่แค่บอกว่ากำลังจะเท่านั้น

**รัฐบาลพยายามบอกต่อสังคมว่า ต้องการเจรจากับพันธมิตรฯ แต่พันธมิตรฯ ไม่สนใจที่จะเจรจาด้วย

พันธมิตรฯ บอกไปเสมอว่าจะมาเจรจาทำไมกับเรื่องที่ล้มเหลวไปแล้ว รัฐบาลต้องทำเรื่องอื่นคือไปจัดการกับเขมรได้แล้ว ถ้าเป็นกลุ่มอื่นคงจะดีใจมากที่คนระดับนายกรัฐมนตรีมาขอเจรจา แต่นี่ไม่ใช่แล้ว พันธมิตรฯ คำนึงถึงการทำหน้าที่ ก็ถามว่าเจรจาล้มเหลวมากี่ครั้งแล้ว ถามหน่อย หนังสือคัดค้านเราก็ยื่นไปแล้วไม่เห็นจะทำอะไร รัฐบาลเพียงแต่สร้างภาพให้เห็นว่าใครมีเรื่องอะไรมา รัฐบาลรับฟังหมด แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาของการพูด แต่เป็นเวลาของการทำ ก็รัฐบาลบอกเองว่าไม่ทำตามข้อเสนอ 3 ข้อของเรา แล้วจะมาเจรจาทำไม เสียเวลาเปล่าๆ ก็เพื่อที่จะโกหกจัดฉากให้ชาวบ้านดูว่าเหตุการณ์จะสงบลงแล้วมีการเจรจา ปัดโธ่.. ให้เรามาร่วมโกหกชาวบ้าน เราไม่เอาด้วยหรอก

**ประเด็นการเรียกร้องไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับพันธมิตรฯ แต่เป็นการไม่ทำหน้าที่ของรัฐบาลจนต้องออกมาเรียกร้องกดดันรัฐบาลให้ทำหน้าที่

ถูกต้อง ในฐานะที่รัฐบาลกินภาษีอากรจากประชาชน และการมาเป็นรัฐบาลไม่มีใครมาบังคับ ซึ่งคุณไม่ทำหน้าที่เราก็ต้องมากดดันให้ทำหน้าที่เท่านั้นเอง ไม่มีการขัดแย้งอะไรกัน

**พันธมิตรฯ จะมีการยกระดับชุมนุมอย่างไรอีกต่อจากนี้

เรามีการพูดคุยกันตลอด แค่มีคนเข้ามาชุมนุมแค่นี้รัฐบาลก็แย่แล้ว ซึ่งรัฐบาลยังเพลี่ยงพล้ำต่อกัมพูชา และเหตุผลต่างๆ ก็เพลี่ยงพล้ำต่อพันธมิตรฯ มาโดยตลอด และรัฐบาลเห็นพันธมิตรฯ เป็นเพียงหอกข้างแคร่ ที่มาชุมนุมอยู่ใกล้ทำเนียบรัฐบาลจะเป็นอันตรายต่อรัฐบาล ตอนนี้เขาได้เตรียมการอยู่ 3 อย่าง เรื่องแรกให้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาเจรจากับผม โดยขอเลื่อนการจราจรเข้ามาในที่ชุมนุม บอกว่าประชาเดือนร้อนเพราะรถติด ผมเลยบอกไปว่า ถ้ารถติดจริง ความเดือดร้อนก็เนื่องจากว่าเดินทางอาจใช้เวลาเพิ่มขึ้นมากหน่อย แต่กับความเดือดร้อนที่ต้องเสียดินแดน คุณจะเลือกอะไร ผมจึงยอมไม่ได้หรอก ตำรวจบางคนก็เคยไปเรียนที่โรงเรียนผู้นำ เข้ามาคุยกับผมก็เรียก อาจารย์ ผมเลยบอกไปว่าอย่าใช้ความสัมพันธ์ที่เคยมีต่อกันมาทำให้คุณต้องเกรงใจ รัฐบาลสั่งมาแบบไหนคุณทำไปเลย แต่ถึงยังไงพันธมิตรฯ ก็จะปักหลักอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนเหมือนกัน

เรื่องที่สอง คือจ้างคนภายนอกมาสร้างความปั่นป่วนในที่ชุมนุม ซึ่งผมมีแหล่งข่าวบอกมาชัดเลย เช่นพอเกิดเหตุความวุ่นวายขึ้นตำรวจก็จะใช้กำลังเข้ามาจัดการสลายได้ทันที เรื่องที่สาม รัฐบาลมีการเตรียมพร้อมที่จะสลายการชุมนุมอยู่ตลอดเวลา ผมบอกเลยว่าไม่ต้องเตรียมหรอก จะสลายชุมนุมเมื่อไหร่ก็สลายได้ ผมบอกรัฐบาลในฐานะมืออาชีพว่าเรื่องไม่จบ คุณสลายวันนี้ พรุ่งนี้เราก็มาใหม่ แทนที่จะเก็บแรงมาสลายพันธมิตร ไปสลายเขมรไม่ดีกว่าหรือ เรื่องใหญ่ๆ กลับไม่ทำ

นี่คือสามอย่างที่รัฐบาลกำลังจะทำอยู่ เพื่อกำจัดพันธมิตรฯ ให้ออกไปจากบริเวณนี้ เพราะถ้าเราอยู่นานรัฐบาลก็เสียเปรียบ ซึ่งเรามีความจริงออกมาให้กับประชาชนเรื่อยๆ นับวันก็มีแต่รัฐบาลเองที่แย่ลง และถ้าปล่อยให้เปิดถนนก็จะมีพวกแอบแฝงนำระเบิดเข้ามาในพื้นที่ชุมนุมได้ ก็เป็นอันตรายกับผู้ชุมนุมเองด้วย

**ถ้าหากรัฐบาลสร้างสถานการณ์หรือยั่วยุให้พันธมิตรฯ เดินทางไปชุมนุมที่อื่น เช่นทำเนียบรัฐบาลเพื่อให้เกิดเงื่อนไขอื่นตามมา

เรามีความรอบคอบพอ และรู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ มีผู้สื่อข่าวมาถามเราว่า วันนี้ไม่ไปชุมนุมกดดันที่อื่นหรือ เราก็บอกว่า เราจะไปชุมนุมที่ไหนก็เรื่องของเรา ซึ่งเราก็ปรึกษาหารือกันก่อนว่า ถ้าดีก็ไป ถ้าไม่ดีก็ต้องรอก่อน แค่นี้เอง

**รัฐบาลจะเกรงกลัวหรือไม่ว่า หากสลายการชุมนุม จะเกิดเหตุการณ์ปฏิวัติ เนื่องจากช่วงนี้ก็ยังมีการกล่าวถึงกันอยู่

รัฐบาลอาจจะไม่กลัวก็ได้ ถ้ารัฐบาลเข้าตาจน คนที่เข้าตาจนมันสามารถทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ช่วงต่อจากนี้รัฐบาลก็ใกล้จะเข้าตาจนแล้ว เพราะมันมีหลักฐาน พยานต่างๆ ที่บอกว่า คุณโกหก บ้านเมืองจะเจ๊ง เพราะคุณไม่ออกมาปกป้องแผ่นดิน

**มีบางฝ่ายปล่อยข่าวว่า การที่พันธมิตรฯออกมาชุมนุม เพื่อจุดกระแสปฏิวัติ

ถามหน่อยว่าถ้าเกิดปฏิวัติขึ้นจริง พันธมิตรฯ จะได้อะไรกับการปฏิวัติ ไม่ใช่หรอกครับ เรื่องปฏิวัติ ผมพูดตั้งแต่สมัยหนุ่มแล้วว่า ใครจะมาบอกว่าไม่มีปฏิวัติแล้วในประเทศไทย ไม่จริงหรอก เพราะประเทศไทยการเมืองยังไม่มั่นคง ใครจุดกระแสพูดขึ้นมาก็มีความเป็นไปได้ตลอด และสุดท้ายก็เป็นไปได้จริงๆ ด้วย ถ้าวันนี้มีคนบอกว่า อังกฤษ สหรัฐฯ แคนาดา จะมีการปฏิวัติ คนคงต้องหัวเราะท้องหงายและจะมีใครเชื่อบ้าง เพราะบ้านเขาการเมืองแข็งแรง แต่วันนี้การเมืองไทยยังไม่มั่นคง มีข่าวลืออกมาเมื่อไหร่คนก็เชื่อทั้งนั้น

แต่แนวทางของพันธมิตรฯ ก็คือ เราไม่ได้สนับสนุนให้เกิดการปฏิวัติ และเราไปห้ามใครไม่ได้ว่าไม่ให้ปฏิวัติ ผมเคยคุยกับ พล.ต.อ.มนัส ครุฑไชยันต์ (อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ) ท่านเป็นตำรวจแต่พูดถึงเรื่องทหารบ่อยครั้ง เพราะท่านร่ำเรียนมา ท่านบอกว่า ทหารเขาจะพิจารณาแล้วว่าแย่ที่สุดแล้วนะ บ้านเมืองไปไม่ไหวแล้วจริงๆ ทหารก็ต้องออกมาปฏิวัติ ก็เป็นหน้าที่ของเขาที่เขามีอาวุธและกำลังผู้คน แต่ถึงอย่างไรขณะนี้อย่ามากล่าวหากันเสียให้ยากว่าเราจุดกระแส

**อยากทราบความชัดเจนเรื่องการรวมสีเสื้อ

เราไม่เคยพูดคำนี้ และเราไม่รังเกียจใครเลยไม่ว่าจะใส่เสื้อสีไหน พูดไปพูดมาเรื่องนี้ก็มีคนเกลียดพันธมิตรฯ คนชักไม่ชอบใจคนใส่เสื้อสีเหลือง ผมถามว่าผิดอะไรใส่เสื้อสีเหลือง ผมก็มีชุดประจำแบบของผม ฉะนั้นไม่มีความจำเป็นต้องไปจับมือกับสีไหน คนที่ออกมาแค่นี้ก็เหลือกินแล้ว (หัวเราะ) แถมยังทำให้คนเกิดความสับสนอีกว่าไอ้คนกลุ่มนั้นมันเคยรวมตัวกันเผาบ้านเผาเมือง แล้วพันธมิตรฯ จะไปจับมือกับมันฉันไม่เอาด้วยนะ มันเป็นผลเสียทั้งนั้น แต่เราเปิดประตูให้คนทุกกลุ่ม ถ้าคุณเห็นด้วยก็ออกมาชุมนุมร่วมกับเราซึ่งเรามีความชัดเจนมาก

**แสดงว่าความคิดเห็นไม่ตรงกับคุณไชยวัฒน์ สินสุวงศ์

ไม่ตรง ผมไปห้ามคุณไชยวัฒน์ ทำอะไรไม่ได้ เขาอยากทำอะไรเขาก็ทำ ผมพูดได้ในฐานะที่เป็นกองทัพธรรมด้วย และเป็นพันธมิตรฯ ด้วย ซึ่งกองทัพธรรมเป็นมูลนิธิ เป็นองค์กรอย่างถูกต้องตามกฎหมาย สร้างมา 20กว่าปีแล้ว โดยมีผมเป็นประธานกองทัพธรรมจนถึงวันนี้

**ความสัมพันธ์กับคุณไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เป็นอย่างไรบ้าง

ความเห็นไม่ตรงกันหลายเรื่องก็แล้วแต่จะคิดจะทำ ซึ่งส่วนดีของเขาก็มี เขาอยากทำอะไรก็ทำไป อย่างไรก็ตามไม่ได้ทำให้พันธมิตรฯ เกิดความแตกแยก เช่นนัดเมื่อไหร่ก็มา

**แต่คนภายนอกมองว่าขณะนี้พันธมิตรฯ มีความแตกแยกกัน

ก็มองได้ ไม่เห็นเป็นอะไร จะไปห้ามใครคิดไม่ได้ แต่ความเป็นจริงเป็นอย่างไรเราต้องคำนึงถึงเป็นหลัก ไม่ได้แตกแยกอย่างที่ว่ามา ยกตัวอย่างแกนนำรุ่น 1 และรุ่น 2 ก็ยังเหนียวแน่น

**ความคิดเห็นส่วนตัวของ พล.ต.จำลองที่มีต่อคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นอย่างไร ผิดหวังหรือไม่
 
ผมไม่เคยหวังกับคุณอภิสิทธิ์อยู่แล้ว แต่คิดว่าไม่น่าจะแย่ถึงขนาดนี้

**มีหลายฝ่ายมองว่าการที่พันธมิตรฯ ออกมาชุมนุมเพื่อหวังผลทางการเมือง

ไม่มีแน่นอน อย่างพรรคการเมืองใหม่ เป็นต้น ผมเป็นคนบอกเองเลยว่า พรรคการเมืองใหม่คุณเอาของมาขายในเต็นท์ไม่ได้ เราออกมาชุมนุมเรื่องปกป้องดินแดนชัดเจน ไม่งั้นคงไม่เสียเวลามากินมานอนกลางแดด ที่พันธมิตรฯ ออกมาชุมนุมมาตลอดไม่ได้หวังผลการเมืองจะให้กลุ่มใดขึ้นมาแทนเลย มีแต่เรื่องของผลประโยชน์ประเทศชาติทั้งนั้น

**ในฐานะทหารเก่า อยากฝากถึงทหารที่ทำหน้าที่อยู่ในปัจจุบันอย่างไรบ้าง

ฝากไปจนไม่อยากจะฝากแล้ว เคยบอกเขาว่า เราเรียนมา ฝึกมา กินเบี้ยเลี้ยง เพื่อหน้าที่หลัก คือปกป้องดินแดน เพราะฉะนั้นคุณต้องคิดให้หนัก ถามว่าอายไหม ที่ประชาชนเขามากินมานอน มาจากต่างจังหวัดเยอะแยะ ทั้งคนแก่ เด็ก หนุ่มสาว อายเขาไหมถ้าทหาร ไม่ทำอะไรเลย แต่ก็มีทหารนอกเครื่องแบบบางคนแวะเวียนมาชุมนุม ส่วนคนที่ต้องทำหน้าที่แล้วดันอยู่เฉยๆ ก็ต้องอาย ที่ไม่ทำหน้าที่

**คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง มักพูดทำนองว่าพันธมิตรฯ ยุให้รัฐบาลทำสงครามกับกัมพูชา

เป้าหมายของรัฐบาลที่พูดแบบนี้เพื่อให้ประชาชนหวาดกลัว และเชื่อข้อมูลของรัฐบาล ต้องตั้งชื่อใหม่ว่ารองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความง่อนแง่นเสียมากกว่า ยิ่งอยู่ในตำแหน่งนานเท่าไหร่ ประเทศก็ยิ่งง่อนแง่นมากเท่านั้น ซึ่งการปะทะกันที่ชายแดนมันมีขึ้นตามประเทศต่างๆ เยอะแยะเต็มไปหมด ปัจจุบันก็ยังมีอยู่เรื่องที่เขตแดนมีการติดกัน แต่เป็นแค่การปะทะย่อยๆ ไม่ใช่สงครามใหญ่ เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่มาบอกเดี๋ยวจะบานปลาย ซึ่งมันไม่ใช่ ที่จริงมันต้องเกิดสงครามใหญ่แล้วใช่หรือไม่ ถ้าเป็นไปตามที่เขาว่า อย่างเรื่องที่เราไปทุบแผ่นหินเขมร แล้วมันเกิดขึ้นหรือเปล่าและก็ไม่เกิด รัฐบาลโกหกมาตลอด เพื่อให้ชาวบ้านหวาดกลัว ไม่ให้เชื่อข้อมูลพันธมิตรฯ ว่าเดี๋ยวจะก่อให้เกิดสงครามใหญ่โต นี่ละคือวิธีการของรัฐบาล

แน่นอน ประเทศที่เขามีเขตแดนประชิดติดกัน เขาใช้กำลังทหารจำนวนมากในการต่อรอง ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาจะไปยิงระเบิด ยกตัวอย่างคุณจะเจรจากับผมแล้วคุณด้อยกว่าผมทุกอย่าง ผมจะเจรจากับคุณทำไม เห็นชัดแล้วใช่ไหมว่าจะต้องมีอำนาจในการต่อรอง นั่นก็คือกองทัพ รัฐบาลสะสมอาวุธไว้เยอะแยะ ไม่ใช้ตั้งหน้าจะไปถล่มใคร แต่ต้องสะสมอาวุธไว้เพื่อไว้ใช้อำนาจในการต่อรองไม่ให้เสียเปรียบประเทศเพื่อนบ้าน

ผมถึงบอกรัฐบาลไงว่าควรใช้ทหารให้เป็น ไม่ใช่แค่เอาออกมาในอวดเด็กในวันเด็ก แต่คุณต้องไม่ลืมใช้ทหารทำหน้าที่หลัก คืออำนาจการต่อรอง ผมบอกอยู่เสมอๆ ในฐานะทหารแก่ที่ผ่านการรบมาแล้วทั้งสองสมรภูมิ ทั้งประเทศลาวและเวียดนาม ยังไงคุณก็ต้องฝึกทหารอยู่แล้ว ลองเอาไปฝึกใกล้ๆ ชายแดนดู จะเป็นยังไงละกัมพูชาก็หนาวไปเอง หรืออย่างในน่านน้ำเราก็ยังได้ หรือจะเป็นทางอากาศ ที่สามารถชี้ผลได้เลยว่าการรบที่ไหนจะประสบชัยชนะ ก็ต้องใช้กำลังของกองทัพอากาศ
 
อย่างเทียบเครื่องบินรบระหว่างเรากับเขมร ของเขมรมีแค่ 4 ลำ สภาพเก่าเกินใช้ เป็นแค่เศษเหล็ก จอดอยู่เฉยๆ บินได้หรือเปล่ายังไม่รู้ ส่วนของไทยมีเครื่องบินเอฟ 5 และเอฟ 16 ประมาณ 100ลำ แล้วเราไปกลัวอะไรเขมร แค่ใช้เวลาเดินทางไปประเทศกัมพูชาแค่ 5 นาที ฝั่งไทยก็ทำการซ้อมรบทางอากาศดูซิ แถวแทบชายแดนเขมรก็หนาวแล้ว รัฐบาลก็ยังบอกเจรจาๆ มีการเจรจาที่ไหนในโลกทำสำเร็จ เรื่องดินแดนระหว่างประเทศ ต่อประเทศ ซึ่งต่างชาติก็ยังใช้อำนาจทหารในการต่อรอง
 
มีวิธีตั้งหลายวิธีอย่างเช่นปิดด่าน ปิดบ่อน ก็ทำได้แต่รัฐบาลไม่เลือกทำซักอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอที่พันธมิตรฯ ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติง่ายๆ ทำไมไม่ทำ ไอ้ที่น่าจะไม่ทำดันทำ อย่างเรื่องเอาถุงยางอนามัยไปใส่ไว้บนหัวดันทำ ทำไมถึงทำล่ะ ถามว่าบ้าไหม นายกรัฐมนตรีไทย แต่พอเขมรมารุกรานรัฐบาลก็ไม่ตอบโต้ ไม่ใช่ทำไปแล้วไม่ได้นะ เดี๋ยวเขมรจะตกใจ เดี๋ยวจะเสียสัมพันธไมตรี แล้วเขมรมันเคยคิดไหมว่าแต่ละอย่างที่ทำจะเสียสัมพันธไมตรี เช่นจับคนไทยไป รัฐบาลไทยก็บอกว่าอย่าพูดอะไรมากนะ เดี๋ยวเสียสัมพันธไมตรีอีก แล้วมาบอกอีกว่าจับขึ้นศาลไปเถอะ จะทำอะไรก็ทำเลย ตามสบาย

**มองว่าในอนาคตรัฐบาลจะประกาศยุบสภาเพื่อหนีปัญหา
ก็ไม่ทราบรัฐบาล แต่ถึงยังไงเขาก็เริ่มถึงตาจนเข้าไปทุกทีแล้ว

**มองว่าปัญหาที่ประเทศไทยกับกัมพูชากำลังเผชิญอยู่จะจบอย่างไร

รัฐบาลทำตามข้อเสนอ 3 ข้อของพันธมิตรฯ เรื่องก็จบ ดินแดนที่เราเสียไปแล้วก็ได้คืนมา และเป็นการป้องกันอย่างยั่งยืนเพื่อไม่ให้มีการเสียดินแดนต่อไป อย่างเรื่องวัดแก้วฯ ถ้าพันธมิตรฯ ไม่ออกมาก็เงียบอยู่ใช่หรือเปล่า ที่กระทรวงการต่างประเทศของไทยแถลงแล้วว่าวัดแก้วเป็นของไทย

**เมื่อแถลงออกมาเป็นทางการ หากรัฐบาลยังจัดการอะไรไม่ได้ จะทำให้ถึงกับอยู่ไม่ได้เลยหรือไม่

เขาก็ข้างๆ คูๆ ไปเรื่อย ถ้าเป็นรัฐบาลที่อื่นเขารับผิดชอบไปนานแล้ว อย่างแค่ไปตีกอล์ฟผิดเวลา ประชาชนเรียกร้องให้ลาออก เขาก็ไปแล้ว รัฐบาลนี้หน้าหนาตลอดและทำได้ทุกอย่าง อย่างกรณีแผนที่ 1 ต่อ 200,000 นายกรัฐมนตรีบอกไม่ยอมรับ แต่กลับไปยอมรับเอ็มโอยู 2543 มีความสับสนอย่างไรหรือไม่ สำหรับนายอภิสิทธิ์ ซึ่งผู้หลักผู้ใหญ่ เอาเอ็มโอยู 43 ไปอ่านโดยตลอดก็สรุปว่า ถ้าเรายอมรับเอ็มโอยูเท่ากับว่าเรารับแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ก็มีเพียงนายอภิสิทธิ์เพียงคนเดียวที่เถียงว่าไม่ใช่ คิดแบบนี้ไทยก็เสียดินแดนน่ะซิ แกพยายามเข้าใจของแกอยู่คนเดียว พอต่างชาติเมื่อเขามาดูเขาก็รู้แล้วว่าต้องใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 และเราจะเสียดินแดนอีก 1.8 ล้านไร่ รวมถึงพื้นที่ทางทะเลที่มีมูลค่ามหาศาลอีกด้วย

และไม่ว่าจะมีคนบอกว่าคนชุมนุมเราน้อยอย่างไรก็ตาม น้อยกว่านี้ก็สู้ได้ แต่ขอให้ยืดเยื้อยาวนานเท่านั้นเอง ไม่รู้หรือว่าเราเป็นมืออาชีพ ที่บอกว่ามืออาชีพ เพราะว่าเราทำสำเร็จเคยชุมนุมขับไล่นายกรัฐมนตรีมาถึง3 คนแล้ว แต่เราไม่ได้ขู่นายกรัฐมนตรีนะ เราออกมากดดันให้ทำหน้าที่ ปกป้องแผ่นดิน ซึ่งแค่ทำตาม 3 ข้อเสนอ ของพันธมิตรฯ เท่านั้นง่ายๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น