แกนนำพันธมิตรฯ แฉ “มาร์ค” โยนหินถามทาง เชื่อไม่กล้ามาคุยกับพันธมิตรฯ ย้ำต้องดำเนินการตาม 3 ข้อเรียกร้อง ถึงจะยอมสลายชุมนุม ไม่หวั่น รบ.จะใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รอบสอง ไล่ ตร.ไปขอคืนพื้นที่ชายแดนเขมร เมินกระแสการชุมนุมอาจเป็นเงื่อนไขนำไปสู่การยึดอำนาจ ด้าน “ปานเทพ” แนะนายกฯไปอ่านหนังสือ “คำเตือนสุดท้ายฯ” จะเข้าใจภาค ปชช.ยันยังไม่ไล่ รบ.เกรง “มาร์ค” สบช่องยุบสภาปัดความรับผิดชอบ
วันนี้ (27 ม.ค.) พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวถึงกระแสข่าวที่ทางรัฐบาลพยายามประสานงาน เพื่อพูดคุยกับแกนนำพันธมิตรฯว่า ขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อมา ซึ่งคาดว่านายกฯอภิสิทธิ์ คงไม่ติดต่อมา เพราะเคยพยายามมาแล้วหลายครั้ง ในความเป็นจริงถึงตอนนี้ไม่ได้อยู่ในช่วงของการเจรจา แต่เป็นช่วงที่รัฐบาลต้องปฏิบัติแล้ว แต่หากฝ่ายรัฐบาล ยืนยันว่า มีช่องทางเจรจาก็ให้ติดต่อมา แต่เราไม่สามารถตัดสินใจกันเองได้ ต้องมีการประชุมและถามความเห็นของพี่น้องพันธมิตรฯที่เข้าร่วมชุมนุม
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากรัฐบาลเริ่มดำเนินการผลักดันกัมพูชาออกจากพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ประเทศไทยซึ่งเป็น 1 ใน 3 ข้อเสนอ กลุ่มพันธมิตรฯจะยุติการชุมนุมหรือไม่ พล.ต.จำลอง ตอบปฏิเสธว่า ไม่มีทาง เพราะเป้าหมายของเราไม่ใช่ข้อเดียว ต้องทำทั้ง 3 ข้อควบคู่กันไป ที่สามารถทำได้นานแล้ว อย่างที่นายกฯอภสิทธิ์ หรือ นายสุเทพ ออกมาตอบโต้ว่าไม่สามารถทำได้นั้น ก็มีข้อเท็จจริงและข้อมูลทางวิชาการยืนยันว่าสามารถทำได้
พล.ต.จำลอง ยังได้กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.เตรียมเสนอรัฐบาลให้ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่า ขอบอกว่า พวกเราไม่กลัว หากกลัวก็คงไม่ออกมา เพราะเราได้ประกาศชุมนุมตั้งแต่ก่อนการประกาศเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เสียอีก เนื่องจากสถานการณ์ถึงที่สุดแล้วที่ประชาชนต้องออกมาสู้เพื่อปกป้องแผ่นดิน และหนทางที่รัฐธรรมนูญให้สิทธิไว้ คือ การชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ เพื่อกดดันให้รัฐบาลทำหน้าที่รักษาอธิปไตยของประเทศ
“หากตำรวจจะมาจับพวกเราก็มาได้เลย เพราะจับไปก็มีเวลาได้ออก แต่ถ้าไม่ทำอะไร ก็ต้องเสียดินแดน ซึ่งเสียแล้วเสียเลย ฝากไปถึง พล.ต.อ.วิเชียร ว่า ในฐานะตำรวจที่อยู่ในราชการ นอกจากมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของประชาชนแล้ว ยังมีหน้าที่ในการร่วมปกป้องดินแดนอีกด้วย แต่กลับออกมาพูดข่มขู่ประชาชน” พล.ต.จำลอง กล่าว
เมื่อถามต่อว่า ครบกำหนด 2 วันที่ประกาศไม่เคลื่อนจากที่ตั้ง รูปแบบการเคลื่อนไหวต่อไปเป็นเช่นไร พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ใจเย็นๆ ไม่ต้องมาคอยถามว่าจะไปไหน เพราะเราจะไปไหนนั้น เดี๋ยวรู้กันเอง ไม่เคยปกปิด จะบอกด้วยว่าไปที่ไหนเมื่อไร ไปกลับหรืออยู่ยาว
ส่วนที่ทางตำรวจบอกว่าต้องขอพื้นที่คืน เพื่อเปิดช่องทางจราจร พล.ต.จำลอง กล่าวว่า การที่จะมีขอพื้นที่คืนนั้น ตนอยากถามว่าเหตุใดจึงไม่ไปขอคืนบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ตรงนี้เป็นดินแดนไทยและเรามาทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ อาจะทำให้การจราจรติดขัดบ้าง แต่เชื่อว่าผู้ใช้รถใช้ถนนยอมลำบากนิดหน่อย เพื่อให้เรามาทำหน้าที่รักษาแผ่นดินของเรา ถ้ารัฐบาลต้องการสลายการชุมนุมก็ต้องมาจับแกนนำ ซึ่งเรามีแกนนำรุ่น 2 รุ่น 3 คอยทำหน้าที่แทนอยู่แล้ว
พล.ต.จำลอง ยังกล่าวถึงกระแสข่าวว่า ทหารเตรียมการยึดอำนาจรัฐบาลด้วยว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ยืนยันว่า เราออกมาชุมนุมเพื่อให้รัฐบาลปกป้องแผ่นดิน ส่วนใครมาเป็นรัฐบาลนั้น เราไม่สนใจ แต่รัฐบาลไหนทำผิดเรื่องนี้ก็ต้องออกมากดดัน ไม่เกี่ยวกับการยึดอำนาจหรือไม่ เป้าหมายของเรากดดันให้รัฐบาลออกมาทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 77
ด้าน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่า ตนขอย้ำว่า ทางกลุ่มพันธมิตรฯได้มีการพูดคุยกับทางรัฐบาลมาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะการพูดคุยกับนายกฯอภิสิทธิ์ผ่านการถ่ายทอดสด แต่ปรากฏว่า นายกฯอภิสิทธิ์ กลับใช้เวลาในการพูดเองมากกว่าการรับฟังข้อมูลจากเรา นอกจากนี้ หลังการเจรจาก็ไม่ได้มีการแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรมใดๆ ตนจึงได้จัดทำหนังสือชุดหนึ่งขึ้นชื่อ “33 ประเด็นถาม-ตอบราชอาณาจักรไทยกำลังจะเสียดินแดน” และนายกฯอภิสิทธิ์ ได้ใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวในการตอบคำถามดังกล่าว ซึ่งตนจึงได้จัดทำหนังสือขึ้นมาอีกหนึ่งชุดความยาว 333 หน้า ชื่อว่า “คำเตือนสุดท้ายราชอาณาจักรไทยกำลังจะเสียดินแดน” หาก นายกฯอภิสิทธิ์ อยากทราบว่า ความเห็นของภาคประชาชนเป็นอย่างไรขอให้หาหนังสือเล่นนี้ไปอ่าน จะรู้ว่าเราสามารถโต้แย้งได้ทุกประเด็นโดยไม่ต้องผ่านการเปิดเวทีสาธารณะใดๆ
เมื่อถามถึงเวลาที่จะยกระดับการต่อรองกับทางรัฐบาลแล้วหรือยัง นายปานเทพ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการยกระดับการต่อรอง โดยเพิ่มเติมเนื้อหาการปราศรัยบนเวที นอกเหนือจากเรื่องอธิปไตยของชาติที่มีการเพิ่มข้อมูลมากขึ้นแล้วยังมีการเปิดโปงเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐบาล เนื่องจากไม่มีการตอบสนองจากรัฐบาลเลย ถือว่าการชุมนุมเป็นการเพิ่มข้อมูลให้แก่ประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า เป้าหมายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯยังไม่ชัดเจน เพราะมีแกนนำบางคนต้องการขับไล่รัฐบาล นายปานเทพ กล่าวว่า เรายังย้ำว่า เป้าหมายคือการให้รัฐบาลทำตาม 3 ข้อเสนอ คือ ยกเลิก MOU 2543 ถอนตัวภาคีมรดกโลก และผลักดันชุมชนชาวกัมพูชา แต่อาจมีแกนนำบางคนที่ได้แสดงความเห็นส่วนตัวว่านายกฯอภิสิทธิ์ ไม่เหมาะที่จะเป็นนายกฯต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ เข้าใจว่า นายกฯอภสิทธิ์ หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อทำให้สังคมสับสน และพยายามหนีปัญหาไปด้วยการยุบสภาในเดือน เม.ย.ตามที่ประกาศ เพื่อไม่ให้ถึงการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ในเดือน มิ.ย.ที่ไทยจะเสียพื้นที่ 4.6 ตร.กม.รอบปราสาทเขาพระวิหาร เป็นการปัดความรับผิดชอบ
