แฉเล่ห์เขมรหวังบุกบั่นสถานการณ์ชายแดนปราสาทตาเมือนธม-ตาควายให้รุนแรงเช่นปราสาทพระวิหาร หวังฮุบพื้นที่ "วีระพล" เผยสลดใจรัฐบาลปล่อยทหารแนวหน้าขาดแคลนเสบียง-น้ำ จนชาวบ้านต้องระดมเข้าช่วยเหลือ วอนพี่น้องช่วยส่งเสบียงบำรุง
วันนี้(23 เม.ย.) ที่เวทีชุมนุมพันธมิตรฯ สะพานมัฆวานรังสรรค์ ในช่วงรายการสภาท่าพระอาทิตย์ ได้มีการเชิญนายปราโมทย์ หอยมุข ผู้ประสานงานฝ่ายต่างประเทศ 7 หมู่บ้านในพื้นที่ชายแดน นางมาลีรัตน์ แก้วก่า อดีตส.ว. และนายวีระพล โสภา แกนนำชาวบ้านในพื้นที่ชายแดนเขมร ได้มาเล่าถึงเหตุการณ์ทหารไทย-กัมพูชาที่เปิดฉากปะทะกันเมื่อช่วงเช้าวานนี้
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "นายวีระพล โสภา แกนนำชาวบ้านในพื้นที่ชายแดนเขมร" ให้สัมภาษณ์
นายวีระพล เล่าถึงเหตุการณ์ในพื้นที่ให้ฟังว่า ขณะนี้ยังมีการยิงกันอยู่ของสองฝ่าย เมื่อวานนี้พวกเราชาวบ้านในพื้นที่วุ่นวายกับการส่งเสบียงให้ทหารในพื้นที่ตั้งแต่ตอนเย็นวันที่ 20 เม.ย. เพราะข้าวเย็นก็ไม่ได้กิน ตอนเช้าวันที่ 21 ก็ไม่ได้กิน พวกเราเข้าไปตอนเช้า ทหารบอกว่าขอน้ำและเสบียงสนับสนุนแค่นั้น ซึ่งทั้งอำเภอร้านค้าปิดหมดเหลืออยู่ 2 ร้าน กว่าเราจะส่งเสบียงเข้าไปได้ก็เกือบเที่ยง ซึ่งทหารแทบจะไม่ได้กินข้าว อีกทั้งที่ฐานก็ไม่ได้มีเสบียงเหลืออยู่เลยตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.ที่เราเข้าไปเยี่ยมฐานเพื่อมอบพระพุทธรูปตามแนวสันปันน้ำ ซึ่งหลายฐานกำลังสภาพไม่ต่างกันคือไม่มีน้ำและอาหารแห้ง
"ทหารในพื้นที่เป็นทหารอาชีพ เขารักษาอธิปไตยตามหน้าที่ เขาบอกว่าจะไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่ตารางเมตรเดียว เขาไม่ยอมที่จะให้ทหารเขมรเข้ามาในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมหรือตาควาย ซึ่งทหารรู้อยู่แล้วว่าต้องยิงกันซักวัน เพราะต่างเผชิญหน้ากันอยู่ อีกทั้งก่อนหน้านี้สมเด็จฮุน เซน เคยประกาศกร้าวว่าจะยกระดับความขัดแย้ง หรือความเป็นเจ้าของปราสาทตาเมือนธมและตาควายให้เหมือนกับปราสาทพระวิหารที่ได้เป็นเจ้าของ" นายวีระพล ระบุ
นายวีระพล เล่าอีกว่า ตนได้รับข้อมูลจากทหารในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ติดต่อไม่ได้ไม่ทราบชะตากรรมจะเป็นอย่างไร ได้ส่งมาก่อนที่จะมีการยิงกันว่าปราสาทตาเมือนธมทั้งฝั่งตะวันออกและตกมีทหารไทยตั้งกำลังอยู่ โดยทหารเขมรได้เข้ามาเจรจาเพื่อขอเข้ามาในพื้นที่ แต่เมื่อทหารฝ่ายไทยไม่ยอม ก็กลับออกไป พร้อมกับส่งสัญญาณให้ทหารเขมรที่ตั้งรับเตรียมพร้อมอยู่ยิงเข้าใส่ นอกจากนี้ทางทหารฝ่ายเขมรก็ยังตัดการติดต่อกับทางไทย ทั้งที่ก่อนหน้าที่เคยช่องสัญญาณติดต่อกันได้
"ตอนนี้ที่เสียใจและเศร้าใจคือ ฝ่ายรัฐบาลปล่อยให้ทหารที่ไม่ยอมให้สูญเสียอธิปไตย ต้องเผชิญกับความยากลำบาก กับความหิวโหยได้อย่างไร จึงขอเชิญชวนพี่น้องพันธมิตรฯในพื้นที่ระดมอาหารแห้ง น้ำ หรือลูกอมที่มีรสหวานเพื่อเพิ่มความสดชื่น หรือส่งไปกับรถทหารที่เข้าไปในพื้นที่จาก อ.หารทรายไป อ.กาบเชิง รถทหารจะวิ่งเข้าไปส่งเสบียง นอกจากนี้ยังส่งเสบียงไปไว้ที่วัดป่าเขาโต๊ะ ตำบลปักได ให้กับพระครูพนมศรีลาจารย์เจ้าอาวาส อยู่ที่ตำบลปักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เพราะพระครูเป็นกำลังหลักของเราในขณะนี้ อยากบอกว่าน้ำที่สำคัญในขณะนี้ดีที่สุดคงไม่พ้นน้ำใจจากแนวหลัง เป็นสิ่งที่แนวหน้าต้องการมาก" นายวีระพล กล่าว
นายวีระพล กล่าวอีกว่า สิ่งที่กังวลตอนนี้คือ ความไม่ชัดเจนในนโยบายทั้งจากของรัฐ หรือจากผู้บังคับบัญชาฝ่ายนโยบายว่าจะสู้หรือจะถอย ทำให้คนที่อยู่แนวหน้าละล้าละลังว่าจะเชื่อนายดี หรือปฏิเสธทำสั่งนายในการอยู่ปกป้องแผ่นดินดี ถ้าไม่เชื่อคำสั่งนายก็เท่ากับเป็นกองโจร นี่คือสภาพของทหารในพื้นที่ เชื่อนายก็เสียดินแดน ไม่ได้ทำหน้าที่ ไม่เชื่อนายก็ถูกละเลยไม่ส่งกำลังสนับสนุน คนที่สู้บ้างไม่สู้บ้างมีแต่เสียเปรียบ เหมือนนักมวยที่ขึ้นไปต่อยแต่ถูกคำสั่งว่าห้ามชนะ
ด้านนางมาลีรัตน์ แก้วก่า อดีตส.ว. กล่าวว่า เรื่องนี้เห็นชัดว่าทางกัมพูชามีการเตรียมการเอาไว้ พอมีการยิง ก็ทำหนังสือถึง UNSCและประธานอาเซียน ทั้งๆ ที่รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยเพิ่งจะให้สัมภาษณ์ว่ากำลังจะทำหนังสือประท้วง ซึ่งผู้มีอำนาจระดับสั่งการของไทยยังให้สัมภาษณ์ไม่ชัดเจน ยังไม่รู้เรื่อง นี่คือการทำงานของนักการเมืองไทย ที่ยังทำหน้าที่ไม่เข้มแข็ง ไม่สนใจผลประโยชน์ของชาติ จึงไม่รู้เท่าทันกัมพูชาที่วางแผนการณ์เอาไว้ตั้งแต่การแถลงข่าวกับสื่้อต่างประเทศ ทำหนังสือถึงต่างประเทศ ส่งรูปกองกำลังทหารที่ถูกโจมตีต่อสื่อต่างประเทศ สิ่งเหล่านี้ต่อไปจะมีผลการตัดสินของคณะกรรมการมรดกโลกที่จะมีขึ้นในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แน่นอน
"วันนี้อยากจะบอกถ้ารัฐบาลนี้ยังนิ่งเฉย ไม่สนใจผลประโยชน์ต่อชาติสนใจแต่มุ่งหน้าสู่โหมดเลือกตั้งอย่างเดียว คอยแต่จะหาเสียงโดยการขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ นี่ก็จะสะท้อนตัวตนว่านักการเมืองพรรคนี้ละเว้นผลประโยชน์ของชาติ ตนอยากจะสื่อไปถึงทหารว่า นักการเมืองมาแล้วก็ไป เปลี่ยนมือไปเรื่อยๆ แต่ว่าข้าราชการ ทหาร เป็นข้าของหลวง วันนี้ต้องฟังคำสั่งแต่กับประโยชน์ของชาติจะรอคำสั่งไม่ได้ ทหารควรเป็นหลักในการตั้งศูนย์เกาะติดสถานการณ์ ติดตามท่าทีของกัมพูชาตลอดเวลา เพื่อให้เห็นว่ากัมพูชา ฮุน เซน ไม่ได้เป็นมิตรกับเราอีกต่อไป และต้องย้ำให้เห็นว่าปราสาทตาควาย ตาเหมือนธมเป็นของไทย" นางมาลีรัตน์ ระบุ