xs
xsm
sm
md
lg

ปะทะชายแดน-ไทยคมล่มความบังเอิญที่ร้ายกาจ!?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ไม่น่าเชื่อว่าทั้งสองเหตุการณ์ใหญ่นั่นคือ เหตุการณ์ปะทะกันที่ชายแดนไทย-กัมพูชาด้าน อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ใกล้กับปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควายเมื่อตอนเช้ามืดวานนี้ (22 เมษายน) กับเหตุการณ์สัญญาณดาวเทียม “ไทยคม 5” ล่มเมื่อก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง กลายเป็นเรื่อง “บังเอิญ” ที่น่าสงสัยได้อย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าอีกด้านหนึ่งในความเป็นจริงแล้วทั้งสองเหตุการณ์อาจไม่ได้เกี่ยวข้อง หรือคนละเรื่องกันไปเลย เพียงแต่ดันมาเกิดเหตุในเวลาใกล้เคียงกันเท่านั้น

แต่ถึงอย่างไรทั้งสองเหตุการณ์ถ้าจะมองกันแบบ “มีความเป็นไปได้” และให้ “โยงใย” ถึงกันมันก็มองแบบนั้นได้เหมือนกัน

ที่สำคัญในแต่ละเรื่อง หรือทั้งสองเรื่องรวมกันล้วนโยงไปถึง ทักษิณ ชินวัตร ได้ทั้งสิ้น โดยเฉพาะในความเคลื่อนไหวตื่นตัวในเรื่องการ “ปฏิวัติรัฐประหาร” ที่หนาหูขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ จตุพร พรหมพันธุ์ “หัวโจก” คนเสื้อแดงจงใจกล่าว “จาบจ้วง” สถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อค่ำวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา จนทำให้ประชาชนทั่วไปและทหารหลายกองพลต้อง “ตบเท้า” แสดงอาการไม่พอใจออกมาอย่างพร้อมเพรียงกว่าทุกครั้งในรอบหลายปี

หากพิจารณาเริ่มแรกจากเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาที่กำลังเกิดขึ้นล่าสุดทำให้เกิดความสูญเสีย ซึ่งจากข้อมูลที่ตรวจสอบได้เฉพาะฝั่งไทยทราบว่าทหารไทยเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บอีกกว่าสิบคน และต้องอพยพชาวบ้านไปอยู่ในที่ปลอดภัย ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจาก “เหตุจูงใจ” แล้วเชื่อว่างานนี้น่าเริ่มจากฝ่ายกัมพูชาของรัฐบาลฮุนเซน ค่อนข้างจะแน่ชัดเป็นอย่างยิ่ง

ส่วนจะมีใครร่วมผลักดันประเภทขอความร่วมมือหรือไม่ ค่อยมาพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในภายหลัง

แต่ก่อนอื่นเมื่อพุดถึงชายแดนไทย-กัมพูชา ก็หนีไม่พ้นที่ต้องกล่าวถึงกรณีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของฮุนเซน ซึ่งคาดว่าจะมีการชี้ขาดเป็นครั้งสุดท้ายในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่ประเทศบาห์เรนในวันที่ 15 มิถุนายนนี้ แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์และสภาพแวดล้อมโดยรวมแล้ว นาทีนี้ถือว่าโอกาสเป็นไปได้แทบจะเหลือน้อยมาก

แต่ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งในเมื่อที่ผ่านมาทางฮุนเซน ซึ่งมักใช้กรณีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร และก่อเหตุยั่วยุไทยตามแนวชายแดนเพื่อกลบเกลื่อนปัญหาการเมืองภายใน รวมถึง “เบี่ยงเบน” เหตุการณ์ชายแดนเขมร-เวียดนามอยู่เสมอ หากเกิดเรื่อง “พลิกผัน” แบบนี้มันก็คงพอเดาออกว่าไม่น่าจะส่งผลดีต่อเขาแน่ ดังนั้นเมื่อมาเกิดเหตุปะทะตามแนวชายแดนด้านติดกับไทยจึงเป็นเรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้นเอาในช่วงนี้อย่าน่าผิดสังเกต

การปะทะในครั้งนี้ทำเหมือนกับเหตุการณ์ปะทะคราวที่แล้ว ที่ทางฝ่ายกัมพูชาใช้วิธีการดึงให้องค์กรระหว่างประเทศ อย่างองค์การสหประชาชาติ หรืออย่างน้อยก็ต้องการให้อาเซียนเข้ามาแทรกแซงหรือสังเกตการณ์ คราวนี้ก็น่าจะออกมาในรูปแบบเดียวกัน ซึ่งเป้าหมายสูงสุดก็เพื่อช่วยการันตีพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา “ตลอดแนว”

นอกเหนือจากนี้ สิ่งที่ต้องพิจารณาควบคู่กันไปด้วยก็คือ การปะทะครั้งล่าสุดยังมาเกิดขึ้นหลังจากสัญญาณดาวเทียม “ไทยคม 5” ขัดข้องเพียงไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งถ้ามองแบบ “จับผิด” ก็มองได้ว่าถ้าพูดถึงไทยคมก็ย่อม “มีกลิ่น” ของ ทักษิณ ชินวัตร ติดมาด้วยอย่างแน่นอน รวมไปถึงความสัมพันธ์แน่นแฟ้นในเรื่องผลประโยชน์กับ ฮุนเซน มันก็โยงกันได้เหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงอาจเป็นอีกกรณีหนึ่งก็ตาม

ที่น่าสนใจก็คือ ทั้งสองเหตุการณ์ล้วนเกิดขึ้นในช่วงที่กระแสข่าว “ปฏิวัติรัฐประหาร” กำลังหนาหูหลังจากที่ระดับ “ลิ่วล้อปลายแถว” อย่าง จตุพร พรหมพันธุ์ “รับงาน” มาพูดจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์จนถูกทหารหลายกองพลออกมา “ตบเท้า” อย่างพร้อมเพรียง รวมไปถึงข่าวการถอนประกัน “หัวโจก” เสื้อแดง รวมไปถึงการลาออกของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จากพรรคไทย หรือแม้กระทั่งการตั้งพรรคใหม่ในชื่อ “เพื่อธรรม” ไว้สำรองหากพรรคเพื่อไทยถูกยุบจากกรณีจาบท้วงสถาบันฯ

ดังนั้น ทั้งเรื่องดาวเทียมไทยคม “เดี้ยง” ใช้การไม่ได้ชั่วคราว มันก็เหมือนกับการจงใจทำให้สงคมเกิดความระแวงคาดการณ์ว่าอาจเกิดปฏิวัติตามกระแสข่าวลือ หลังจากทีวีจอดำไปนานหลายชั่วโมง มองอีกด้านหนึ่งเหมือนกับ “บล็อก” กองทัพให้หยุดเคลื่อนไหวชั่วขณะ ขณะเดียวกัน การปะทะกันที่ชายแดน หากมองในแง่ร้ายนี่อาจเป็นผลประโยชน์ร่วมกันที่ฝ่าย ฮุนเซนต้องการ “สร้างเรื่อง” เพื่อดึงองค์กรระหว่างประเทศเข้ามาแทรกแซงเพื่อลุ้นเรื่องการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารและรุกล้ำแดนไทยเข้ามาตลอดแนว ขณะที่ “นายใหญ่” ก็ได้ประโยชน์จากเหตุการณ์ อย่างน้อยทำให้ทหารไทยต้อง “ทุ่มกำลัง”ไปตรึงที่นั่น ไม่มีเวลาคิดทำอย่างอื่น

นั่นเป็นข้อสันนิษฐานและมองเห็นเหตุการณ์สองเรื่องที่บังเอิญสอดคล้องต้องกันอย่างร้ายกาจ และคนที่ได้ประโยชน์ล้วนแล้วแต่เป็นคนชั่ว และไม่ใช่คนไทย!!

กำลังโหลดความคิดเห็น