เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 กลายเป็นเรื่อง “บังเอิญ” ที่ประจวบเหมาะพร้อมๆกันหลายเรื่องประดังเข้ามา บางอย่างเหมือนกับการวางแผนเอาไว้ล่วงหน้า รวมไปถึงการเกิดขึ้นโดยธรรมชาติปะปนกันไป ล่าสุดได้เกิดเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตามแนวชายแดนด้าน จ.สุรินทร์ บริเวณไกล้เคียงกับปราสาทตาเมือนธม-ตาควาย ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ซึ่งยังทราบแต่เพียงว่าเป็นทหารฝ่ายไทย ส่วนฝ่ายตรงข้ามยังไม่รู้ข้อมูลตัวเลขแน่ชัด
00 เหตุบังเอิญที่ว่าก็คือ หากพิจารณาเฉพาะกรณีขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร ที่เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขการเสนอพื้นที่บริหารจัดการโดยรอบปราสาท ที่ฝ่ายกัมพูชาจะต้องเสนอให้ที่ประชุม กก.มรดกโลกพิจารณาในการประชุมที่ประเทศบาห์เรน ในเดือนมิ.ย. หากนับนิ้วดูตารางเวลาแล้วก็เหลืออีกไม่กี่วันเท่านั้น ซึ่งหากยังเดินในแนวทางเดิม เชื่อว่าความหวังของ “ฮุนเซน” ที่จะขึ้นทะเบียนก็ดูริบหรี่ เพราะเท่าที่ประเมินสถานการณ์ ทั้งจากการชุมนุมของคนไทย ที่รักแผ่นดินไทย ยังปักหลักคัดค้านอย่างคงเส้นคงวาจนเกิดแรงกดดันให้ทุกฝ่ายโดยเฉพาะกองทัพ มีท่าที “เข้มงวด” ด้านชายแดนมากขึ้น
00 ทำให้ความหวังของ ฮุนเซน ที่ดูมืดมนดังกล่าว แต่ในเมื่อ “คุยโม้” และใช้เรื่องปราสาทพระวิหาร และใช้วิธีแข็งกับประเทศที่ “เหนือกว่า” อย่างไทย ทำให้อดีต “ทหารป่า” อย่างเขา ใช้เป็นเครื่องมือหาความนิยม “เบี่ยงเบน” ปัญหาภายในมาตลอด แต่อย่างไรก็ตาม ขึ้นชื่อว่า “จอมเจ้าเล่ห์” แล้วก็ต้องหาวิธีใหม่ นั่นคือต้องสร้างสถานการณ์ให้เกิดการปะทะ เพื่อต้องการดึงเอา “ประเทศที่สาม” หรือองค์กรระหว่างประเทศ เข้ามาแทรกแซงให้ได้ และสาเหตุที่เกิดการปะทะครั้งล่าสุด น่าจะเป็นการวางแผนของฝ่ายกัมพูชา ที่ต้องการนำมาใช้อีกครั้ง นั่นเอง
00 ผลจากการปะทะคราวนี้ เชื่อได้เลยว่าจะต้องเกิดความเสียหาย ล่าสุดทราบว่ามีทหารไทยเสียชีวิตแล้ว 4 ศพ เจ็บอีกจำนวนหนึ่ง ดังนั้นถ้าไม่อยากให้สูญเปล่า-ตายฟรี ก็ต้องถือโอกาส “กวาดล้าง” ไปในคราวเดียว จากนั้นค่อยมาเจรจาในภายหลัง ซึ่งน่าจะทำตั้งแต่คราวที่แล้ว ขณะเดียวกัน ในเมื่อคิดว่าพื้นที่รอบปราสาท 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นของเรา ก็ต้องขับไล่ออกไปให้หมด ไช่มั๊ย นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ต้องสั่งแม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร ให้แก้ตัวใหม่ อย่าดีแต่พูดก็แล้วกัน !!
00 ข้อสังเกตอย่างที่สองที่เห็นว่าเป็นเรื่องบังเอิญก็คือ การที่สัญญาณดาวเทียม “ไทยคม” ล่มลงหลายชั่วโมง เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งถ้าพูดถึงดาวเทียมไทยคม ก็ย่อมสื่อไปถึงใครย่อมรู้ดี ถ้าไม่ใช่ “เหลี่ยมจัด” ทักษิณ ชินวัตร แม้ว่าจะขายไปให้เทมาเส็กสิงคโปร์ แล้วก็ตาม แต่มันก็ยังมีอะไรที่ลึกลับซับซ้อนซ่อนอยู่ ทั้งในเรื่องของพนักงาน เส้นสายภายในยังมี “คนกันเอง” ไม่น้อย และบังเอิญอย่างร้ายกาจก็คือ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีข่าวลือ “ปฏิวัติ” เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจาก“ไอ้ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ออกมาจาบจ้วงหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จนมีการ “ตบเท้า” ของทหาร
00 คำถามก็คือ เมื่อกลัวว่าจะมีความเคลื่อนไหวแบบนั้นขึ้นมา มันก็ต้องหาทาง “บล็อก” กันเสียก่อน โดยเฉพาะเมื่อสัญญาณขัดข้องทำให้ “จอดำ” มันก็ยิ่งมีคำถามพุ่งไปที่ทหารก่อนใคร ซึ่งก็ได้ผลมีแต่การสอบถามกันให้วุ่น ว่าเกิดการปฏิวัติกันแล้วหรือ ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุดักหน้าแบบนี้มันก็ต้องหยุดเคลื่อนไหวกันไปก่อน อย่างไรก็ดี นี่คือการตั้งข้อสังเกตกันไปต่างๆ นานา เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ในประเทศนี้ หรือแม้แต่เหตุการณ์ปะทะกันที่ชายแดน มันก็ยังเป็นไปได้ว่า มันอาจเป็นการเป่านกหวีดจาก “คนหน้าเหลี่ยม” ให้ “เพื่อนฮุนเซน” สร้างสถานการณ์ เพื่อให้ทหารไทยต้องทุ่มกำลังไปทางด้านนั้นก่อน เป้าหมายเพื่อหยุดความเคลื่อนไหวเบนความสนใจทางนี้ไว้ชั่วคราว ผลประโยชน์แบบ “วินวิน” ทั้งสองฝ่าย หากมองอย่างนั้น ก็มองได้
00 เมื่อพูดถึงชายแดนไทย-กัมพูชา ก็ต้องไม่ลืมที่จะพูดถึง “เอ็มโอยู 43” ของ “เด็กอมมือมาร์ค” ที่ยังดื้อว่าทำให้เขมรรุกล้ำเข้ามาไม่ได้ หรือทำให้เกิดการเจรจาทวิภาคี แล้วไหนล่ะ เห็นฮุนเซน มันสั่งยิงเข้ามาโครมๆ ทหารไทยก็ตายฟรี ดินแดนก็ทำท่าสูญเสียถาวร อ่อนหัดจริงๆ ส่วนกระทรวงต่างประเทศก็เหมือนกัน ในยุคของ กษิต ภิรมย์ ก็น่าปวดใจ มีแต่ท่าดีทีเหลว เอาเข้าจริงเสียเปรียบเขาตลอด ดีแต่ประท้วงบ้าน้ำลาย ทุด !!
00 เมื่อพูดถึงดาวเทียมขัดข้องแล้ว ก็ต้องถามไปที่ไทยคมเช่นเดียวกันว่า ทำไมไม่มี “ดาวเทียมสำรอง” ไว้รองรับ และนี่คืออีกหนึ่งความ “เอาเปรียบ” ของ ทักษิณ ที่เคยทำเอาไว้กับประเทศไทย จากกรณีทำผิดสัญญากรณียิงดาวเทียมไทยคมขึ้นไปแล้ว จะต้องยิงดาวเทียมสำรองขึ้นไปด้วย เพื่อป้องกันปัญหา แต่นี่ดัน “หัวหมอ” ใช้ดาวเทียมสำรองเป็น “ดาวเทียมหลัก” แล้วคิดเงินค่าเช่าเพิ่ม ซึ่งเกิดขึ้นกับ “ไอพีสตาร์” นั่นเอง และที่ผ่านมา ศาลฎีกาฯ ก็ได้ระบุความผิดออกมาแล้วในคดียึดทรัพย์ เมื่อกว่าสองปีที่ผ่านมา แต่จนบัดนี้เรื่องก็ยังไม่ถึงไหน ทุด !!