xs
xsm
sm
md
lg

พธม.ให้กำลังใจทหารป้องอธิปไตย ซัด MOU43 ตัวการปล่อยเขมรรุกยึดแดนสยาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง
โฆษกพันธมิตรฯ เผย เหตุปะทะเขมรสร้างกระเช้าขึ้นปราสาทตาควาย ซัดเอ็มโอยู 43 ทำเพื่อนบ้านอ้างแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน หาสันปันน้ำใหม่หวังยึด 2 ปราสาท ให้กำลังใจทหารปกป้องอธิปไตย จวก “สุวิทย์” ไม่ใช่สันปันน้ำสู้มรดกโลกทำไทยเพลี่ยงพล้ำ “จำลอง” ซัดนักการเมืองมัวแต่สนเรื่องตัวเอง ยันต้องโหวตโน ย้ำ เป็นมติที่ประชุม



 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ให้สัมภาษณ์  

วันนี้ (22 เม.ย.) ที่สะพานมัฆวาน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา บริเวณปราสาทตาเมือนธม แล ะปราสาทตาควาย ชายแดน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ว่า จากการที่ได้ตรวจสอบข้อมูล พบว่า การปะทะครั้งนี้เกิดขึ้นจากการที่ทหารไทย ได้พบว่า กัมพูชาได้มีการสร้างสิ่งปลูกสร้าง และเปลี่ยนฐานที่มั่น ที่มีสภาพเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบริเวณด้านทิศตะวันตกของปราสาทตาควาย จึงเป็นสาเหตุให้เกิดการปะทะกัน เป็นผลทำให้เหตุการณ์ลุกลามไปถึงปราสาทตาเมือนธม โดยทั้ง 2 ปราสาทนั้น อยู่ในเขตแดนไทย ซึ่งที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชาไม่มีโอกาสที่จะปะทะกับฝ่ายไทย โดยจะอยู่ที่ตีนเขาดงรัก จากการปักปันเขตแดนที่แล้วเสร็จไปแล้วระหว่างสยามกับฝรั่งเศส เมื่อ 103 ปีก่อน หรือสนธิสัญญา 1904 และ 1907 ซึ่งยึดขอบหน้าผาเป็นสันปันน้ำ แต่เมื่อมีเอ็มโอยู 2543 ทำให้ฝ่ายกัมพูชายกเลิกการยึดขอบหน้าผาเป็นสันปันน้ำ และอ้างถึงแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน โดยพยายามหาสันปันน้ำใหม่ตามหลักวิทยาศาสตร์ จึงทำให้เกิดปัญหาขึ้น โดยฝ่ายกัมพูชาสร้างกระเช้าจากตีนเขาดงรักขึ้นมาที่ปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม จนเกิดการประจันหน้ากันระหว่างทหาร 2 ฝ่าย เมื่อฝ่ายกัมพูชามีความคิดที่จะรุกคืบยึดปราสาททั้ง 2 แห่ง จึงได้ขนกำลังทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์ และใช้แผนที่ 1 ต่อ 2 แสน เป็นเครื่องมือในการรุกรานฝ่ายไทย อีกทั้งยังมีกระบวนการในการสร้างสิ่งปลูกสร้าง และฐานทัพที่มั่นคงมากขึ้น จนเป็นเหตุให้มีการปะทะกันในที่สุด ถือเป็นการพิสูจน์ความจริงได้ว่าแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ในเอ็มโอยู 2543 มีปัญหา และทำให้ประเทศไทยถูกรุกล้ำยึดครองอยู่ ทำให้กัมพูชากลายเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการปะทะ และทำร้ายราษฎรไทย

“ขอให้กำลังใจทหารในการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ และผลักดันกัมพูชาออกจากแผ่นดินไทย ขณะเดียวกัน เราก็ได้เห็นปัญหาชัดเจนมากขึ้นไปอีกว่า เอ็มโอยู 2543 ที่ให้การรับรองแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนนั้น ไม่ได้มีปัญหาเฉพาะในพื้นที่ปราสาทพระวิหาร แต่ยังมีปัญหาบานปลายไปถึงทั้งปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย และพื้นที่ต่างๆ อีก 1.8 ล้านไร่ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลต้องทบทวนอย่างเร่งด่วน เดิมทีประชาชนคนไทยไม่เคยต้องอพยพออกจากแผ่นดินไทย แต่ครั้งนี้ถือเป็นการซ้ำรอยจากเหตุปะทะ ที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา” นายปานเทพ กล่าว

นายปานเทพ ยังได้กล่าวถึงกรณีที่ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนการเจรจามรดกโลกของไทยต่อไปด้วยว่า นายสุวิทย์ พยายามมีจุดยืนคล้ายกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในการไปต่อสู้ในเวทีมรดกโลก โดยอ้างว่า ฝ่ายไทย และกัมพูชา ยังจัดทำหลักเขตแดนกันไม่แล้วเสร็จ จึงยังไม่สามารถอนุมัติแผนบริหารจัดการมรดกโลกได้ แต่ไม่ยอมต่อสู้ในการยืนยันเส้นเขตแดนของไทยตามหลักสันปันน้ำ ซึ่งก็คือขอบหน้าผาที่มองเห็นด้วยตาเปล่า กลับไปต่อสู้ว่าเส้นเขตแดนยังไม่ชัดเจน ทั้งที่ความจริงจัดทำเสร็จสิ้นตั้งแต่เมื่อ 103 ปีที่แล้ว ดังนั้น การต่อสู้เช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยต้องเพลี่ยงพล้ำอีก เพราะจากการต่อสู้ในเวทีคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) และในเวทีอาเซียน ที่เมื่อฝ่ายไทยไม่ยืนยันเส้นเขตแดนของตัวเอง จึงมีข้อเรียกร้องให้ไทยและกัมพูชาหยุดยิงถาวร โดยไม่สนใจว่ากัมพูชายึดครองแผ่นดินไทยอยู่ ปัญหาจึงปลายบานมาถึงทุกวันนี้ เพราะหากคณะกรรมการมรดกโลกเชื่อในน้ำหนักของฝ่ายไทย เราคงไม่ต้องเสียท่ากัมพูชาในปี 2552 ที่กัมพูชาอ้างว่า ไทยรุกรานตามแผนที่มาตรการส่วน 1 ต่อ 2 แสน และเป็นเหตุทำให้ยูเนสโกให้เงินสนับสนุน 5 หมื่นเหรียญสหรัฐฯแก่กัมพูชา ในการซ่อมและสร้างตลาดกัมพูชาในผืนแผ่นดินไทย

“เพียงแค่ฝ่ายไทยวางยุทธศาสตร์ผิดพลาดได้เป็นปัญหาก่อให้เกิดการรุกรานยึดครองแผ่นดินไทยอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และไม่สามารถเอาชนะได้ในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อการรักษาปกป้องอธิปไตยของชาติ” นายปานเทพ กล่าว

ขณะที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวตอบข้อถามที่ว่าจากเหตุการณ์ปะทะที่ชายแดน จ.สุรินทร์ นั้น ฝ่ายไทยควรใช้โอกาสนี้ในการผลักดันกัมพูชาออกจากดินแดนไทยหรือไม่ ว่า ในความเป็นจริงเราได้เรียกร้องเรื่องนี้มานานแล้ว ซึ่งอยู่ใน 3 ข้อเรียกร้องของเรา แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง ทั้งที่ทหารและตำรวจมีหน้าที่ในการปกป้องแผ่นดิน เมื่อมีการรุกล้ำเข้ามาก็ตอบโต้ออกไป โดยไม่ต้องรอให้ใครสั่ง แต่ที่แล้วๆมาไม่ทำกัน จนเป็นประเพณีที่ต้องรอให้รัฐบาลสั่ง เมื่อเสนอให้ใช้กำลังผลักดันกัมพูชาออกไป ก็มาต่อว่าเราอีก

“หากรัฐบาลและทหารทำตาม 3 ข้อเรียกร้องของเรา พวกเราก็ยุติการชุมนุมไปแล้ว และจะเป็นการแก้ปัญหาและป้องกันได้อย่างยั่งยืน แต่รัฐบาลกลับไม่ทำ ทั้งที่ทำได้ทันทีและทุกเมื่อ แม้กระทั่งนักการเมืองไม่ว่าพรรคไหนก็ไม่ได้ให้ความสนใจ มัวสนใจเรื่องของตัวเอง” พล.ต.จำลอง กล่าว

พล.ต.จำลอง กล่าวอีกว่า การชุมนุม 88 วันที่ผ่านมา ถือว่าได้ประโยชน์อย่างมาก ในการเปิดเผยความจริง หากเราไม่ออกมาทำหน้าที่ก็ยังไม่มีผู้ให้ความสนใจ และมีความรู้ในเรื่องปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชา จนบัดนี้สื่อมวลชนบางแห่งมีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะล่าสุดในหนังสือพิมพ์แนวหน้า ที่มีบทความชื่อ บางระจันที่สะพานมัฆวาน ซึ่งมีความเข้าใจในบทบาทของพันธมิตรฯมากขึ้น ส่วนใครที่ยังไม่เข้าใจนั้น เราก็มีหน้าที่ให้การไขความจริงออกมาเพิ่มมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในวงกว้าง โดยยิ่งอยู่นานก็มีโอกาสในการให้ความรู้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีปัญหาใหญ่ ก็คือ นักการเมือง ไม่ว่าฝ่ายค้าน หรือรัฐบาล ที่ไม่สนใจในปัญหาการสูญเสียดินแดน จึงเป็นที่มาของการการรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง แล้วกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน หรือ โหวตโน

พล.ต.จำลอง กล่าวยืนยันด้วยว่า เราจะรณรงค์ให้ประชาชนไม่ลงคะแนนให้ทุกพรรค แม้กระทั่งพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งเราถือว่าเป็นเครื่องมือของพันธมิตรฯ และภาคประชาชน ซึ่งเราได้มีการประชุมและแจ้งให้พรรคการเมืองใหม่ทราบถึงแนวทางแล้ว ส่วนพรรคการเมืองใหม่จะตัดสินใจส่งผ็สมัครลงเลือกตั้งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินของสมาชิกพรรคที่จะมีการประชุมใหญ่กันในวันที่ 24 เม.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม จากเสียงของแกนนำพันธมิตรฯแต่ละคนที่ตนได้รับฟังมานั้น มีความเห็นตรงกันว่า พรรคการเมืองใหม่ไม่ควรส่งคนลงเลือกตั้ง เพราะหากต้องการเป็นการเมืองใหม่จริงๆ นั้น ต้องนำประเทศชาติเป็นหลัก ไม่ใช่นำพรรคหรือสมาชิกพรรคเป็นหลัก และด้วยระบบการเมืองที่สร้างปัญหาให้กับประเทศชาติอยู่ในขณะนี้ พรรคการเมืองใหม่จึงควรรอให้มีการปฏิรูปการเมืองเสียก่อน แล้วจึงเข้ามาในระบบจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า แต่มติพรรคการเมืองใหม่ออกมาอย่างไรก็ถือเป็นสิทธิ์

พล.ต.จำลอง ยังกล่าวอีกว่า ตนขอยืนยันด้วยว่า แนวคิดในการโหวตโนนั้นไม่ใช่แนวคิดที่เสนอโดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ แต่เป็นการประชุมของคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ซึ่ง นายสนธิ ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมด้วยซ้ำ ก่อนที่จะมีการเสนอในที่ประชุมคณะใหญ่ ซึ่งประกอบด้วย แกนนำพันธมิตรฯ และคณะกรรมการ ก็ได้รับความเห็นชอบและเป็นมติออกมา ดังนั้น การที่มีบางฝ่ายโจมตีว่าการโหวตโนเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่พรรคเพื่อไทย เพราะ นายสนธิ ไปรับเงินมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาก่อการร้าย เพื่อทำให้พรรคเพื่อไทยได้คะแนนมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์

กำลังโหลดความคิดเห็น