xs
xsm
sm
md
lg

ปะทะเดือด!! ทหารเขมรดับ3ไทย4 อพยพ3หมื่นหนีตาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุรินทร์ - ปะทะเดือดชายแดนไทย-เขมร “ตาควาย-ตาเมือนธม” ด้านสุรินทร์กว่า 5 ชม. เขมรดับ 3 ทหารไทยพลีชีพ 4 เจ็บ 13 นาย เร่งอพยพชาวบ้านหนีตายกว่า 3 หมื่นคน "กต." รีบทำหนังสือประท้วง-ร้องอาเซียน ยันเขมรรุกพื้นที่เปิดฉากยิงก่อน "มาร์ค" จี้เขมรจัดประชุมRBC-GBC ขณะที่เขมรฟ้อง UNSC ไทยละเมิดข้อตกลง พันธมิตรฯ ชี้ MOU43 ต้นตอ

วานนี้ (22 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุทหารไทยและกัมพูชาเปิดฉากยิงปะทะกันอย่างรุนแรงด้วยอาวุธหนักและอาวุธเบาทั้งปืนเอเค 47 เอ็ม 16 ปืนกล ปืน ค.60 และการยิงสนับสนุนด้วยปืนใหญ่ที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาด้านปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก เรื่อยไปจนถึงบริเวณปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ นานกว่า 5 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลาประมาณ 06.00น.จนถึงเวลา 11.00น.เสียงปืนการยิงต่อสู้ของทหารทั้ง 2 ฝ่ายจึงได้เงียบลง

ผลการปะทะกันครั้งนี้ทำให้ทหารพราน กองร้อยจู่โจมที่ 926 ฐานปฏิบัติการปราสาทตาควาย ทหารพรานกองร้อยจู่โจม ที่ 960 ฐานปฏิบัติการปราสาทตาเมือนธม กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 เสียชีวิต 4 นายบาดเจ็บอีก 13 นายถูกส่ง รพ.พนมดงรักในเวลาต่อมา ขณะที่ทาง รพ.พนมดงรัก ได้ระดมเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล และเวชภัณฑ์จากโรงพยาบาลใกล้เคียงเข้ามารองรับสถานการณ์การสู้รบดังกล่าวอย่างเร่งด่วน

**เผย4รายชื่อทหารไทยพลีชีพแผ่นดิน

สำหรับทหารไทยที่พลีชีพ 4 นาย คือ จ.ส.อ.วิทยะ สวนชูผล สังกัด กองร้อยทหารพรานจู่โจมที่ 960 ฐานปฏิบัติการปราสาทตาเมือนธม บ้านหนองคันนา ต.เมียง อ.พนมดงรัก เสียชีวิตที่จุดปะทะปราสาทตาเมือนธม ส่วน จ.ส.อ.บุญรัตน์ สุขจิตร กองร้อยทหารพรานที่ 2606 ชุดเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 26 กรมทหารราบที่ 23 พัน 4, พลทหาร บุญฤทธิ์ ชางาม ร้อยทหารพราน 2606 และ ส.อ.ประเวช หาราช ร้อยทหารพรานที่ 2606 ชุดเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 เสียชีวิตที่จุดปะทะปราสาทตาควาย

**กระสุนปืนเขมรตกใส่บ้านพัง3หลัง

ข่าวแจ้งว่าช่วงเกิดเหตุปะทะเวลาประมาณ 07.35 น.ทหารกัมพูชาได้ยิงกระสุนปืนใหญ่ข้ามเข้ามาตกข้าง สภ.พนมดงรัก อ.พนมดงรัก 1 ลูก แต่ทรัพย์สินไม่ได้รับความเสียหายและไม่มีคนได้รับบาดเจ็บ

อีกทั้งยังได้มีลูกกระสุนปืน ค.ขนาด 120 มิลลิเมตรของฝ่ายทหารเขมร ยิงเข้ามาตกภายในหมู่บ้านหนองคันนา หมู่ 8 ต.ตาเมียง อ.พนมดงรักจำนวน 3 นัดห่างจากชายแดนไทย-กัมพูชาจุดที่มีการปะทะกัน ประมาณ 8 กิโลเมตร โดยกระสุนปืน ค.ดังกล่าวได้ระเบิดไปแล้ว 1 นัดยังไม่ระเบิดโผล่อยู่บนพื้นดิน 1 นัดและฝังอยู่ในดินอีก 1 นัด เจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าวัดระยะพิกัดของกระสุนปืนฝ่ายกัมพูชาที่ยิงเข้ามา พร้อมทำเครื่องหมาย กั้นบริเวณไม่ให้ประชาชน เข้าใกล้เพื่อความปลอดภัย

นอกจากนี้ ยังมีกระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายทหารกัมพูชายิงข้ามเข้ามาตกในหมู่บ้านพื้นที่ ต.บักได อ.พนมคงรัก ด้วยส่งผลให้บ้านเรือนของประชาชนชาวไทยได้รับความเสียหายในเบื้องต้น 3 หลัง ทำให้ผู้นำหมู่บ้านต่างๆ ที่อยู่ติดแนวชายแดนต้องสั่งอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่กันอย่างอลหม่าน

**อพยพชาวบ้านหนีภัยกว่า3หมื่นคน

ขณะที่ทางอำเภอพนมดงรักได้แจ้งเตือนให้ประชาชนและให้อพยพออกนอกจากพื้นตั้งแต่ช่วงเช้าหลังเกิดเหตุปะทะไปอยู่ที่ศูนย์อพยพชั่วคราว ที่หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องได้เปิดศูนย์รองรับผู้อพยพชั่วคราวในพื้นที่ อ.พนมดงรัก 3 ศูนย์ด้วยกันประกอบด้วยโรงเรียนบ้านโคกกลาง วัดบ้านโนนสมบูรณ์ โรงเรียนบ้านโคกโบสถ์ ต.โคกกลาง อ.พนมดงรัก ในการรองประชาชนหมู่บ้านชายแดนเขต ต.ตาเมียง เป็นหลัก

ส่วนประชาชนในหมู่บ้านชายแดนในเขต ต.บักได อ.พนมดงรัก และ ต.แนงมุด อ.กาบเชิง ได้อพยพไปยังศูนย์อพยพชั่วคราวที่นิคมปราสาท อ.ปราสาท พร้อมได้เปิดโรงเรียนปราสาทวิทยา ต.กังแอน และโรงเรียนโสตศึกษา ต.เชื้อเพลิง อ.ปราสาท เป็นศูนย์อพยพชั่วคราวเพิ่มเติม โดยมีประชาชนอพยพเข้าไปอยู่ในศูนย์อพยพแห่งละกว่า 5,000 คนรวมกว่า 3 หมื่นคน

ขณะที่กองทัพภาคที่ 2 กองกำลังสุรนารีได้สั่งปิดด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ อย่างไม่มีกำหนดแล้ว

**โฆษก ทภ.2ยันเขมรล้ำดินแดน-ยิงก่อน

พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว โฆษกกองทัพภาคที่ 2 แถลงภายหลังเสียงปืนสงบว่า การปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชาครั้งนี้ สืบเนื่องจากทหารกัมพูชาลุกล้ำเข้ามาในดินแดนไทย พร้อมกับใช้อาวุธยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ทหารของไทยขณะที่ลาดตระเวนอยู่ในฐานที่มั่นฝั่งไทย ทำให้ต้องมีการผลักดันทหารกัมพูชาออกไปนอกดินแดน แต่ทางกัมพูชากลับมีการใช้อาวุธเบาและอาวุธหนัก ยิงเข้ามาในเขตไทย ทำให้ทหารไทยต้องยิงตอบโต้นาน 5 ชั่วโมง กระทั่งเวลา 10.20 น.เสียงปืนได้สงบลงเนื่องจากทางผู้ใหญ่ของทั้ง 2 ประเทศได้มีการประสานงานให้มีการหยุดยิงเมื่อเสียงปืนสงบลงจึงได้ทำการสำรวจพบว่าทหารไทยได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว

"กล่าวต่อว่า ขณะนี้เหตุการณ์สงบลงแล้วแต่ทหารยังคงตรึงกำลังในพื้นที่ เนื่องจากยังไม่มั่นใจสถานการณ์ ขณะที่แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่และโทรศัพท์ไปพูดคุยกับนายทหารระดับสูงของกัมพูชาเพื่อยุติเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น"

**กต.ทำหนังสือประท้วงกัมพูชาทันที

ด้านนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ แถลงถึงการดำเนินการของรัฐบาลไทยต่อเหตุการณ์ปะทะทหารไทย-เขมรบริเวณปราสาทตาควายและตาเมือนธมว่า กระทรวงต่างประเทศได้ทำหนังสือประท้วงไปยังกัมพูชา พร้อมกับออกแถลงการณ์ชี้แจงต่อประชาคมโลก เรียกร้องไม่ให้กัมพูชาละเมิดอธิปไตยไทย และขอให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ให้มีการหยุดยิง พร้อมกับเรียกร้องให้กัมพูชาเข้าร่วมการประชุมจีบีซี และอาร์บีซี

นอกจากนี้ ได้มีหนังสือชี้แจงไปยังประเทศอาเซียน โดยผ่านรัฐมนตรีอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียน โดยได้ย้ำว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากการที่มีทหารกัมพูชาบุกรุกเข้ามายังพื้นที่ปราสาทตาเมือนควาย ทหารไทยได้เข้าห้ามและขอให้ออกจากพื้นที่ไป แต่กัมพูชาปฏิเสธและเป็นฝ่ายที่ยิงฝ่ายไทยก่อน อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาภายหลังเกิดเหตุการณ์ นายทหารระดับสูงของฝ่ายกัมพูชาได้โทรศัพท์ติดต่อมายังตนเพื่อขอเจรจาหยุดยิง

นายกษิต กล่าวว่า ได้ประสานตรวจสอบรายละเอียดกับทางกองทัพ และหวังว่าสถานการณ์จะไม่บานปลาย หรือยืดเยื้อออกไป ซึ่งที่ผ่านมาทั้งไทยและกัมพูชา พยายามใช้ความอดทนอดกลั้นมาโดยตลอด และทางการไทยก็ได้มีการหารือเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ตนยังไม่ได้ประสานไปยังฝ่ายกัมพูชา เนื่องจากในระดับพื้นมีกลไกการดำเนินการของกองทัพทั้ง 2 ฝ่ายอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการอพยพประชาชนออกนอนพื้นที่นั้น ต้องดูรายละเอียดของสถานการณ์ว่าถึงขั้นรุนแรงหรือไม่ อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เกี่ยวกับการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ที่ประเทศฝรั่งเศส ในเดือนมิถุนายนนี้

**อินโดนวอน2ประเทศหยุดยิงทันที

ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า อินโดนีเซียในฐานะประธานสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ขอให้ไทยและกัมพูชาหยุดยิงโดยทันทีหลังเกิดการยิงปะทะกันในเช้าวันนี้ ล่าสุดมีข่าวว่ามีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 คน นายมาร์ตี นาตาเลกาวา รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซียแถลงว่า อินโดนีเซียในฐานะประธานวาระปัจจุบันของอาเซียนขอเรียกร้องอย่างแข็งขันให้ กัมพูชาและไทยยุติการเป็นปรปักษ์ต่อกันโดยทันที พร้อมเผยว่าได้ติดต่อกับรัฐมนตรีต่างประเทศของสองฝ่ายให้แก้ไขความขัดแย้ง ด้วยสันติวิธี

**นายกฯ"ย้ำไทยไม่ได้เคลื่อนกำลังก่อน

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนได้รับทราบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทย-กัมพูชาแล้ว และได้มีการประสานมาว่าขณะนี้เหตุการณ์ได้ยุติแล้ว และอยู่หว่างการตรวจสอบรายละเอียดและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าเป็นอย่างไร และได้สั่งการให้นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกฯไปดูแลประชาชนที่มีการอพยพออกนอกพื้นที่ปะทะ

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นต้องเน้นย้ำว่าการตรึงกำลังของทหารที่อยู่ใกล้กันถ้ามีการเคลื่อนไหว ก็อาจจะเกิดเหตุปะทะขึ้นได้ แต่ในส่วนของไทยไม่มีเจตนาที่จะไปดำเนินการอะไรก่อนอย่างแน่นอน

**ซัดเขมรร้องอาเซียนทำแก้ยาก

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นต้องขอเรียนว่าได้มีการประสานงานและเร่งให้สถานการณ์คลี่คลายพร้อมๆ กันนั้นเราได้บอกกับทางกัมพูชาว่า ควรจะได้มีการจัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) กับคณะกรรมาธิการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) ที่กรุงเทพฯหรือกรุงพนมเปญโดยเร็ว เพราะจริงๆ แล้วปัญหาที่เกิดขั้นเป็นเรื่องของการบริหารจัดการในเรื่องของการวางกำลัง ไม่ให้กำลังมีการเคลื่อนไหวในพื้นที่

เมื่อถามว่า ขณะนี้กัมพูชาพุ่งเป้าฟ้องร้องไปยังประธานอาเซียนถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีความจำเป็นอะไร กลไกต่างๆ ที่ดูแลได้ เหมาะสมที่สุดก็คือกลไกในพื้นที่ ความจริงปัญหาในลักษณะที่เกิดขึ้น ควรให้กลไกที่อยู่ใกล้กับพื้นที่เป็นคนดู ยิ่งถ้าขยายเรื่องไปไกลถึงอาเซียนก็ยิ่งยากจะมาดูแลหรือแก้ไขได้

เมื่อถามว่าต่างชาติจะเข้าใจหรือไม่นายกฯ กล่าวว่า คงจะเข้าใจได้เพราะเรื่องราวทั้งหมดได้มีการประสานงานกันแล้วและทั้ง 2 ฝ่ายได้ยืนยันว่า ไม่ต้องการเห็นเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น

**เทือกไม่แน่ใจเขมรลามจากพระวิหาร

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ได้รับทราบแล้ว แต่ยังไม่ได้รายละเอียด เพราะว่าผู้บัญชาการทหารบกเดินทางไปยังประเทศลาว ตนก็จะรอให้สายๆ ก่อน ส่วนใครรุกล้ำก่อนนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด

เมื่อถามว่า เหตุที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากเรื่องปราสาทพระวิหารหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุบริเวณใกล้ๆ เขาพระวิหารแล้วมันก็อาจจะมีความตึงเครียดบ้างและเราพยายามลดความตึงเครียดลง รอเวลาที่จะมีการพูดคุยเจรจากัน แต่ตนไม่แน่ใจว่ามาถึงช่วงนี้แล้วมันควรจะมีสถานการณ์ที่ดีขึ้น ซึ่งมันเกิดอะไรขึ้น

**ผบ.สส.ยันจุดยืนปกป้องอธิปไตย

พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส.ให้สัมภาษณ์จากเรือหลวงจักรีนฤเบศร์ ถึงเหตุการณ์ปะทะระหว่างไทย-กัมพูชาบริเวณปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ว่า ยังยืนยันจุดยืนเดิม คือปกป้องอธิปไตยของไทย และจะไม่รุกล้ำประเทศอื่น

**กลาโหมกัมพูชาเผยทหารตาย3ศพ

นายชวม โสชีท โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชายืนยันต่อเอเอฟพีว่า จากการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาบริเวณชายแดนเขาพระวิหาร ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 3 นาย ขณะที่ทหารบางส่วนได้รับบาดเจ็บ "เรายิงตอบโต้เนื่องจากทหารไทยยิงจรวดอาร์พีจีเข้ามายังฝั่งเขมร"

**เขมรฟ้องUNSCโบยไทยรุกราน

สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า นายฮอร์ นัม ฮง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ยืนยันว่า เมื่อเช้าวานนี้ (22)มีการปะทะกันของทหารไทย และกัมพูชาที่แนวชายแดนพิพาทปราสาทตาเมือนธม-ตาควายของไทยซึ่งห่างจากจุดพิพาทเขาพระวิหารไปทางตะวันตกประมาณ 200 กิโลเมตร โดยการปะทะกันครั้งนี้ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง จึงได้มีการทำหนังสือร้องเรียนไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) พร้อมกับกล่าวหาว่า ไทยเป็นผู้รุกราน ละเมิดข้อตกลงที่ประชุม UNSC เมื่อวันที่ 14 ก.พ.54 รวมถึงละเมิดคำสั่งของประธานอาเซียนที่พยายามเป็นตัวกลางแก้ปัญหาข้อพาทของทั้ง 2 ประเทศเมื่อวันที่ 22 ก.พ.ด้วย

โดยเนื้อหาในจดหมายยืนยันว่า กัมพูชาได้พยายามยับยั้งชั่งใจในการตอบโต้การรุกรานของไทย ยืนยันว่า พยายามที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงแล้ว แต่ต้องขอสงวนสิทธิ์ในการตอบโต้เพื่อรักษาอธิปไตย

พร้อมกันนี้นายฮอร์ นัม ยัง กล่าวอีกว่า การพยายามในการเรียกร้องเจรจาทวิภาคีของไทยนั้นเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งสิ้นเพราะเมื่อสบโอกาสก็ใช้กำลังเข้ารุกรานกัมพูชา ตลอดเวลา

**พธม.ชี้ MOU43สาเหตุปะทะ

ด้านนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า จากที่ได้ตรวจสอบข้อมูลพบว่าการปะทะกันครั้งนี้เกิดขึ้นจากที่ทหารไทยได้พบว่ากัมพูชาได้มีการสร้างสิ่งปลูกสร้างและเปลี่ยนฐานที่มั่นที่มีสภาพเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบริเวณด้านทิศตะวันตกของปราสาทตาควาย จึงเป็นสาเหตุให้เกิดการปะทะกัน เป็นผลทำให้เหตุการณ์รุกลามไปถึงปราสาทตาเมือนธม โดยทั้ง 2 ปราสาทนั้นอยู่ในเขตแดนไทย ซึ่งที่ผ่านมาฝ่ายกัมพูชาไม่มีโอกาสที่จะปะทะกับฝ่ายไทย โดยจะอยู่ที่ตีนเขาดงรัก จากการปักปันเขตแดนที่แล้วเสร็จไปแล้วระหว่างสยามกับฝรั่งเศสเมื่อ 103 ปีก่อน หรือสนธิสัญญา 1904 และ 1907 ซึ่งยึดขอบหน้าผาเป็นสันปันน้ำ

แต่เมื่อมีเอ็มโอยู 2543 ทำให้ฝ่ายกัมพูชายกเลิกการยึดขอบหน้าผาเป็นสันปันน้ำและอ้างถึงแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน โดยพยายามหาสันปันน้ำใหม่ตามหลักวิทยาศาสตร์ จึงทำให้เกิดปัญหาขึ้น โดยฝ่ายกัมพูชาสร้างกระเช้าจากตีนเขาดงรักขึ้นมาที่ปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม จนเกิดการประจัญหน้ากันระหว่างทหาร 2 ฝ่าย

เมื่อฝ่ายกัมพูชามีความคิดที่จะรุกคืบยึดปราสาททั้ง 2 แห่งจึงได้ขนกำลังทหาร อาวุธโธปกรณ์และใช้แผนที่ 1 ต่อ 2 แสนเป็นเครื่องมือในการรุกรานฝ่ายไทย อีกทั้งยังมีกระบวนการในการสร้างสิ่งปลูกสร้างและฐานทัพที่มั่นคงมากขึ้น จนเป็นเหตุให้มีการปะทะกันในที่สุด ถือเป็นการพิสูจน์ความจริงได้ว่าแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนในเอ็มโอยู 2543 มีปัญหา และทำให้ประเทศไทยถูกรุกล้ำยึดครองอยู่ ทำให้กัมพูชากลายเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการปะทะและทำร้ายราษฎรไทย

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯตอบข้อถามที่ว่าจากเหตุการณ์ปะทะที่ชายแดน จ.สุรินทร์นั้นฝ่ายไทยควรใช้โอกาสนี้ในการผลักดันกัมพูชาออกจากดินแดนไทยหรือไม่ว่า ในความเป็นจริงเราได้เรียกร้องเรื่องนี้มานานแล้ว ซึ่งอยู่ใน 3 ข้อเรียกร้องของเรา แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง ทั้งที่ทหารและตำรวจมีหน้าที่ในการปกป้องแผ่นดิน เมื่อมีการรุกล้ำเข้ามาก็ตอบโต้ออกไป โดยไม่ต้องรอให้ใครสั่ง แต่ที่แล้วๆ มาไม่ทำกัน จนเป็นประเพณีที่ต้องรอให้รัฐบาลสั่ง เมื่อเสนอให้ใช้กำลังผลักดันกัมพูชาออกไปก็มาต่อว่าเราอีก.
กำลังโหลดความคิดเห็น