xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.ขุดศพหากิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-"ยิ่งลักษณ์" พร้อมสามีและลูก ทำบุญวันเกิดครบรอบ 44 ปี ก่อนไปสักการะองค์พระปฐมเจดีย์ ถ่ายรูปกับพระร่วงโรจนฤทธิ์ เอาเคล็ดว่าจะได้เป็นนายกฯ ตามคำร่ำลือ ส่วน"มาร์ค" ลุยหาเสียง 3 จังหวัดชายแดนใต้ คุยได้ที่นั่งเพิ่มแน่ ปชป.เตรียมขุดศพขึ้นมาหากิน ยัน 23 มิ.ย.ปราศรัยใหญ่ที่ราชประสงค์ อ้างให้ประชาชนได้รู้ความจริง จวกพวกเผาบ้านเผาเมือง ไม่เคยจริงใจที่จะปรองดอง

เมื่อเช้าวานนี้ ( 21 มิ.ย. ) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย ได้ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 9 รูป ที่หน้าบ้านพัก ซอยโยธินพัฒนา 3 เลียบทางด่วนรามอินทรา พร้อมกับนายอนุสร อมรฉัตร สามี และด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือน้องไปท์ บุตรชาย เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 44 ปี

ทั้งนี้ นายอนุสรณ์ ได้อวยพร ขอให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และประสบความสำเร็จตามที่หวัง ส่วนน้องไปท์ บุตรชาย ก็อวยพรขอให้แม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่า บุตรชายได้นำของขวัญวันเกิดมาวางเซอร์ไพร้ส์ ที่หัวเตียงตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยของขวัญดังกล่าวเป็นโมบายประดิษฐ์ขึ้นเองจากกระดาษ ด้านหนึ่งเป็นรูปครอบครัว อีกด้านเป็นรูปดอกกุหลาบ และอีกสองด้านเป็นคำอวยพรจากสามี และบุตรชาย

"วันเกิดปีนี้ ไม่ขออะไรเป็นพิเศษ แต่ต้องการให้ประเทศก้าวไปสู่ความปรองดองและความสามัคคี เพราะการอาสาเข้ามาทำงานครั้งนี้ อยากเห็นประเทศมีแต่รอยยิ้ม และความรัก"

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เดินหน้าตรวจสอบในเรื่องคดีความว่า ไม่ได้กดดันอะไร และยินดีให้มีการตรวจสอบ เช่นเดียวกับท่าทีของกองทัพ ก็ไม่ได้มีสิ่งใดกดดัน เช่นเดียวกัน

ด้านนายอนุสรณ์ อมรฉัตร กล่าวว่า ไม่มีปัญหาเรื่องเวลาในครอบครัว แค่คุยกันน้อยลง ซึ่งมีความเข้าใจในการทำงาน และต้องอดทน เพราะอาสาเข้ามารับใช้ประเทศแล้ว พร้อมเป็นกำลังใจให้น.ส.ยิ่งลักษณ์

ส่วนการเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า คงไม่มีการฉลองอะไรเป็นพิเศษ เพราะมีกำหนดการปราศรัยหาเสียงตามปกติ โดยจะไปหาเสียงในพื้นที่ จ.นครปฐม เขตบางขุนเทียน เขตหนองแขม ตลาดเพชรเกษม เขตภาษีเจริญ ปิดท้ายด้วยการขึ้นปราศรัยบนเวทีที่บริเวณใต้สะพานพระราม 8 ในเวลา 19.20-20.00 น.

** ถ่ายรูปกับพระร่วงจะได้เป็นนายกฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการทำบุญตักบาตรแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางไปหาเสียงที่ จ.นครปฐม โดยเริ่มจากการสักการะองค์พระปฐมเจดีย์ เพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นเข้าพบเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ เพื่อถวายสังฆทาน ขณะที่เจ้าอาวาส ก็ได้ให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตั้งจิตอธิษฐาน เนื่องในวันเกิดด้วย
ทั้งนี้ เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ ได้มอบพระร่วงโรจนฤทธิ์จำลอง พร้อมแนะนำให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถ่ายรูปกับพระร่วงองค์จริง เพราะบุคคลในอดีตที่มาถ่ายรูป ล้วนได้เป็นนายกรัฐมนตรี ทุกคน อาทิ นายบรรหาร ศิลปอาชา นายชวน หลีกภัย และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พร้อมกันนี้ เจ้าอาวาสยังได้มอบพรของพระร่วง 4 ประการ ให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้อ่าน มีใจความว่า

1.แก้ไข ไม่แก้แค้น 2.ให้อภัย ไม่จองเวร 3.ยิ่งใกล้ ยิ่งรัก 4.อะระหัง เมตตา โดยเฉพาะข้อที่ 4 หากทำได้ จะทำให้บริหารประเทศได้ดี

จากนั้น เวลา 14.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมคณะได้เดินทางมายังวัดไร่ขิง พระอารามหลวง อ.สามพราน จ.นครปฐม เพื่อสักการะหลวงพ่อวัดไร่ขิง ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของจ.นครปฐม โดยได้เข้าสักการะในโบสถ์พร้อมปิดทององค์พระเพื่อความเป็นสิริมงคลในวันเกิด โดยมีประชาชน และคนเสื้อแดงจำนวนมาก มารอให้กำลังใจ พร้อมตะโกนเชียร์ และมอบดอกไม้ให้

ถัดมา น.ส. ยิ่งลักษณ์ ได้ลงพื้นที่เขตบางขุนเทียน เพื่อช่วยนายพิพัฒนชัย ไพบูลย์ ผู้สมัครส.ส. กทม. เขตที่ 27 บางขุนเทียน โดยไปดูสภาพแวดล้อมบริเวณป่าชายเลน ริมทะเล ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าสงวนกว่า 2,735 ไร่ โดยมี กทม. เป็นผู้ดูแล แต่พื้นที่นี้ถูกละเลย ทำให้น้ำทะเลกัดเซาะเป็นวงกว้างกว่า 4 พันไร่ พรรคเพื่อไทยจึงมีนโยบายแก้ปัญหาระยะยาว โดยสร้างเขื่อนติดปากแม่น้ำ ระยะห่างออกไปในทะเล 10 กม. และสร้างเมืองใหม่ เพื่อขยายพื้นที่ และเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน

หลังจากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ไปหาเสียงที่ โรงงานไทยรุ่ง บริเวณสามแยกบางบอน เขตบางบอน กทม. เพื่อพบประชาชน และผู้ใช้แรงงาน โดยได้เสนอนโยบาย ค่าแรงขั้นต่ำ ลดภาษีนิติบุคคล ซึ่งประชาชนคนเสื้อแดง ก็ให้การตอบรับเป็นอย่างดี ส่วนในช่วงค่ำ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะไปปราศรัยที่เวทีหาเสียง บริเวณสะพานพระราม 8

**ประณามคนแจกซีดีทำป้ายโจมตี

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีการจับกุมซีดี ที่มีเนื้อหาโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และกล่าวหาคนเสื้อแดง ซึ่งมีการแจกทุกพื้นที่ ว่า หลังจากวันที่18 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายหาญ หิมะทองคำ ผูสมัครส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้แจ้งความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จับกุมผู้แจกซีดีดังกล่าวไปแล้ว แต่กระบวนการดังกล่าวยังไม่หยุด วันนี้ประชาชนร้องเรียนมาว่าได้รับแจกจำนวนมาก ไม่ว่าซีดี หรือหนังสือพิมพ์ และล่าสุดได้มีการจับได้ในวันที่ 20 มิ.ย. ที่ วงเวียนใหญ่ โดยจับกุมได้ถึงสามคันรถตู้ ซึ่งการกระทำของคนกลุ่มนี้ สอดคล้องกับกลุ่มการเมือง และนักการเมืองบางคน ที่พูดโยงเรื่องเผาบ้าน เผาเมือง พูดถึงเรื่องล้มล้างสถาบันฯ จึงขอเรียกร้องเรียกร้องให้ ผบ.ตร. ตรวจสอบ และเอาจริงเอาจังกับคนเหล่านี้

"ทราบมาว่า มีบิ๊กการเมืองคนหนึ่งที่สั่งแจกซีดีดังกล่าว ไปติดต่อบริษัททำป้ายโฆษณา พร้อมกับการแจกซีดีสี่มุมเมือง ไม่ว่าไปใต้อีสาน เหนือ โดยจะให้ติดป้ายโฆษณาก่อนวันที่ 23-24 มิ.ย. แต่หลายบริษัทที่รับทำป้ายโฆษณาไม่กล้าทำให้ เพราะกลัวว่าจะถูกประชาชนมาเผาบริษัท อีกทั้งกลัวในเรื่องของการเข้าข่ายทำผิดกฎหมาย เพราะสร้างความแตกแยกในบ้านเมือง"

**"มาร์ค"ลุยหาเสียง 3จังหวัดใต้

เมื่อเวลา 06.30 น. วานนี้ (21 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฝ่ายความมั่นคง เลขาธิการพรรค พร้อมด้วยแกนนำพรรค ได้ไปหาเสียงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยเริ่มต้นที่ จ.ยะลา ซึ่งบรรยากาศการหาเสียงเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนมาให้กำลังใจ มอบดอกไม้ ชูป้ายสนับสนุน เป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ ในช่วงที่ขบวนหาเสียงผ่านยังจุดตลาดเทศบาล ยะลา นายอภิสิทธิ์ ได้ขึ้นรถสามล้อไทยประดิษฐ์ หรือ รถโชเล่ย์ โดยมีนายสุเทพ เป็นคนขับ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะขับไปไหน นายสุเทพ ตอบว่า จะขับพานายอภิสิทธิ์ เข้าทำเนียบฯ ทำให้ได้รับเสียงปรบมือจากกองเชียร์อย่างคึกคัก จากนั้นได้เดินทางไปปราศรัยต่อ ณ สนามหน้าที่ว่าการอำเภอสายบุรี จ.ปัตตานี เป็นจุดสุดท้าย ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ

** มั่นใจปชป.ได้ส.ส.เพิ่ม

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงการลงพื้นที่หาเสียงครั้งนี้ว่า ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง มาพบปะพี่น้องประชาชนตามปกติ เพราะช่วงที่เป็นรัฐบาลตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร สำหรับ 3 จังหวัดภาคใต้นั้น แนวทางการแก้ปัญหา เน้นไปที่การเปลี่ยนนโยบาย ในเรื่องของการพัฒนากับการยุติธรรม และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในโครงสร้างใหม่ ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอบต.) และเสริมในเรื่องท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น

ส่วนการรักษาพื้นที่ ส.ส.เดิมนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เลือกตั้งครั้งที่แล้ว พรรคได้ ส.ส.ครึ่งหนึ่ง คราวนี้ก็หวังว่าจะได้เพิ่มขึ้น ดูได้จากการตอบรับพรรค ค่อนข้างดี แต่ตัวบุคคลก็อาจมีการแข่งขันสูงอยู่ในหลายเขต

ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์ที่ยังไม่สงบตลอด 2 ปี ในการบริหารจะมีผลต่อการตัดสินใจของประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คิดว่ามีแน่นอน สถานการณ์ที่สงบหรือไม่สงบนั้น ต้องดู 1.ภาพรวมทิศทาง 2.ต้องดูว่าในความเป็นจริง เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่สัมผัสได้ว่ามีความเปลี่ยนแปลงมากกว่าในสมัยก่อน ซึ่งการดำเนินการเป็นไปอย่างโปร่งใส และเป็นไปตามข้อเท็จจริง
เมื่อถามต่อว่า แม้ว่าการบริหารงาน 2 ปีที่ผ่านมา จะไม่สำเร็จร้อยเปอร์เซ็น แต่ก็มั่นในว่า ประชาชนก็ยังจะเลือกใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังยืนยันว่า ทิศทางที่ได้เดินมาเป็นทิศทางที่ประชาชนในพื้นที่ต้องการ และทราบดีว่า ในเรื่องดังกล่าวนั้นจะทำให้เสร็จในระยะเวลาอันสั้นคงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งพรรคก็อาสา จะทำในเรื่องดังกล่าวต่อ และไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงทิศทางไปอีก ซึ่งแม้ แต่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ออกมาระบุว่า ที่ผ่านมาทำนโยบายเรื่องภาคใต้ และยาเสพติด ผิดพลาด

เมื่อถามว่า จะมีการแก้ปัญหาในเรื่องประสิทธิภาพ ของเจ้าหน้าที่ในเขตพื้นที่ได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้เมื่อมี ศอบต. ก็ทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่มีความเป็นเอกภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีอำนาจที่จะย้ายข้าราชการ ที่ไม่ให้ความเป็นธรรม ในการปฎิบัติหน้าที่ จนทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมกับประชาชน

** ขุดคนตายขึ้นมาหากินอีกรอบ

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงการปราศัยใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 23 มิ.ย. ที่บริเวณแยกราชประสงค์ ที่จะมีญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์การสลายการชุมนุมเข้าร่วมฟังการปราศัย ว่า ยินดีที่จะมีการพูดคุยด้วย ซึ่งหากได้ฟังข้อเท็จจริง ก็อาจเข้าใจเหตุการณ์ต่างๆ มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตนยินดี ที่จะมีการพูดคุย เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน เพราะทุกอย่างต้องอยู่บนความเป็นจริง

ส่วนกรณีที่องค์กรสื่อร่วมกับเอกชนออกแถลงการณ์ก้าวข้ามความขัดแย้ง ซึ่งทางพรรคเพื่อไทย รับข้อเสนอแล้วว่า ข้อเสนอที่เสนอมาส่วนใหญ่จะไม่มีปัญหา เพราะถือเป็นการเรียกร้องให้ยอมรับกติกาต่างๆ แต่อย่างไรก็ดี ตนก็ยังไม่เห็นรายละเอียด และสื่อสารมาอย่างเป็นทางการ

เมื่อถามถึงกรณีลอบสังหารหัวคะแนนที่เกิดขึ้นค่อนข้างถื่ในขณะนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ ก็มีแผนในการดำเนินการอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้ก็คงต้องทำงานหนักมากขึ้นในเชิงพื้นที่ เพื่อจับกระแสว่า ตรงไหนที่มีความเสี่ยง และบุคคลใดที่อยู่ในสภาวะที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ตนได้เน้นย้ำเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ให้เร่งสะสางคดีนี้ให้เสร็จสิ้น ซึ่งการเลือกตั้งในหลายครั้ง ก็มีเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว แต่ยังไม่ได้เปรียบเทียบดู

เมื่อถามว่าการกระทำการในลักษณะขู่ ไม่ให้ประชาชนไปเลือกเบอร์ 10 นั้น จะมีการดำเนินการทางกฎหมายหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงตอบยาก เพราะการกระทำในลักษณะการกดดัน ซึ่งจะเจาะจงว่า เป็นการกระทำของบุคคลใด ก็คงจะไม่ได้ แต่ก็เป็นการยืนยันว่า ในหลายพื้นที่ขณะนี้ถูกกดดันไม่ให้แสดงออก อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าในวันที่3 ก.ค.นี้คนที่ถูกกดดัน ก็จะให้คำตอบได้ดีที่สุด

** อ้าง23 มิ.ย.ประชาชนจะได้รู้ความจริง

นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ประธานคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปราศรัยใหญ่ของพรรค ที่ราชประสงค์ ในวันที่ 23มิ.ย.นี้ ว่า จะเป็นการอธิบายความ เพราะหลายคนคิดว่า ผู้ที่เสียชีวิตเกิดจากการที่รัฐบาลดำเนินการกระชับพื้นที่ ซึ่งข้อเท็จจริงมันไม่ใช่ และผู้ที่เสียชีวิต ก็อยู่ข้างนอก ยกเว้นที่วัดปทุมวนารามเท่านั้น และกรณีดังกล่าวไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น

เมื่อถามว่าจะมีการกำชับผู้ปราศรัยหรือไม่ว่า ไม่ควรจะมีการพูดลงลึกถึงรายละเอียด เพราะอาจจะเกิดความขัดแย้งเพิ่มขึ้น นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า คงเป็นความเห็นของบางท่าน แต่ก็มีบางส่วนที่มองว่า ขณะนี้ประชาชนกำลังจะลงคะแนน ก็ควรจะรู้ความจริงก่อน เพราะวันนี้คนที่มีส่วนร่วมอย่างชัดเจน คือ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ภรรยาของนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง อยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย ดังนั้น การใช้พื้นที่บริเวณราชประสงค์ ก็เหมาะสม

เมื่อถามว่า ได้วิเคราะห์หรือไม่ว่า หลังจากเปิดเวทีปราศรัยแล้ว ผลจะเป็นอย่างไร นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของประชาชน ถ้าประชาชนบอกว่า ไม่เห็นเป็นไร และให้คะแนนเบอร์ 1 มาท่วมท้น ก็เป็นทางเลือกของประชาชน แต่ถ้าใครเห็นว่า ทำแบบนี้ไม่เหมาะสม เขาก็เลือกเบอร์ 10 และคนที่แพ้เลือกตั้ง ก็ต้องเงียบ และทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน

เมื่อถามว่า จากนี้ไปในกระบวนการปรองดองของพรรคประชาธิปัตย์ จะเสนอแนวทาง หรือมีการคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เคยคิดจะคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ พูดไม่รู้เรื่อง วันนี้พูดอย่าง อีกวันพูดอีกอย่าง

** โชว์เอกสารปรองดองลายมือ"มาร์ค"

ทั้งนี้ นายกอร์ปศักดิ์ ได้นำเอกสารโดยอ้างว่าเป็นลายมือของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่เขียนขึ้นระหว่างการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อปี 2553 มาประกอบการแถลงข่าวถึงแนวทางปรองดองที่จะเกิดขึ้น ภายหลังมีพรรคการเมืองบางพรรค ได้เปิดประเด็นนี้ขึ้นมา ในช่วงที่มีการหาเสียงเลือกตั้ง

ทั้งนี้ ในกระบวนการปรองดอง คือ รัฐบาลประกาศยุบสภาในวันที่ 1 ต.ค.2553 เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งในระยะเวลา 45-60 วัน ขณะที่เมื่อประกาศแล้ว กลุ่มคนเสื้อแดงต้องยุติการเคลื่อนไหว เพื่อตอบรับเข้าสู่กระบวนการปรองดอง ซึ่งมีเนื้อหาประกอบไปด้วย

1.การตรวจสอบเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เม.ย. โดยมีองค์กรกลางซึ่งเท่ากับว่าวันที่เขียนนั้น เป็นช่วงหลังเหตุการณ์ที่ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม เจ้าหน้าที่ทหาร รวมถึงประชาชนคนเสื้อแดง เสียชีวิตแล้ว

2. การยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยมีข้อตกลงเกี่ยวกับการดำเนินการของ สถานีโทรทัศน์ พีทีวี ที่ต้องไม่มีการปลุกระดม

3. การมอบตัวของแกนนำ ที่มีสิทธิการขอประกันตัวได้ตามดุลยพินิจของศาล โดยที่ทางรัฐบาลจะไม่คัดค้าน

4. การหยุดจาบจ้วงสถาบันฯ โดยสื่อต่างๆ

5. การตั้งกรรมการสะสางคดีความต่างๆ เพื่อไม่ให้มี 2 มาตรฐาน

6. เริ่มต้นกระบวนการปฏิรูปประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน

7. การนิรโทษกรรมคดีการเมือง ซึ่งข้อนี้นายกฯบอกว่า คดีอะไรที่เป็นคดีการเมืองเช่น คดีของการยุบพรรค ผู้บริหารพรรค ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกว่าเป็น 2 มาตรฐานถ้าทำได้ก็อยากจะทำ แม้จะกังวลเพราะในขณะนั้นมีคดียุบพรรคประชาธิปัตย์อยู่ด้วย และหากจะดำเนินการ ก็จะถูกหาว่าทำเพื่อตัวเอง แต่ถ้าเป็นไปเพื่อหยุดความรุนแรง ก็พร้อมที่จะทำ

8. การกำหนดวันยุบสภาที่แน่ชัดคือวันวันที่ 1 ต.ค.53 โดยที่ในระหว่างนี้ รัฐบาลและ รัฐสภาต้องสามารถทำหน้าที่ตามปกติได้

9. ในช่วงที่มีการยุบสภาต้องไม่มีการโยกย้ายข้าราชการที่มีผลต่อการเลือกตั้ง

10. กำหนดคณะกรรมการดูแลพื้นที่เสี่ยง ระหว่างการเลือกตั้ง ไม่ให้มีปัญหาในการลงพื้นที่

** จวก"แม้ว"ตัวการขวางปรองดอง

นายกอร์ปศักดิ์กล่าวว่า สิ่งที่พูดทั้งหมด อยากบอกว่าหากกระบวนการปรองดองทุกข้อได้รับการตอบสนอง เหตุการณ์ที่บ้านเมืองถูกเผา คงไม่เกิดขึ้น ความจริงแล้วข้อเสนอดังกล่าว เกือบจะสำเร็จ เพราะตนพูดคุยกับแกนนำจนกระทั่งวันที่ 3 พ.ค.2553 ที่นายกฯ ออกแถลงการณ์ 5 ข้อ และวันรุ่งขึ้น คนที่ตนเจรจาด้วยก็ขึ้นเวทีตอบรับทันที ซึ่งตนก็ดีใจว่าจบเรื่องเสียที และคิดไปไกลถึงการส่งตัวคนเสื้อแดงกลับบ้านอย่างปลอดภัย รวมถึงจะให้มีกรรมการสิทธิมนุษยชนร่วมในการดำเนินการด้วย แต่หลังจากนั้นเพียง 1 วัน ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ก็มีคล้ายๆ กับคำพูดที่ว่า "ถ้าอย่างนี้ผมก็ไมได้อะไร" ทำให้กระบวนการดังกล่าวต้องยุติลง

ทั้งนี้ อยากให้ดูข้อที่ระบุถึงการนิรโทษกรรม คดีการเมือง ซึ่งนายกฯ ยืนยันว่า คดีอาญา คดีคอร์รัปชั่น ทุกคดี ล้างความผิดไม่ได้ มาวันนี้ นโยบายปรองดองของพรรคเพื่อไทย คือ การล้างผิดหมดทุกคน ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะได้ล้างผิดไปด้วย ดั่งที่พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติว่า กำลังจะได้เงิน 4.6หมื่นล้านบาทคืน มาหาว่ารัฐบาลขโมยเงินไป ดังนั้น สิ่งที่ตนพูดทั้งหมด เพื่ออยากจะให้เห็นความจริงว่า คนเป็นนายกฯ คือ นายอภิสิทธิ์ ที่ต้องเขียนข้อความลงไปในเฟสบุ๊คนั้น คือ ความจริง

เมื่อถามว่า การที่อ้างว่ามีโทรศัพท์ปลายสายระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พูดว่า หากทำเช่นนี้ “อย่างนี้เขาก็ไม่ได้อะไร” ทำให้กระบวนการปรองดองสะดุดนั้น ได้ยินมาจากไหน ใครเป็นคนมาบอก นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า ขอปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว เอาเป็นว่า ตนเป็นคนพูดคำพูดนี้ ส่วนที่จะเชื่อหรือไม่ ก็อยู่ที่ประชาชน เช่นเดียวกับหนังสือลายมือที่เอามาแสดงเป็นหลักฐานนี้ ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนว่าจะเชื่อหรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น