xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.ยันเลือกตั้งสูสี พท. ปราศรัยราชประสงค์สกัดแผนโฆษณาชวนเชื่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บัญญัติ บรรทัดฐาน  (แฟ้มภาพ)
ประชาธิปัตย์ถกทีมงานประเมินเสียงช่วงโค้งสุดท้าย ยืนยันตัวเลข ส.ส.ยังสูสีกับเพื่อไทย ปรับยุทธศาสตร์หาเสียงใหม่ หลังพบคู่แข่งหันมาใช้วิธีการโฆษณาชวนเชื่อ สั่งจัดปราศรัยใหญ่สี่แยกราชประสงค์ 23 มิ.ย. เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น พร้อมเสนอแผนปรองดอง หวังปลุกพลังเงียบ 50% ออกมาใช้สิทธิชี้ขาดผลการเลือกตั้ง ขณะเดียวกันจัดแกนนำสำคัญลงพื้นที่ขอคะแนนเสียง

ที่พรรคประชาธิปัตย์ วันนี้ (18 มิ.ย.) มีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ และคณะทำงานยุทธศาสตร์การรณรงค์หาเสียง โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานการประชุม พร้อมแกนนำพรรคที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลการเลือกตั้งในพื้นที่ภาคต่างๆ เช่น นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายไพฑูรย์ แก้วทอง นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ ดูแลรับผิดชอบภาคเหนือ นายเจริญ คันธวงศ์ นายกรณ์ จาติกวณิช และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ดูแลพื้นที่ กทม. นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ดูแลภาคอีสาน นายวิทยา แก้วภราดัย ดูแลภาคใต้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ดูแลภาคกลาง นายนิพนธ์ บุญญามณี นายถาวร เสนเนียม ดูแลพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี นายธีระ สลักเพชร และนายสาธิต ปิตุเตชะ ดูแลพื้นที่ภาคตะวันออก

นายสุเทพกล่าวว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งจะมีการประเมินภาพรวมของแต่ละพื้นที่ แต่ละภาคที่ต้องแบ่งงานรับผิดชอบว่าจะต้องมีการแก้ไขยุทธศาสตร์เพิ่มเติมในพื้นที่ใดบ้าง ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการรายงานเข้ามาหลายพื้นที่ที่ต้องการให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่ช่วยหาเสียง ซึ่งพรรคจะต้องจัดเวลาให้เหมาะสม

นอกจากนี้ การลงพื้นที่หัวหน้าพรรคจะต้องพิจารณาดูความเป็นไปได้ในแต่ละพื้นที่ด้วย หากพื้นที่ใดที่คะแนนเสียงดีอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องไป ทั้งนี้ในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลายพื้นที่ ที่ก่อนหน้านี้มองว่าจะไม่ได้รับการตอบรับจากประชาชน แต่เมื่อมีการลงไปหาเสียงกลับได้รับเสียงสนับสนุนที่ดีมาก

“ผมยังยืนยันไม่ได้โอ้อวดตัวเลข ส.ส.ที่จะได้รับ ถ้าประชาชนมาเลือกตั้งมากก็จะเป็นผลดี ขณะนี้เหมือนมี 2 ทางเลือกให้ประชาชนตัดสินใจว่า หากอยากจะเห็นบ้านเมืองกับมาสงบสุขก็เลือกนายอภิสิทธิ์มาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง”

นายบัญญัติ บรรทัดฐาน แถลงหลังกาประชุมว่า จากนี้ไปอีก 2 สัปดาห์จะถึงวันเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นโค้งสุดท้าย จึงได้นัดประชุมคณะกรรมการอำนวยการเลือกตั้งที่ดูแลรับผิดชอบในแต่ละภาคและในแต่ละพื้นที่จังหวัดต้างๆ ที่เป็นเป้าหมาย ซึ่งหลังการประเมินสถานการณ์แล้ว จะทำให้ประชาชนลดความสับสนลงไปได้บ้าง ซึ่งจากการประเมินทุกภาคทั้งสองระบบ คือ ส.ส.สัดส่วน และ ส.ส.เขต เป็นการต่อสู้ของสองพรรคใหญ่ที่สูสีกันอยู่ ตัวเลขของผู้สมัครจะคล้ายกับการเลือกตั้งปี 2539 ที่ครั้งนั้นพรรคประชาธิปัตย์แข่งขันกับพรรคความหวังใหม่และแพ้ไปเพียง 2 ที่นั่ง ที่แพ้ในการนับคะแนนที่จังหวัดปทุมธานี ซึ่งครั้งนี้จำนวน ส.ส.ที่มี 500 ที่นั่ง ยังเป็นการแข่งขันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย แต่หลังจากนี้ไปแล้วการพัฒนาของการหาเสียงในแต่ละพรรค แต่ละแห่งการติดตามของประชาชนในแต่ละพื้นที่จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่คิดว่าคงไม่มากเพราะหลายพรรคต่างก็จะงัดกลยุทธ์ต่างๆ ออกมาใช้

นายบัญญัติกล่าวต่อว่า ได้หารือถึงแนวโน้มของความเป็นไปในวันข้างหน้าที่จะเกิดจากการเลือกตั้งครั้งนี้ ประเทศไทยจะบวกลบอย่างไร ช่วงเวลานับจากนี้เป็นต้นไป พรรคประชาธิปัตย์ ควรจะทำทุกอย่างให้กระจ่างมากขึ้น คงไม่ปล่อยให้ประชาชนของเราตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของการตลาด ซึ่งวันนี้คิดว่าเลยการตลาดไปแล้ว เป็นเรื่องของการโฆษณาชวนเชื่อมากกว่า ถ้าปล่อยให้ผู้ที่จะไปใช้สิทธิเลือกตั้งภายใต้ความเข้าใจที่ตกอยู่ในอิทธิพลเช่นนี้ ก็เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง วันนี้นอกเหนือจากการประเมินผลคะแนนนิยมที่จะได้แล้ว ยังมีการพูดถึงหลายเรื่อง

ด้าน นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน กล่าวเสริมว่า มีการประเมินตัวเลข ส.ส.ในแต่ละภาค เช่น ภาคใต้ที่เป็นฐานสำคัญของพรรค ภาคกลางซึ่งเป็นพื้นที่ที่พรรคมี ส.ส.มาก และเข้มแข็ง ภาคเหนือตอนกลางและล่างลงมาก็เป็นพื้นที่หลักที่เรามั่นใจว่าจะได้ ส.ส.เพิ่ม เว้นภาคเหนือตอนบน ที่เป็นพื้นที่ต้องแข่งขันสูงเพราะเป็นพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย

ส่วนภาคอีสานยังเชื่อมั่นว่าจะได้ ส.ส.ในพื้นที่เดิมและน่าจะได้ ส.ส.เพิ่ม ด้วยกระแสนโยบายของพรรค ไม่ว่าจะเป็นการประกันรายได้ภาคเกษตร หรือการเพิ่มรายได้ขึ้นต่ำ 25% ที่สำคัญคือพื้นที่ กทม.ที่ถือว่าเป็นการแข่งขันสูง และโพลล์ที่ออกมาพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังตามพรรคเพื่อไทยอยู่ ส่วนหนึ่งที่วิเคราะห์มีผลในเรื่องการไปสำรวจทั้งคนที่พักอาศัยอยู่ที่ในบ้านที่มีรั้ว ตามแฟลต คอนโดมิเนียม ซึ่งตามปกติเวลาไปสำรวจมักจะไม่พบคนเหล่านั้น เพราะฉะนั้นแม้ว่าตัวเลขจะสูสีกัน แต่อยากฝากถึงประชาชนว่าวันอาทิตย์ที่ 3 ก.ค.นี้ ถือว่ามีความสำคัญในการกำหนดอนาคตประเทศไทย หลังจากเกิดสถานการณ์ความรุนแรงในทางการเมือง ทำให้ประชาชนแตกแยกไม่เฉพาะผลกระทบทางเศรษฐกิจ แต่กระทบไปถึงการดำเนินชีวิต ความรู้สึก ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่อยากเห็นประเทศไทยเดินต่อไปข้างหน้าได้

นายอภิรักษ์กล่าวว่า กรรมการอำนวยการจึงได้ประมินสถานการณ์ล่าสุด และได้กำหนดการจัดปราศรัยใหญ่ในพื้นที่สี่แยกราชประสงค์ ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่มีการชุมนุมและเกิดสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง เมื่อปีที่ผ่านมา โดยจะจัดในวันที 23 มิ.ย. ซึ่งการปราศรัยในวันนั้นจะเป็นการเล่าเหตุการณ์ ที่ประชาชนอยากทราบ และส่วนที่พรรค ได้ผลักดันในเรื่องการจัดเวที โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงเย็นตั้งแต่เวลา 17.00 น. ซึ่งเป็นวันทำงาน ประชาชนเลิกงานแล้วก็ทะยอย มาที่เวที โดยจะมีแกนนำของพรรค ซึ่งจะเป็นกิจกรรมในช่วงโค้งสุดท้าย

ส่วนการปราศรัยที่สี่แยกราชประสงค์จะทำให้ตัวเลขกระเตื้องขึ้นหรือไม่นั้น นายอภิรักษ์ตอบว่า ประเด็นราชประสงค์ นอกเหนือจากประเด็น กทม. เพราะเป็นประเด็นความรุนแรง ความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นเป็นเป็นสิ่งที่ประชาชนสะท้อนความรู้สึก ที่สะสมในช่วงหลายปีที่ผ่านในส่วนของ กทม. โพลที่ออกมาพรรคยังตามอยู่ ตรงนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่พรรคอยากเชิญชวน และเรียกร้องให้ประชาชนชาวไทย ชาว กทม.ที่ส่วนใหญ่ได่รับผลกระทบ ไม่เฉพาะในเรื่องการทำมาหากิน และผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ และทางด้านจิตใจชีวิต เชื่อว่าทุกคนจำความรู้สึกนั้นได้ เพียงแต่ว่าคนที่ไม่ได้ออกมาบนท้องถนน และตามบ้านที่มีรั้ว ไม่ได้แสดงออกในวันนั้น เชื่อว่าเขามีความรู้สึกที่เก็บเอาไว้ ดังนั้นการเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค. จะเป็นวันที่เข้าได้แสดงออก เพราะเป็นสิทธิที่เขาจะได้แสดงออกโดยเฉพาะใน กทม.

ผู้สื่อข่าวถามว่าโพลในส่วนของพรรคเป็นอย่างไรบ้าง นายอภิรักษ์กล่าวว่า ตัวเลขมีความใกล้เคียงอยู่ในระดับ 200 บวกลบ ที่ใกล้เคียงกันและสถานการณ์ก็จะหมือนการเลือกตั้งในปี 2539 เมื่อถามว่า การที่พรรคงัดเอาเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นมาหาเสียง ทั้งๆ ที่ศาลยังไม่ได้ตัดสินจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาของกลุ่มคนเสื้อแดงจนกลายเป็นความแตกแยกที่ร้าวลึกหรือไม่ นายอภิรักษ์กล่าวว่า คงไม่ใช่ เราไม่ได้จะพูดในประเด็นนั้น เราจะจัดเวทีปราศรัย เพื่อที่แกนนำพรรคและหัวหน้าพรรคจะได้ชี้ให้เห็นถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และจะได้ชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนรู้ รวมทั้งทิศทางในการนำพาบ้านเมืองในอนาคต การสร้างความปรองดอง และในการที่จะทำให้คนไทยทุกคนไม่ว่าสีอะไรสามารถอยู่ร่วมกันได้และเดินหน้าต่อไป

ต่อข้อถามว่าการเลือกพื้นที่สี่แยกราชประสงค์จะไม่กลายเป็นพื้นที่สัญลักษณ์ทางการเมืองต่อไปอย่างนั้นหรือ นายอภิรักษ์กล่าวว่า เพราะเป็นพื้นที่ที่มีการชุมนุมจริง ที่ประชาชนรับรู้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการจัดปราศรัยบริเวณดังกล่าว ก็จะเป็นพื้นที่หลักที่ทำให้การชี้แจงสถานการณ์บ้านเมืองว่าการที่บ้านเมืองไม่เดินหน้า ยังเป็นปัญหาที่วกวนในเรื่องทางการเมือง ขณะที่ประชาธิปัตย์ ผลักดันนโยบายเดินหน้าประเทศไทย และนโยบายเพื่อประชาชน ที่ทำให้บ้านเมืองเดินต่อได้ เชื่อว่าประชาชนอยากเห็นอย่างนั้น ซึ่งสาเหตุหลักที่พรรคประชาธิปัตย์ เลือกพื้นที่ย่านราชประสงค์ เพื่อเป็นการพูดถึงการดับไฟประเทศไทย ซึ่งวันนี้ไม่ได้เป็นไฟที่เกิดจากการเผาสถานที่ต่างๆ แต่เป็นไปในใจของคนไทยที่คุกรุ่น และไฟในใจของคนที่ยังรู้สึกว่า เกิดปัญหาความแตกแยกขึ้น และคิดว่าพรรคมองไปถึงอนาคต ไม่ได้มาเพื่อต้องรื้อฟื้นให้คนไทยแตกแยก แต่เป็นสถานที่ และเป็นเรื่องที่คิดว่าทุกคนรอฟังอยู่ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเดินหน้าประเทศไทยอย่างไร จะให้เกิดความปรองดองได้อย่างไร

ส่วนความคาดหวังในเวทีราชประสงค์จะสามารถตีคะแนนกลับมาเป็นฝ่ายชนะหรือไม่นั้น นายอภิรักษ์กล่าวว่า ตนเชื่อว่าประชาชนที่ตอบผลสำรวจ ระบุว่า 50% ยังไม่ตัดสินใจ หรือหลายคนตัดสินใจแล้วแต่ไม่บอก แล้วไม่กล้าบอก เพราะสถานการณ์การเมืองที่รุนแรง การต่อสู้การเลือกตั้งครั้งนี้จะเห็นได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ไปปราศรัยที่ไหน หรือหัวหน้าพรรคไปที่ไหน ก็จะมีคนขมขู่ ทำลายป้าย บรรยากาศของแฟนพันธุ์แท้ประชาธิปัตย์ที่เจาะไปถามไม่กล้ามาเชียร์เพราะกลัวจะถูกรังควาน ซึ่งบรรยากาศเหล่านี้ทำให้คนไม่กล้าแสดงออกเพราะฉะนั้น ตรงนี้จะเป็นจุดที่เราหวังว่าประชาชนจะได้ตัดสินใจ ทราบความจริงและจะได้ร่วมกับประชาธิปัตย์ เดินหน้าประเทศไทย

ด้าน นายถาวร เสนเนียม กล่าวถึงการปรับยุทธศาสตร์ในการหาเสียงใน 5 จังหวัดชายแดนใต้ว่า เรายืนยันว่าสู้ได้ในทุกพื้นที่ และมั่นใจว่าจะได้ ส.ส.ในส่วนของจังหวัดชายแดนภาคใต้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมที่เคยมีอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่าในพื้นที่ จ.นราธิวาส ที่มีอดีต ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนาลงสมัครเป็นห่วงหรือไม่ นายถาวรกล่าวว่า ก็สู้เต็มที่ เพราะเขามีคณะกรรมการบริหารพรรคดูแลอยู่ เราก็เต็มที่ ซึ่งคะแนนของพรรคดีอยู่แล้ว แต่เราจะจัดให้นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคลงไปปราศัยใหญ่ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ในวันที่ 21 มิ.ย. และจากนั้นจะมีการถ่ายทอดสดการปราศัยหาเสียงของนายอภิสิทธิ์จากเวทีส่วนกลางส่งตรงมายังในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้ง ยืนยันว่าพื้นที่ภาคใต้เราได้มากกว่าเดิมแน่นอน ส่วนจะกวาดหมดทุกที่นั่งหรือไม่นั้น กำลังพยายามอยู่
กำลังโหลดความคิดเห็น