xs
xsm
sm
md
lg

“ประพันธ์” ซัดบทความ “แก้วสรร” ขายขี้เท่อ แนะถ้าไม่ได้เขียนเองให้รีบปฏิเสธ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ประพันธ์” ซัดบทความ “แก้วสรร” ขายขี้เท่อ เขียนผิดๆ ถูกๆ ไม่สมกับที่เป็นนักกฎหมาย ถามทำงานรับใช้พรรคการเมืองใดหรือนักเลงใหญ่แถวเตาปูน ฉะที่ผ่านมาไม่เคยใช้ความรู้เพื่อผลประโยชน์ชาติ มีเล่นแต่ปาหี่ช่วยนักการเมือง ชี้ยังไม่เชื่อเจ้าตัวเขียนเองจริง แนะให้รีบออกมาปฏิเสธ ไม่เช่นนั้นจะถือว่ายอมรับว่าเขียนบทความน่าอายนี้

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายประพันธ์ คูณมี”  

วันที่ 22 มิ.ย. เวลาประมาณ 21.40 น. นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ปราศรัยบนเวที “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า การที่มีการปล่อยข่าวว่านายสนธิไปจับมือกับนายทักษิณ จึงหันมาโจมตีประชาธิปัตย์ ความเชื่อนี้ก็ยังมีอยู่ในความคิดของหลายๆ คน ก่อนหน้าที่ตนจะมาที่นี่ก็ได้ไปทานข้าวกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง มีตำแหน่งสำคัญ ท่านก็เข้าใจแบบนี้ ก็เลยกราบเรียนท่านว่าถ้านายสนธิรับเงินทักษิณ ชีวิตคงไม่ลำบากอย่างทุกวันนี้ คงรวยไปแล้ว มองดูสิวันนี้มีใครเอาจริงเอาจังในการต่อต้านระบอบทักษิณ รัฐบาลนี้ไม่ทำอะไรเลย มีแต่พันธมิตรฯ ที่ออกมาพูด ออกมาสู้

นายประพันธ์กล่าวอีกว่า ถ้าท่านเชื่อว่าพวกเราเป็นอย่างนั้น แล้วคิดจะพึ่งนายอภิสิทธิ์ มั่นใจหรือถ้านายทักษิณกลับมา นายอภิสิทธิ์จะสู้อย่างเอาจริงเอาจัง ขนาด 2 ปีที่ผ่านมายังไม่ทำอะไรเลย ท่านต้องถามจุดยืนประชาธิปัตย์ต่างหาก ไม่ใช่มาถามพันธมิตรฯ ว่าจะสู้กับทักษิณหรือไม่

พันธมิตรฯ พร้อมพลีทั้งชีวิต เลือดเนื้อ สู้กับคนเลวทำลายชาติ และปกป้องราชบัลลังก์อยู่แล้ว นี่คือจุดยืนของเราและจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป แต่ประชาธิปัตย์มีจุดยืนอย่างไร ประชาธิปัตย์กล้าประกาศหรือไม่ว่าจะไม่ไปร่วมสังฆกรรมกับพรรคเพื่อไทย ไม่ประกาศแถมนายอภิสิทธิ์ยังแบะท่าอีกด้วยว่าอาจร่วมกันได้ ถ้าไม่เอาการนิรโทษกรรม และนโยบายจำนำข้าว

อีกคำถามคือ นายอภิสิทธิ์กล้าประกาศหรือไม่ว่าถ้าได้กลับมาเป็นนายกฯ จะกำจัดหัวโจกเสื้อแดง และขบวนการล้มเจ้าให้สิ้นซาก ไปประกาศที่ราชประสงค์เลยว่าจะไม่ให้เสื้อแดงมาก่อกวน จนทำมาค้าขายไม่ได้อีก ไม่ใช่ไม่เหลียวแลประชาชนแล้วยังไปประกันตัวพวกเผาบ้านเผาเมืองออกมาอีก นี่คือจุดยืนที่ตอแหล เชื่อไม่ได้

นายประพันธ์ยังกล่าวอีกว่า ตนอ่านบทความของนายแก้วสรร อติโพธิ แล้วยังไม่เชื่อว่าเป็นคนเขียน เพราะเป็นถึงอาจารย์ เป็นนักกฎหมาย เป็นเลขาฯ คตส. (คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ) ได้ร่วมพิจารณากฎหมายหลายฉบับ ไม่น่าเชื่อว่าจะบ้องตื้น ตนเชื่อว่านายแก้วสรรเป็นนักฎหมาย ความจริงเป็นอะไรกันแน่ เป็นแก้วหน้าม้า หรือคนรับใช้นักการเมือง ไม่น่าเชื่อว่าจะปล่อยขี้เท่อขนาดนี้ อ่านแล้วไม่ใช่นักกฎหมายเขียนเลย นี่ลงทุนถึงขนาดเอาชื่อเสียงตัวเองมาเขียนวิพากษ์วิจารณ์โหวตโน

วิจารณ์เราไม่ว่า แต่ที่สำคัญควรมีข้อมูล ข้อกฎหมายให้สมกับที่เป็นนักวิชาการหน่อย และขอถามหน่อยเดือดร้อนอะไรกับที่เรากาโหวตโน ตนงงมากเลยทำไมถึงต้องออกมากระโดดโลดเต้น ทำเป็นขยัน แบบนี้เรียกว่าขยันแบบไร้สาระ เขียนผิดๆ ถูกๆ ถ้าไม่ใช่บทความของตัวเอง รีบออกมาโต้เลยว่าไม่ได้เป็นคนเขียน

“คงเดือดร้อนที่เห็นบทความกฎหมายของท่านอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล ที่เขียนมาวันก่อน ก็เลยอยากตอบโต้ หักล้าง เพื่อให้สมประโยชน์นักการเมืองและพรรคการเมือง ก็ยังไม่รู้รับใช้พรรคการเมืองไหนกันแน่ หรือรับใช้นักเลงใหญ่แถวเตาปูน” นายประพันธ์กล่าว

นายประพันธ์กล่าวอีกว่า เขียนได้อย่างไร แค่เขียนเริ่มต้นก็ผิดแล้ว คุณเขียนว่า “เมื่อเปิดหีบเลือกตั้งแล้ว เกณฑ์ตัดสินว่าใครจะชนะได้เป็น ส.ส.นั้น คนผู้นั้นจะต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐานเสียก่อนคือ ต้องมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งเกิน 20 เปอร์เซ็นต์ และต้องได้คะแนนสูงกว่าคะแนนโหวตโนด้วย”

“มันไม่ใช่มาใช้สิทธิเกิน 20 เปอร์เซ็นต์ แต่หมายถึงว่าผู้ชนะต้องได้รับคะแนนจากที่ผู้มาใช้สิทธิมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ต่างหาก” นายประพันธ์กล่าวโต้ และว่า บทความของนายแก้วสรรมีการถามว่า “โหวตโนในทางกฎหมายเลือกตั้ง คืออะไร” คำตอบ “ก็คือบัตรที่ไม่เลือกผู้ใด ฐานะในทางกฎหมาย ก็เป็นบัตรเสียชนิดหนึ่งเท่านั้น เพราะเป็นบัตรที่ไม่มีคะแนนเหมือนๆ กัน”

นายประพันธ์กล่าวโต้ว่า เป็นปล่อยห่านตัวเบ้อเร่อ จะเป็นบัตรเสียได้อย่างไร ไปดูกฎหมายเลือกตั้งสิ เขียนไว้ว่า ในบัตรเลือกตั้ง บังคับเลยว่าต้องมีช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนเลือกตั้งด้วย ถ้าเป็นบัตรเสียแล้วกฎหมายจะบังคับให้ใส่ช่องสำหรับผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนนทำไม

แล้วเวลาประกาศคะแนน ต้องประกาศช่องคะแนนผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนน และรวมคะแนนไม่ประสงค์ลงคะแนน พร้อมกับทำรายงานไปยังหน่วยเลือกตั้งด้วย ที่เคยเชื่อถือนายแก้วสรร วันนี้จบเลย แทบไม่ต้องดูประเด็นอื่นเลย อ่านแค่นี้ก็สอบตกแล้ว

บทความยังระบุอีกว่า ถาม “แล้วมาปี 54 นี้ เกิดมีการรณรงค์ให้โหวตโนได้อย่างไร ในเมื่อไม่มี ความหมายอะไรเลยในทางกฎหมาย” ตอบ “โหวตโนคือตัดสิน ใจที่จะไม่ตัดสินใจ ไม่ตัดสินใจด้วยความคิดเหตผลร้อยแปดพันประการ คุณจะมารณรงค์ให้เป็นกระแสปฏิรูปการปกครองได้ อย่างไร ผมไม่เข้าใจจริงๆ ขาประจำที่เคยโหวตโนหลายคนเขามาบ่นกับ ผมแล้วว่าครั้งนี้เขาจะไม่โหวตโนอีก เพราะเขาไม่คิดไปถึงขั้นจะปฏิรูปจะปฏิวัติอะไร เขาไม่อยากให้โหวตโนของเขาถูกเหลืองสนธินำไปกล่าวอ้างเลย”

นายประพันธ์กล่าวว่า ประเด็นนี้คนถามก็โง่ คนตอบก็เซ่อ ทำไมไม่เขียนโต้แย้งกับบทความของท่านอนุรักษ์ แต่มาบอกว่าตามที่พวกเหลืองสนธินำไปกล่าวอ้าง กรณีนี้ไม่ใช่สนธิ ไม่ใช่เหลือง นำมากล่าวอ้าง แต่ท่านอนุรักษ์ นักกฎหมายทั้งหลายเขียน นี่ก็โต้ผิดคนแล้ว

บทความระบุคำถามอีกว่า “โหวตโน นี่มีฐานะนับเป็นคะแนนชนิดหนึ่งไม่ได้เลยจริงๆ หรือ” ตอบ “ผมไม่เห็นทางเลย อย่างกรณีหาที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคต่างๆนั้นเขาจะเอาคะแนนของผู้ที่โหวตเยส คือเลือกพรรคใดๆ มารวมเป็นฐานก่อน โหวตโนหรือบัตรเสียนี่เขาโยนทิ้งหมด พอได้ตัวฐานจากนี้แล้วถึงเอาคะแนนของพรรคต่างๆมาเฉลี่ยกันไป ให้ได้ สส.รวม 125 คน ในที่สุด ที่กล่าวมานี่คือกฎหมายปัจจุบันนะครับ ถ้ากฎหมายรับว่าโหวตโนเป็นคะแนนหนึ่ง เขาต้องนับโหวตโนรวมในฐานด้วย แล้วจึงให้โหวตโนเอาตัวเลขโหวตมาเฉลี่ยที่นั่งไปโยนทิ้งน้ำอีกที เช่นโหวตโนได้ 10% ก็เอาที่นั่ง ส.ส. 12 ที่นั่งไปโยนทิ้งน้ำ เป็นต้น”

นายประพันธ์กล่าวว่า ท่านอนุรักษ์ และทนายสุวัตรก็บอกแล้วว่า ภายใต้มาตรา 89 ต้องอยู่ภายใต้บังคับมาตรา 88 เช่นเดียวกัน แล้วคนชนะต้องมีองค์ประกอบ 3 ข้อคือ1.ได้รับคะแนนเลือกตั้งไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น 2.ได้รับคะแนนเลือกตั้งมากกว่าจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ไม่ประสงค์จะลงคะแนนเลือกตั้ง และ 3.ได้รับคะแนนเลือกตั้งมากที่สุดในเขตเลือกตั้งนั้น ต้องเอามาตรา 88 บวกกับมาตรา 89 ถึงได้สิทธิเป็น ส.ส.

ที่เราเอาเกณฑ์ข้อกฎหมายนี้มาอธิบาย แล้วหาว่าพวกเราเข้าใจผิดพลาด คุณต้องไปเถียงกับนักกฎหมาย พวกเราไม่ได้เข้าใจผิด ถ้าแน่จริงเอาบทความคุณไปเทียบกับของท่านอนุรักษ์ บทความคุณก็เป็นแค่กระดาษเช็ดก้น ประเด็นอื่นไม่มีอะไรเลยที่จะมาหักล้างนักกฎหมายได้

ประเด็นสุดท้ายถาม ถามว่า “เขาบอกว่าให้โหวตโน เพื่อปฏิรูปการเมือง” ตอบ “ปฏิรูปการเมืองต้องตั้งพรรคมวลชนเพื่อเปลี่ยนประเทศไม่ใช่โหวตโน ต่อให้โหวตโน 10 สมัยก็ปฏิรูปอะไรไม่ได้”

นายประพันธ์กล่าวตอบโต้ว่า ถ้าปฏิรูปไม่ได้อย่างนั้นก็หุบปาก แล้วไปอยู่ที่อื่น เดี๋ยวเราจะปฏิรูปให้ดู ไม่น่าผลงานของนายแก้วสรรในตำแหน่ง คตส.ถึงไม่มีอะไรเลย ตอนที่ตนจะต่ออายุ คตส.ออกไป 1 ปี ก็คนนี้แหละที่ออกมาค้าน เก่งแต่ปาก ชอบสร้างภาพ สร้างราคาให้กับตัวเอง เห็นธาตุแท้แล้ว

การโหวตโนปฏิรูปได้แน่นอน เพราะทำให้ประชาชนตื่นอย่างมีจิตสำนึก เมื่อประชาชนตื่นตัวในการปฏิเสธนักการเมืองเลว มันก็ต้องเกิดการกดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในประเทศอย่างแน่นอน ถ้าไม่ใช่พวกเรากดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จะมีรัฐธรรมนูญปี 40 ปี 50 หรือ จะมีคตส.หรือ ผลงานของประชาชนทั้งนั้น

คนที่คิดว่าแหลมเข้ามาไม่ได้ พวกเราโต้หมด ถ้าเข้ามาในทางที่ดีๆ ไม่โต้หรอก แต่ถ้าแหลมเข้ามาแบบไร้สาระ มีความรู้ทางกฎหมายแต่ไม่เคยใช้ในการปกป้องประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ใช้แต่เป็นปาหี่ปกป้องพรรคการเมือง

“ถ้าไม่ใช่บทความของคุณก็รีบปฏิเสธซะ ถ้าไม่ปฏิเสธถือว่ายอมรับว่าเป็นบทความขายขี้เท่อได้เป็นอย่างดี ถ้าใครเป็นเจ้าของสถาบันการศึกษาที่ให้ปริญญา เอาบทความนี้ไปพิจารณา ว่าควรได้ปริญญาอะไร ปริญญากิตติมศักดิ์ที่ได้ไป ควรเพิกถอนได้แล้ว อายเขาเขียนแบบนี้” นายประพันธ์กล่าวปิดท้าย

คำต่อคำ
สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องทางบ้าน และพี่น้องชาวไทยที่อยู่ต่างประเทศ ที่เคารพรักทุกท่าน วันนี้ผมคงคาดการณ์ผิดไปเล็กน้อย นึกว่าพี่สนธิจะไม่มา ผมทำท่ายึกๆ ยักๆ เล็กน้อย พี่สนธิปรากฏกายบนเวที นี่เป็นวิธีการที่ทำให้คุณสนธิมาปรากฏตัวบนเวที

พี่น้องที่เคารพรัก วันนี้คงเป็นวันหนึ่งที่พี่น้องได้แสดงออกซึ่งความรักชาติ และทำหน้าที่ของตนเองในฐานะพลเมืองไทย ที่เกิดมาบนแผ่นดินไทยและไม่เสียชาติเกิด การที่พี่น้องได้ร่วมกันไปแสดงจุดยืนคัดค้าน ประท้วงองค์การยูเนสโก ที่เป็นองค์การสำคัญ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการสนับสนุนกัมพูชา ในการขึ้นทะเบียนมรดกโลก เป็นการไปแสดงจุดยืน ณ สำนักงานยูเนสโก ถือว่าไปถูกที่ ถูกเวลา เพราะถ้าไม่มีพวกเราไปแสดงพลังในวันนี้ การขึ้นทะเบียนมรดกโลกอาจเดินหน้าไปในทิศทางที่ไม่พึงปรารถนาของพี่น้องชาวไทยได้ ถือว่านี่เป็นหนึ่งในความสำเร็จของพ่อแม่พี่น้องที่ทำหน้าที่ในวันนี้ ขอชื่นชม คารวะ และขอปรบมือให้ครับ ว่าคนที่เป็นยามเฝ้าแผ่นดิน เฝ้าระวังรักษาประโยชน์ชาติบ้านเมืองเวลานี้ มีเพียงพี่น้องอย่างพวกเราๆ ส่วนรัฐบาลไทยตายไปเสียแล้ว มัวไปหลงระเริงอยู่กับเรื่อง อยากเป็นรัฐบาล อยากกลับมาเป็นนายกฯ โดยไม่ตักน้ำใส่กระโหลกชะโงกดูเงาหัวตัวเอง ทั้งๆ เรื่องนี้ควรจะเป็นหน้าที่ของเขา แต่เขาไม่ทำหน้าที่

เอาละพี่น้องพันธมิตรฯ แอลเอ มาแล้ว 1 ท่าน คุณบุษบา กราบสวัสดีและทักทายพี่น้องคนไทยที่แอลเอ ที่สหรัฐอเมริกา ทุกท่านด้วยครับ ทราบว่าเวลานี้ท่านกำลังรับฟังการปราศรัยของคุณสนธิ และของพวกเราบนเวทีนี้

เมื่อพูดถึงพี่น้องแอลเอ ถือโอกาสอ่านจดหมาย วันนี้ไม่ทราบเป็นเพราะอะไร จดหมายไม่ได้มาพร้อมคุณบุษบา ส่งมาจากอเมริกา จ่าหน้าซองเพียงว่าสะพานมัฆวาน เท่านั้นเอง ก็มาถึงประพันธ์ คูณมี ติดแสตมป์มาอย่างดี ได้รับทั้งสิ้นวันนี้ 3 ฉบับจากแอลเอ พี่น้องคนไทยที่แอลเอเขียนจดหมายรวมทั้งส่งเงินบริจาคเข้ามาด้วย ถือโอกาสขอบพระคุณพี่น้องชาวไทยในแอลเอ อ่านจดหมายบางฉบับที่ท่านเขียนมา ขอบคุณที่รับชมและชอบเพลงศรัทธา บอกว่า วันนี้พี่น้องชาวไทยที่แอลเอขอเพลงมาอย่าลืมร้องให้ฟังด้วย ตอนนี้ฮิตมากที่อเมริกา ก่อนจะร้อง

ขอแก้ข่าวเล็กน้อยเพราะพี่สนธิถูกใส่ร้าย มันก็ทำทุกวิถีทางว่าจะใส่ร้ายคุณสนธิอย่างไร เขาก็บอกว่า ใส่ร้ายครั้งสุดท้าย ปล่อยข่าวครั้งสุดท้าย คุณสนธิหลวงตาบัวไม่ให้เข้าวัดแล้ว หลวงตาบัวจะให้เข้าวัดได้อย่างไร เพราะหลวงตาบัวท่านนิพพานแล้ว ที่พูดหลวงตาบัวไม่ให้เข้าวัดมันก็ไม่น่าเชื่อแล้ว เพราะว่าลื้อคุยกับหลวงตาบัวได้อย่างไรเพราะคุณยังเป็นพวกมีกิเลสหนา และปล่อยข่าวหาว่า คุณสนธิไปเอาทองหลวงตาบัวมา ผมก็เลยบอก พี่สนธิคราวหลังถ้ามันพูดอย่างนี้ตอบไปซิว่า พี่เอามาจริง เอามา 1 กระบอก มีทองเท่ากระบอกเท่านั้นเอง อยากได้ไหมเอามาแล้วจะให้ด้วยคนละกระบอก ปากเสียดีนัก เพราะฉะนั้นคนที่ใส่ร้ายต้องเจอแบบนี้ ถ้าสนธิเอาทองมาจากหลวงตาบัว ป่านนี้ไปตั้งธนาคารได้แล้ว เพราะเอาไปมอบให้ธนาคารชาติหมดแล้ว ถ้าเอามาจากหลวงตาบัวก็เอาไปตั้งธนาคารสนธิได้แล้ว คงไม่ลำบากยากเข็ญเหมือนทุกวันนี้

นี่เป็นกลยุทธ์ กลเกมการใส่ร้ายป้ายสี ที่จะทำลายพวกเรา แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเหตุผลที่พูดไร้สาระ และไม่มีน้ำหนักควรแก่การน่าเชื่อถือเลยแม้แต่น้อย เป็นการปั้นน้ำเป็นตัว แต่เรื่องเดิมบอกว่า สนธิไปรับเงินทักษิณ จับมือกับยิ่งลักษณ์แล้ว จึงมีลักษณะหันมาโจมตีประชาธิปัตย์ หรือรณรงค์โหวตโน ยังมีหลงเหลืออยู่ ก่อนมาขึ้นเวทีผมมีโอกาสไปทานข้าวกับผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่ขอเอ่ยนาม ท่านคงมีความคิด ความเข้าใจแบบนี้ เพราะมีคนไปปล่อยข่าว เป็นผู้ใหญ่มาก อยู่ในตำแหน่งสำคัญด้วย ผมเลยกราบเรียนท่านว่า ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ไม่มีหรอกครับ สาเหตุที่พวกเรามาร่วมต่อสู้ ชุมนุม และรณรงค์โหวตโน มีปัญหาอยู่เพียงว่า พวกเราทุ่มเทและให้โอกาสพรรคประชาธิปัตย์เต็ม 100% ทั้งได้ต่อสู้ในการขับไล่ระบอบทักษิณออกไป คนที่ได้ประโยชน์จากการต่อสู้ครั้งนี้ก็คือ รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ นี่เป็นผลงานการต่อสู้ของเราที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ แต่เมื่อเขาได้กลับมาเป็นรัฐบาล ได้บริหารบ้านเมือง เขากลับไม่สนใจปัญหาของชาติบ้านเมือง และไม่สนใจปัญหาที่พี่น้องประชาชนต่อสู้ เราต่อสู้กับทักษิณ และระบอบทักษิณ 2 เรื่องใหญ่ๆ 1. ความไม่ซื่อสัตย์ ความไม่จงรักภักดี และมีพฤติกรรมมักใหญ่ใฝ่สูง มีพฤติกรรมจ้วงจาบ ละเมิดสถาบันเบื้องสูง จนกระทั่งไม่น่าเชื่อในความจงรักภักดี หรืออยู่เบื้องหลังสนับสนุนขบวนการโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือล้มเจ้า ประการที่ 2. รัฐบาลทักษิณทุจริต คอรัปชั่น โกงกินบ้านเมืองมโหฬาร เราหวังว่ารัฐบาลนี้จะทำหน้าที่แก้ไขปัญหาทั้ง 2 เรื่อง กลับไม่ทำ ไม่ดำเนินการกวาดล้างขบวนการล้มเจ้า ระบอบทักษิณ แถมยังอุ้มชู จับมือกับคนพวกนี้อีก การทุจริต คอรัปชั่นไม่เอาจริงเอาจังในการกวาดล้าง มิหนำซ้ำยังทำความผิดเพิ่มขึ้นอีกคือ ขายชาติขายแผ่นดิน ปล่อยให้กัมพูชายึดครองประเทศไทย ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อพวกเราออกมาพูด วิพากษ์วิจารณ์ เรียกร้องให้ทำหน้าที่ ตั้งแต่เขาขึ้นมาเป็นรัฐบาล นอกจากไม่ฟังเสียงพวกเราแล้ว ยังมองพวกเราเป็นศัตรูอีก มิเช่นนั้นแล้ว คุณสนธิคงไม่โดนยิง 200 นัด รอดชีวิตมาได้บุญหัวแล้ว ทำไมท่านต้องไปเชื่อว่า คนอย่างสนธิก้มหัวรับเศษเงินจากระบอบทักษิณ ถ้าหากว่าสนธิเป็นอย่างนั้นชีวิตเขาคงไม่ลำบากอย่างทุกวันนี้ เขาคงรวยเหมือนข้าราชการและผู้นำทหารบางคนที่รับเศษเงินจากนักการเมือง อยู่ดีมีสุข ไม่ลำบากเหมือนทุกวันนี้แน่นอน

ผมอธิบายต่อไปว่า ท่านมองซิครับ ทุกวันนี้มีใครที่เอาจริงเอาจังในการต่อสู้กับทักษิณและระบอบทักษิณ ในชนบท รัฐบาลนี้ปล่อยให้ระบอบทักษิณ และขบวนการล้มเจ้า เคลื่อนไหวอย่างอิสระในการจัดตั้งขบวนการประชาชนเพื่อล้มล้างระบอบการปกครองประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข สมัยที่ท่านดูแลบ้านเมือง ทหารออกไปปฏิบัติจิตวิทยา ให้ความรู้ ข้อมูลข่าวสาร ต่อต้านขบวนการล้มล้างการปกครอง ล้มล้างสถาบัน วันนี้ข้าราชการทหาร ตำรวจ และรัฐบาล มีหน่วยงานไหนบ้างที่สนใจเรื่องนี้ ไม่มีเลย มีแต่พวกเราเท่านั้นที่ออกมาสู้กับทักษิณ และระบอบทักษิณ

หลังจากที่ผมได้พูด อธิบายอย่างนี้แล้ว ท่านคงเข้าใจว่านี่เป็นขบวนการใส่ร้ายป้ายสีและทำลายพวกเรา หากว่าท่านเชื่อว่าพวกเราเป็นอย่างนั้นจริง และหวังพึ่งพวกนี้ ท่านมั่นใจไหมว่า คนพวกนี้ คนอย่างนายอภิสิทธิ์จะสู้กับทักษิณและระบอบทักษิณ ตลอดเวลาที่เขาอยู่ 2 ปี เขาไม่เคยทำอะไรเลย ถ้าเขากลับมาท่านเชื่อหรือว่าเขาจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นวันนี้เราต้องถามถึงจุดยืนพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่ท่านจะมาตั้งคำถามกับพวกเราว่าเราไปจับมือกับทักษิณหรือไม่ พวกเราทั้งชีวิตสู้กับคนชั่ว คนเลว ไม่ว่าใครทั้งนั้น นี่คือจุดยืนของพวกเรา และเราจะเป็นอย่างนี้ต่อไป ที่เราโหวตโน รณรงค์ไม่เลือกใคร เพราะทุกพรรคไม่ทำตามอุดมการณ์ หรือนโยบายที่ประกาศไว้กับประชาชน ไม่มีใครสนใจปัญหาสำคัญของชาติบ้านเมือง ไม่มีใครสนใจกวาดล้าง ปราบปรามขบวนการทุจริต คอรัปชั่น และขบวนการล้มเจ้าเลย ทุกพรรคเลวพอๆ กัน เราจึงไม่สามารถไว้วางใจและเลือกใครได้ นี่เป็นที่มา แต่เมื่อเราไม่เลือกเขา เรามีจุดยืนอย่างนี้ เขาก็หาเรื่องโจมตี ใส่ร้าย เพื่อทำลายเครดิตของเราเท่านั้นเอง ป่านนี้ท่านคงเข้าใจหูตาสว่างแล้วว่า พวกเราพร้อมพลีชีวิตและเลือดเนื้อ เพื่อสู้กับคนชั่ว คนเลวที่จะมาทำลายชาติบ้านเมือง และพร้อมพลีชีพเพื่อปกป้องชาติ ราชบัลลังก์

คำถามที่จะถาม เมื่อกี้คุณสนธิถามไปแล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนอย่างไร คุณกล้าประกาศไหมว่า คุณจะไม่ไปร่วมสังฆกรรมกับพรรคเพื่อไทย คุณกล้าประกาศไหมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากไม่กล้าประกาศแล้วยังแบะท่าว่า ร่วมกันได้ถ้าไม่นิรโทษและไม่เอานโยบายจำนำข้าว นี่คำถามที่ 1 แต่คำถามที่ 2 ของผม ถ้าท่านเชื่อใจว่า นายอภิสิทธิ์จะมาสู้กับทักษิณ กล้าประกาศนโยบายไหมว่า ถ้ากลับมาเป็นนายกฯจะกวาดล้างหัวโจกเสื้อแดง และขบวนการก่อการร้าย ล้มเจ้า ให้สิ้นซากจากแผ่นดินไทย กล้าประกาศหรือเปล่า ถ้าไม่สู้ แอบไปจับมือกับทักษิณและพรรคเพื่อไทย กล้าประกาศไหมว่า ถ้าเลือกผมกลับมาเป็นนายกฯ อีกรอบ ไม่ต้องไปตั้งกองกำลัง 2,500 คนเพื่อปราบยาเสพติด ตั้งกองกำลัง 2,500 คน กวาดล้างหัวโจกแดง และขบวนการล้มเจ้า ก่อการร้าย เสียก่อนดีกว่า กล้าประกาศหรือเปล่า ไม่กล้าประกาศ ที่จะไปหาเสียงพรุ่งนี้ ปราศรัยที่ราชประสงค์ ยังพูดอยู่ในเรื่องปาหี่ ไปปราศรัยทำไม ทำไมไม่ประกาศนโยบายอย่างที่ผมพูด ไปปราศรัยที่ราชประสงค์ ไปประกาศกับพี่น้องประชาชน นักธุรกิจที่ราชประสงค์ ถ้าผมกลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง ผมจะไม่ให้เสื้อแดงแม้แต่คนเดียวมาก่อความเดือดร้อน เผาบ้านเผาเมืองกับพี่น้องประชาชนอีก กล้าหรือเปล่า อย่าไปตอแหลเลย ถ้าผมจะไปหาเสียงที่ราชประสงค์ พี่น้องเลือกผมเป็นนายกฯ ใครเผาบ้านเผาเมือง ก่อความเดือดร้อนวุ่นวาย ทำมาหากินไม่ได้ ผมจะจัดการโดยเด็ดขาดไม่ให้มีแผ่นดินอยู่ ต้องกล้าประกาศอย่างนั้น ไม่ใช่ไปประกันตัวเขา ปล่อยให้นักธุรกิจเดือดร้อน คุณไม่เหลียวแล แล้วคุณจะไปปราศรัยหาพระแสงด้ามยาวอะไร นี่คือจุดยืนที่ตอแหล ใช้ไม่ได้ เชื่อไม่ได้ พึ่งไม่ได้

เราต่างหากที่เป็นคนยืนอยู่กับแผ่นดินนี้และสู้กับคนชั่ว คนเลวที่คิดไม่ดีต่อชาติบ้านเมือง เพราะฉะนั้น ถ้าท่านจะมาตั้งคำถามกับเรา ต้องไปตั้งคำถามกับพรรคการเมือง นักการเมืองเหล่านั้นว่า มีพรรคไหน คนไหน หน้าไหนบ้างที่พร้อมจะออกมาพลีชีพ สู้กับคนเลวคนชั่วที่คิดไม่ดีกับชาติบ้านเมือง เหมือนอย่างพวกเรา ประเด็นนี้ผมถามให้ต่อจากพี่สนธิว่า ถามจุดยืนของคุณนอกจาก 1.คุณสัญญาได้ไหมว่าจะไม่ไปร่วมกับพรรคเผาบ้านเผาเมืองตั้งรัฐบาล 2.คุณสัญญาได้ไหมว่า ถ้าคุณกลับมาเป็นรัฐบาล เป็นนายกฯ อีกครั้ง หรือวันนี้ทำเลย ผมจะกวาดล้างเสื้อแดง หรือหัวโจกเผาบ้านเผาเมือง ทุกคนที่ไม่เคารพกฎหมาย โดยเด็ดขาด ถ้าอย่างนั้นเรายังพอรับฟังได้ แต่วันนี้ไม่เคยเห็นน้ำยานายอภิสิทธิ์เลย

นี่คือประเด็นต่อเนื่องจากคุณสนธิ ที่ฝากถามจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนจดหมายที่พี่น้องแอลเอฝากมา ฉบับที่ 1 มาจากแอลเอ เขาเป็นวิศวกรอยู่ที่อเมริกา ภรรยาทำงานเป็นอาจารย์อยู่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศไทย มอบเงินสนับสนุน ASTV เป็นประจำ แต่ไม่ออกนาม เป็นวิศวกรของบริษัทเครื่องบินโบอิ้ง ขอมอบเงินสนับสนุน ASTV 4,000 บาท กองทุนเขาพระวิหาร 4,000 บาท ฝากเช่าเหรียญ ร.5 เหรียญละ 300 จำนวน 4 เหรียญ 1,200 บาท จากพี่หมูแอลเอ ผมขอร้องพี่น้องคนไทยที่แอลเอ ต่อไปนี้ถ้าจะฝากเงินอย่าใส่ซอง เพราะบางซองท่านเขียนว่า มีเงินมาด้วย แต่พอเปิดแล้วในซองไม่มี เดี๋ยวจะหาประพันธ์อม มันหายไประหว่างทาง

ฉบับที่ 2 เรียนคุณประพันธ์ ดิฉันส่งสำเนาการส่งเงินผ่านธนาคารแบงก์ออฟอเมริกา มาให้ด้วย ทั้งหมด 100 เหรียญ สนใจติดตามทุกครั้งที่คุณสนธิจัดรายการเมืองไทยสัญจร ก็ได้ความรู้ ความเป็นไปของบ้านเมืองในเชิงลึก ได้รู้ความจริงทุกวันต้องดู ASTV ถ้าไปทำงานจะเอาคอมพิวเตอร์ไปด้วย ให้คนที่เขาไม่รู้ ไม่ค่อยสนใจ ได้ฟังเข้าหู (เสื้อแดงค่ะ) ดิฉันใช้สิทธิ์นอกราชอาณาจักรทุกครั้ง ที่ผ่านมาใช้สิทธิ์แล้วโหวตโน แล้วบอกน้องเพื่อนช่วยด้วย เห็นหนังสือพิมพ์ที่นี่เขียนว่า มีผู้ลงชื่อเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ประมาณ 8,297 คน เฉพาะที่แอลเอ เมื่อไหร่บ้านเราจะมี ส.ส.จิตสำนึกดี รักชาติ ไม่เห็นแก่ตัวเสียที เมื่อไหร่ ส.ส.แก่ๆ จะตายไปเสียที เลว เห็นแก่ตัว ปล้นชาติมานานแล้ว บ้านเราไปไม่ถึงฝั่งก็เพราะพวกนี้ สร้างแต่วัตถุ เพราะมีกินอร่อย ไม่สร้างสำนึกและจิตใจให้ประชาชนเลย คิดแล้วกลุ้ม เวทีจะจบแล้วดิฉันคงคิดถึงทุกคนหน้าจอ และผู้บรรยายทุกคน โดยเฉพาะคุณประพันธ์ สู้ๆ นะคะ ดิฉันก็สู้ โหวตโน โหวตโน โหวตโนแน่นอน ขอแสดงความนับถือ เงินที่ส่งมาให้ ASTV จอไม่ดับ ดิฉันส่งเป็นครั้งคราว และจะส่งมาอีก ศรัทธาคุณสนธิ คุณประพันธ์ และทุกคน กลับไปเมืองไทยคราวหน้าจะไปเยี่ยมที่บ้านพระอาทิตย์

ส่วนท่านที่ 3 เขียนมาจากแอลเอเหมือนกัน บอกว่า เรียนคุณประพันธ์ คูณมี( คีมูน) ผมและภรรยาฟังคุณประพันธ์ปราศรัยได้ตรงประเด็น ชัดเจน มีความคิดเป็นระบบ สมกับเป็นนักกฎหมายมือหนึ่งที่เก่ง ในประเทศไทยต้องยอมรับ วันนี้ผมดูหนังเรื่องหนึ่งคิดว่าเป็นธรรมดา แต่ตอนจบมีคติสอนใจว่า นายยามายาดะ นางามาดะ ได้รับใช้แผ่นดินในสมัยพระนเรศวรมหาราช ด้วยความจงรักภักดี จวบจนสมัยพระเจ้าทรงธรรม ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นออกญาเสนาภิมุข ในเวลาต่อมา ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช ยามายาดะ ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อ พ.ศ.2076 (1,633) สมดังคำปฏิญาณไว้ว่า แม้ไม่ได้เป็นแผ่นดินเกิด แต่จะขอเป็นแผ่นดินตาย หนังเรื่องนี้ชื่อ ซามูไร อโยธยา ดูหนังเรื่องนี้จบแล้วทำให้คิดว่า ถึงแม้จะเป็นคนญี่ปุ่น แต่มาอาศัยแผ่นดินไทยอยู่ ยังยอมตายเพื่อแผ่นดินไทย แต่คนไทยที่เกิดในแผ่นดินไทยอันมีพระมหากษัตริย์ อันเป็นประเสริฐยิ่ง ปกครองด้วยความเป็นธรรม ซึ่งหาได้ยากยิ่งในโลกนี้ กลับขายชาติขายแผ่นดินให้เขมร ทั้งๆ ที่เกิดในเมืองไทย แต่กลับไปกราบเท้า ยกแผ่นดินให้เขมรเพื่อเห็นแก่เงินเท่านั้น ดังนั้นอยากขอเตือนนายสุเทพ นายอภิสิทธิ์(ซึ่งอยากจะกลับมาเป็นนายกฯ จนตัวสั่น เพื่อขายชาติขายแผ่นดินให้เขมรต่อไป) รวมถึงนายกษิต และรัฐมนตรีกลาโหม ซึ่งยังไม่เคลียร์เรื่องลอบสังหารนายสนธิ และพล.ท.กุนเชียง ว่า อย่าคิดว่าพฤติกรรมของคุณนั้นคนเมืองนอกเขาไม่รู้นะ และจะเป็นตราบาปติดอยู่ในประวัติศาสตร์ต่อไปว่า ตระกูลพวกคุณขายชาติ ถ้าคิดว่าดีจงทำต่อไป สุดท้ายขอให้คุณพระศรีรัตนตรัย จงคุ้มครองคุณประพันธ์และพวก เราซึ่งรักชาติทั้งหลาย รวมทั้งคุณวีระ และคุณราตรี จงภูมิใจที่คุณได้เกิดมาชาติหนึ่ง ไม่เสียชาติเกิด จากพวกเราคนไทยซึ่งรักชาติในแอลเอ

ขอบคุณพี่น้องชาวไทยในอเมริกาที่เคารพรัก ส่งความคิดถึง ให้กำลังใจ และที่บอกว่า เสร็จศึกนี้ ช่วยไปเยี่ยมพวกเราที่อเมริกาด้วย ยืนยันว่าเราคงได้พบกันเมื่อชาติต้องการ จะไปเยี่ยมท่านที่แอลเอ และเมืองอื่นๆ

พี่น้อง วันนี้มาสะดุดที่ข้อเขียนของ อ.แก้วสรร คนอื่นคงพูดไปบ้างแล้ว แต่ผมไม่เอาสักดอกคงกระไรอยู่ เพราะอ่านแล้ว ผมคิดว่า สมแล้วที่ อ.ปานเทพ ตั้งสมญานามว่า นี่แก้วสรร หรือแก้วหน้าม้า ผมยังไม่เชื่อนะคุณแก้วสรร ว่าคุณเป็นคนเขียน คุณแก้วสรร อติโพธิ คุณเป็นอาจารย์กฎหมาย เป็นรองคณบดี เป็นรองอธิการบดี เป็นเลขา คตส. สมัยผมเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ ก็เคยมาประชุมร่วมกัน พิจารณากฎหมายหลายฉบับ ผมไม่นึกว่าคุณจะเป็นคนบ้องตื้น ผมหลงเชื่อว่าคุณเป็นนักกฎหมาย ความจริงคุณเป็นแก้วหน้าม้า หรือว่าเป็นผู้รับใช้นักการเมือง พรรคการเมือง ผมไม่เข้าใจ อ่านข้อเขียนของคุณแล้วผมไม่เชื่อว่า คุณเขียนหรือคุณละเมอ หรือคุณกินยาผิด หรือคุณความจำเสื่อม อ่านแล้วไม่ใช่นักกฎหมายเขียนเลย ไม่คิดว่าคุณจะปล่อยไก่ ลงทุนขนาดเอาชื่อเสียงตัวเองที่ได้ชื่อว่า เป็นอาจารย์ เป็นนักกฎหมาย มาเขียนวิพากษ์วิจารณ์โหวตโน คุณวิพากษ์วิจารณ์โหวตโน ไม่ประสงค์ลงคะแนน เราไม่ว่า แต่ที่สำคัญ คุณควรวิจารณ์อย่างมีเหตุผล มีข้อมูล ข้อกฎหมายสมกับที่คุณเป็นอาจารย์ แต่ที่คุณเขียนแบบนี้มันนักวิชาเกิน ประเภทแก้วหน้าม้า ไม่น่าเชื่อ

ผมถามคุณหน่อย คุณเดือดร้อนอะไรกับการที่พวกเรากาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน คุณกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะอะไร ญาติพี่น้องคุณเดือดร้อนเพราะอะไร ผมไม่เข้าใจ คุณเดือดร้อนอะไร หรือบิดา มารดาคุณเป็นทุกข์เป็นร้อนเพราะประชาชนโหวตโน ตรงไหนผมไม่เข้าใจจริงๆ กระโดดออกมาโลดเต้น ทำเป็นขยัน ขยันแบบคุณเขาเรียกว่า ขยันแบบไร้สาระ เดี๋ยวเขาจะหาว่าเป็นพวกโง่แล้วขยัน เพราะเขียนผิดๆ ถูกๆ ข้างๆ คูๆ ไม่สมกับเป็นนักกฎหมาย ผมไม่เชื่อว่าเป็นบทความคุณหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่คุณรีบมาโต้แย้งโดยด่วน ที่คุณประพันธ์พูดไม่ใช่บทความผมครับ แก้วสรรเทียมเขียน หรือว่าแก้วหน้าม้าเขียน บอกประชาชนไป

พี่น้องครับ เขาคงเดือดร้อนที่เห็นบทความของ ท่านอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล ในข้อกฎหมาย วันก่อนที่เรามาพูด เขาก็เลยอยากจะตอบโต้ โต้แย้ง หักล้าง เพื่อให้สมประโยชน์กับนักการเมือง พรรคการเมืองที่กำลังเลือกตั้ง ซึ่งผมไม่รู้ว่าคุณทำงานเพื่อรับใช้พรรคการเมืองไหนกันแน่ หรือว่าทำงานรับใช้นักเลงใหญ่แถวเตาปูน ไม่เข้าใจจริงๆ คุณเขียนได้อย่างไร

ข้อแรก ถามว่าโหวตโนในทางกฎหมายเลือกตั้งคืออะไร แค่บรรทัดแรกที่คุณเขียนก็ผิดแล้ว เขาบอกว่า เมื่อเปิดหีบเลือกตั้งแล้วเกณฑ์ตัดสินว่าใครจะชนะได้เป็น ส.ส. คนผู้นั้นต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐานเสียก่อน คือ ต้องมีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งเกิน 20% และต้องได้คะแนนสูงกว่าโหวตโน นี่คุณเขียนผิด ไม่ใช่คนมาใช้สิทธิ์เกิน 20% หมายความว่า ผู้ชนะต้องได้คะแนนจากผู้มาใช้สิทธิ์ มากกว่า 20% คุณเขียนก็ผิด ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่

อันที่ 2 คุณตั้งคำถาม ถามเองตอบเอง คุณบอกว่า โหวตโนในทางกฎหมายเลือกตั้งคืออะไร ตอบว่า ก็คือบัตรที่ไม่เลือกผู้ใด ฐานะในทางกฎหมายเป็นบัตรเสียชนิดหนึ่ง เพราะเป็นบัตรที่ไม่มีคะแนน แก้วสรรคุณปล่อยห่านตัวเบ้อเริ่อ จะบัตรเสียได้อย่างไร คุณไปดูซิบัตรเลือกตั้ง มาตรา 61 เขียนไว้อย่างไร พ่อเจ้าประคุณจบกฎหมายมาจากโลกไหน มีไหมกฎหมายเลือกตั้งไปอ่านดูซิเขาเขียนว่าอย่างไร ในลักษณะบัตรเลือกตั้งเขาบังคับไว้เลยว่า ในบัตรเลือกตั้งต้องมีลักษณะมองเห็นอย่างไร หีบบัตรก็ว่าไป บัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขต จะต้องมีช่องทำเครื่องหมาย และหมายเลขไม่น้อยกว่าจำนวนผู้สมัครเลือกตั้ง มีช่องทำเครื่องหมายว่า ไม่ประสงค์ลงคะแนนเลือกตั้ง ถ้าบัตรเสียเขาจะระบุทำไม บัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ จะต้องมีช่องทำเครื่องหมาย และหมายเลขของพรรคการเมืองและชื่อพรรคการเมืองครบทุกพรรค และมีช่องทำเครื่องหมายว่า ไม่ประสงค์ลงคะแนนเลือกตั้งด้วย ทั้งนี้อาจจัดให้มีภาพเครื่องหมายพรรคการเมืองไว้ด้วยก็ได้ ถ้าบัตรเสียแล้วกฎหมายจะบังคับให้ กกต.ทำช่องสำหรับผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนนไว้ทำไม ผมไม่อยากเรียกอาจารย์แล้ว กลับไปเรียนิติศาสตร์ใหม่ได้แล้ว ไม่เข้าใจจริงๆ เวลาประกาศคะแนน เขาเขียนไว้ในกฎหมายเลือกตั้งว่า เวลาประกาศคะแนนจะต้องประกาศช่องคะแนน ผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนน และรวมคะแนน ทำรายงานไปยังหน่วยเลือกตั้งด้วย ถ้าบัตรเสียจะทำรายงานว่า มีผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนนเท่าไหร่ได้อย่างไร

พี่น้องที่เคยเชื่อถือนายแก้วสรร วันนี้จบเลย เขียนแค่นี้ก็จบ ไม่ต้องดูประเด็นอื่น นักกฎหมายอะไร แค่นี้ก็สอบตกแล้ว

ในมาตราที่เกี่ยวกับการนับคะแนน และการประกาศผลคะแนน มาตรา 82 เขียนไว้ว่า ให้นับจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทำเครื่องหมายไม่ประสงค์ลงคะแนนเลือกตั้ง และให้ประกาศจำนวนบัตรดังกล่าวด้วย ถ้าบัตรเสียประกาศทำไม ถ้าเป็นบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน ประกาศว่า บัตรผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนนมีจำนวนเท่านี้ มีใครบอกเป็นบัตรเสีย เจ้าแก้วหน้าม้า

บัตรที่จะเป็นบัตรเสีย คือ บัตรปลอม, บัตรมิได้ทำเครื่องหมายลงคะแนน, บัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขตที่ทำเครื่องเลือกตั้งให้ผู้สมัครเกินจำนวนสมาชิก เขาให้เลือกได้ 1 คน กา 2 เบอร์ อย่างนี้เรียกว่าบัตรเสีย ไปศึกษาให้จบก่อน หรือต้องไล่ไปเรียนนิติศาสตร์ใหม่ หรือบัตรที่ไม่ทราบว่าจะลงคะแนนให้ผู้ใด พรรคใด เช่น พรรคนี้เบอร์ 4 พรรคนี้เบอร์ 5 กาควบ 4 และ 5 อย่างนี้บัตรเสีย บัตรเสียอื่นๆ ที่มีลักษณะตามที่คณะกรรมการเลือกตั้งกำหนด บัตรอื่นๆ นอกจากนี้ถ้าตีเป็นบัตรเสีย กกต.ต้องประกาศเป็นกรณีพิเศษ และให้อำนาจ กกต.ประกาศ ขณะนี้บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน เป็นบัตรดี เป็นบัตรที่ประชาชนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง กฎหมายรับรอง รัฐธรรมนูญรับรอง กกต.รับรอง เป็นบัตรดีไม่ใช่บัตรเสีย ขี้เกียจสีซอให้ควายฟังจริงๆ

ทีนี้ อีกประเด็นถามว่า ปี 54 รณรงค์โหวตโนได้อย่างไร ในเมื่อไม่มีความหมายอะไรในทางกฎหมาย คนถามก็โง่ คนตอบก็เซ่อ สรุปแล้วมีผลทางกฎหมาย ถ้าคุณอยากเถียงทำไมไม่โต้แย้งบทความของ คุณอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล ว่าที่ คุณอนุรักษ์ เลขานุการศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เขียนไม่ถูกต้อง ทำไมคุณไม่โต้ ทำไมคุณบอกว่า ตามที่พวกเหลือง สนธินำไปกล่าวอ้าง เหลืองสนธิไม่ได้กล่าวอ้าง ท่านอนุรักษ์เป็นคนเขียน นักกฎหมายทั้งหลายเขาเขียน ไม่ใช่สนธิเขียน ทำไมคุณไม่โต้เขาล่ะ เพราะฉะนั้นที่มีผลทางกฎหมาย ไม่ใช่สนธิกล่าวอ้าง สนธิเพิ่งโผล่กลับมาวันนี้ เขาอ้างกันมา 3-4 วันแล้ว นี่ก็โต้ผิดคน เราไม่ได้อ้าง นายประพันธ์อ้าง นายสุวัฒน์อ้าง ท่านอนุรักษ์อ้าง และกกต. ยืนยันแล้วว่า โหวตโนเป็นบัตรดี และมีผลทางกฎหมาย หรือจะจัดเวทีดีเบตระหว่าง แก้วหน้าม้ากับประพันธ์ คูณมี กล้าหรือเปล่า ข้างๆ คูๆ แบบนี้น่าเบื่อ

เขาถามว่า โหวตโนมีฐานะเป็นคะแนนชนิดหนึ่งไม่ได้จริงๆ หรือ ผมไม่เห็นมีทางเลย อย่างกรณี ส.ส. ประเด็นโหวตโน บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนนมีผลทางกฎหมายไหม เมื่อเย็นพี่สุวัฒน์ตอบไปแล้ว ท่านอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล ก็เขียนแล้วว่า ภายใต้บังคับมาตรา 88 ซึ่งมาตรา 89 เขียนเอาไว้ มาตรา 89 ต้องอยู่ภายใต้บังคับมาตรา 88 เช่นเดียวกัน นั่นคือคนได้คะแนนมากกว่า ก็บอกไปแล้วต้องมีองค์ประกอบ 3 ประการ 1.ได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของผู้มาใช้สิทธิ์ 2.ต้องชนะโหวตโน 3.ต้องได้คะแนนมากกว่าคนอื่นๆ เข้าองค์ประกอบ 3 อย่างคือ มาตรา 88+89 คุณถึงจะได้สิทธิ์เป็น ส.ส. ถ้านายแก้วสรรอยากรู้ให้พวกพรรคประชาธิปัตย์แพ้เลือกตั้ง อย่าถึง 20% ได้เป็น ส.ส.เดี๋ยวเราจะไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ แพ้เลือกตั้งหมดทุกคน หรือพรรคแถวเตาปูน เลือกแล้วแพ้ เราจะไปยื่นให้ดู หรือชนะไม่เป็นตามเกณฑ์ เราจะยื่นที่ศาลให้ดู ประเด็นนี้ผมไม่ขอพูดซ้ำ เพราะมีคนอธิบายเยอะแล้ว ไม่อยากเป่าปี่ให้ควายฟังอีก

เพราะฉะนั้นที่เราเอาเกณฑ์ข้อกฎหมายมาอธิบาย แล้วคุณบอกว่า ผมเข้าใจกฎหมายผิดพลาด พวกเราอธิบายกฎหมายผิดพลาด คุณต้องไปเถียงกับนักกฎหมาย ไม่ใช่พวกเราเข้าใจผิดพลาด นักกฎหมายเขาอธิบาย และเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร ถ้าคุณแน่จริง เอาบทความของคุณไปเทียบเคียงกับบทความของท่านอนุรักษ์ สง่าอารีย์กูล บทความของคุณเป็นแค่กระดาษเช็ดก้นเท่านั้นเอง ประเด็นอื่นๆ ผมอ่านแล้วไม่มีอะไรเลยที่คุณจะหักล้างเหตุผลนักกฎหมายท่านอื่นๆ ได้เลย ที่คุณเขียนมันใช้ไม่ได้ ผิด

ส่วนประเด็นสุดท้ายที่ผมอยากตอบ คุณถามว่า ให้โหวตโนเพื่อปฏิรูปการเมือง แก้วหน้าม้าตอบว่า ปฏิรูปการเมืองต้องตั้งพรรคมวลชน พรรคมวลชนตายไปแล้ว หัวหน้าพรรคไปอยู่พรรคเพื่อไทยแล้วไง เขาบอกว่า ปฏิรูปการเมืองต้องตั้งพรรคมวลชนเพื่อเปลี่ยนประเทศ ไม่ใช่โหวตโน ต่อให้โหวต 10 สมัย ก็ปฏิรูปไม่ได้ ดีแล้วถ้าปฏิรูปไม่ได้ก็หุบปาก เดี๋ยวพวกเราจะปฏิรูปให้ดู ปฏิรูปเสร็จจะเอาแก้วหน้าม้าไปสตาฟไว้ว่า อย่ามายุ่งกับบ้านเมืองอีกเลย มิน่า ผลงานของคุณ คตส.ถึงไม่มีสักเรื่อง ตอนที่ผมจะต่ออายุให้ คตส.ก็แก้วหน้าม้าออกมาค้าน ถ้าผมไม่ต่ออายุให้ คตส.อีก 1 ปี ป่านนี้ยึดทรัพย์ทักษิณไม่ได้ คนนี้ที่ออกมาค้าน น่าเบื่อจริงๆ เก่งแต่ปากเหมือนกันคนนี้ ชอบสร้างภาพสร้างราคาให้ตัวเอง วันนี้เราได้เห็นธาตุแท้แล้ว

การโหวตโนนำไปสู่การปฏิรูปแน่นอน เพราะเป็นการปลุกให้ประชาชนตื่นอย่างมีจิตสำนึกต่อความเหลวไหล ความล้มเหลวของการเมืองในขณะนี้ เมื่อประชาชนตื่นตัว ปฏิเสธระบอบการเมืองและนักการเมืองเลว นักการเมืองชั่ว ต้องกดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในประเทศอย่างแน่นอน ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเรากดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จะมีรัฐธรรมนูญ 40 หรอ จะมีรัฐธรรมนูญ 50 หรอ จะมีคณะกรรมการ คตส.ให้แกไปเป็นเลขาฯ และทำหน้าใหญ่ในคณะกรรมการ คตส.หรอ ผลงานประชาชนทั้งนั้น เพราะฉะนั้นขอประทานอภัย ใครที่คิดว่า ใครแหลมเข้ามาไม่ได้เราต้องโต้ ถ้าคุณแหลมเข้ามาในทางดีก็ไม่มีใครโต้ แต่แหลมเข้ามาแบบไร้สาระ มีความรู้ทางกฎหมาย แต่ไม่เคยใช้ความรู้ทางกฎหมายปกป้องแผ่นดิน กวาดล้างการทุจริตคอรัปชั่น ดีแต่แสดงปาหี่เป็นเครื่องมือให้กับพรรคการเมือง นักการเมือง อย่างที่คุณทำอยู่ขณะนี้ ประเทศไทยถูกเขมรรุกราน มีปัญหาเรื่องศาลโลก เรื่องมรดกโลก เรื่องสนธิสัญญา เอ็มโอยู 43 เรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมือง นายแก้วสรรหุบปาก ไม่เคยเอาความรู้มาพูดในทางที่จะเกิดประโยชน์กับชาติบ้านเมือง แต่พอมีการรณรงค์โหวตโน ไม่รู้ว่าบิดามารดาเขาเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง หรือจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนไหนในการเลือกตั้งครั้งนี้ เขาถึงเดือดร้อน ถ้าไม่ใช่บทความของคุณก็รีบปฏิเสธ ถ้าไม่ปฏิเสธถือว่า กฎหมายปิดปาก ถือว่าคุณยอมรับว่า เป็นบทความขายขี้เท่อของคุณอย่างดี นี่จะเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ใครเป็นเจ้าของสถาบันการศึกษาที่ให้ปริญญากับนายแก้วสรร เอาบทความนี้ไปพิจารณาเสียใหม่ว่า สมควรจะได้ปริญญาโท ปริญญากิตติมศักดิ์อะไรหรือเปล่า ที่ใครยกย่องเขาควรเพิกถอนปริญญาได้แล้ว อายเขาครับเขียนแบบนี้

โอเคพี่น้อง วันนี้เอาเรื่องเดียวก็พอแล้ว เพราะว่าพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ วันนี้เราโหวตโน ยิ่งโหวตโนเท่าไหร่ความรู้ยิ่งแตกฉาน ใครที่ออกมาค้านโหวตโน ยิ่งเห็นความขี้เท่อของเขา ก่อนจบร้องเพลง ความจริงมีเพลงใหม่แต่เขาเอามาไม่ทัน อุตส่าบันทึกเสียงเรียบร้อยแล้ว แผนกเครื่องเสียงต้องมาแปลงเข้าเครื่อง ไม่ทัน เพลงนี้แหละ พี่น้องที่แอลเอขอมา ฝากเพลงนี้ คุณเปิ้ล และพี่น้องคนไทยในแอลเอทุกท่านนะครับ พี่น้องคนไทยในอเมริกาทุกคน จบการชุมนุมแล้วพวกเราคงมีโอกาสไปเยี่ยมเยียนพี่น้องคนไทยที่อเมริกา
กำลังโหลดความคิดเห็น