“ปานเทพ” เชื่อตั้งรัฐเพื่อไทยล้างดีเอสไอแน่ ชี้ถ้าเลือกขั้วแพ้ยิ่งเข้าทางเสื้อแดง ต้องโหวตโน แฉโกงเลือกตั้งเพียบแต่ กกต.บ่มิไก๊ จี้ลาออก ชู 5 สาเหตุแก๊งแม้วชนะ “จำลอง” จี้ปฏิรูปการเมือง ซัด กกต.ไปดูงานไม่คุ้มค่า แถมหนีเที่ยวช่วงมีงานน่าขายหน้า
วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงข่าวว่า โพลล่าสุดทั้งนิด้าโพล และสวนดุสิตโพล ต่างให้ความเห็นตรงกันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคเพื่อไทยกำลังจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่มีการชุมนุมที่รุนแรงมากที่สุด และมีขบวนการที่เกี่ยวข้องกับการดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์แฝงตัวอยู่บางส่วนในการชุมนุมของคนเสื้อแดง ที่สำคัญมุ่งเน้นที่จะทำลายหลักนิติรัฐด้วยการจะให้มีการลบล้างความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาก่อการร้าย ทั้งหมดแน่นอนว่ากรณีดังกล่าวนั้นเองมีการประกาศจากคนเสื้อแดงบางกลุ่มว่า พร้อมที่จะต่อสู้ในคดีความก่อการร้าย หรือว่าชายชุดดำทั้งหลาย ก็ล้วนแล้วแต่เป็นปัญหามาจากการที่รัฐบาลไม่ดำเนินการให้คดีเหล่านั้นได้เสร็จสิ้น ก่อนที่จะยุบสภา ทำให้ภายใต้การตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ถ้าได้จัดตั้งรัฐบาลแล้วก็คงจะมีการโยกย้ายกรมสอบสวนคดีพิเศษกันครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซ้ำรอยเดิมเหมือนเมื่อปี 2551 ทุกประการ
“ดังนั้นเราจึงเห็นว่า ถ้าประชาชนไปเลือกขั้วใดขั้วหนึ่ง โดยเฉพาะขั้วที่จะแพ้อยู่แล้ว ก็จะยิ่งสร้างความชอบธรรมในการที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศ และทิศทางของคนเสื้อแดง และว่าที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยในอนาคต ด้วยการอาศัยมือในสภา ยิ่งมีคนลงคะแนนในพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งมากๆ ที่อยู่ตรงกันข้ามกับพรรคเพื่อไทย ก็ยิ่งสร้างความชอบธรรมในชัยชนะของพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้น ทางพันธมิตรฯ จึงยืนยันว่าคะแนนโหวตโนเท่านั้นที่จะเป็นสัญญาณและสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนไม่ยอมรับกับระบบที่มีปัญหาอยู่ในขณะนี้” นายปานเทพกล่าว
โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เต็มไปด้วยการทุจริตอย่างมโหฬาร มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงหัวละ 1,000-1,500 บาท และมีการแจกจ่ายผ้านวมไปยังหน่วยราชการบางแห่ง พร้อมติดป้ายเบอร์ของผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยเฉพาะภาคอีสาน แต่ กกต.ไม่มีความสามารถ ไม่มีประสิทธิภาพในการที่จะจัดการทุจริตการเลือกตั้งได้เลยแม้แต่น้อย ในขณะเดียวกันเองก็ยังมีการใช้มือปืน ใช้อาวุธสงครามยิงใส่หัวคะแนน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการทำลายป้ายหาเสียงกันอย่างอุกอาจ จึงถือว่าไม่ใช่การเลือกตั้งตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย นี่คือการเลือกตั้งที่ใช้เงินนำหน้า ใช้อิทธิพลนำหน้า เป็นการเลือกตั้งที่ล้มเหลวที่สุด ดังนั้นหากฝืนให้มีการเลือกตั้งเช่นนี้ต่อไป จะเกิดกลียุคเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งอย่างแน่นอน ดังนั้นเราเห็นว่าเมื่อ กกต.ไร้ความสามารถที่จะจับการทุจริต การโกงการเลือกตั้งครั้งนี้ กกต.ควรต้องลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่ตอนนี้เลย
นายปานเทพยังได้กล่าววิเคราะห์ว่า สาเหตุที่พรรคเพื่อไทยจะชนะพรรคประชาธิปัตย์ ตามโพลที่สำรวจหลายครั้งก็ยังเป็นเช่นนี้ มีเหตุผลอย่างน้อย 5 ประการ คือ ประการแรก ไม่สะสางคดีให้ชัดเจนกรณีชายชุดดำที่ออกมายิงอาวุธสงครามใส่ทหารและประชาชนก่อนยุบสภา กรณีนี้ทำให้คนเสื้อแดงจำนวนมากหลงเข้าใจในการโฆษณาชวนเชื่อว่าทหารฆ่าประชาชน ทั้งๆ ที่กรณีดังกล่าวนี้เกิดจากการที่รัฐบาลไม่สามารถสะสางคดีนี้ให้ถึงในชั้นศาลอย่างชัดเจน จับตัวคนร้ายมาให้ได้แล้วถึงค่อยยุบสภา ปรากฏว่ายุบสภาก่อน ทำให้ฝ่ายการเมืองตรงกันข้ามสามารถไปโฆษณาชวนเชื่อว่าเขาบริสุทธิ์ และพร้อมกลับเข้ามาโดยการโยกย้ายคนที่อยู่ในกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าตำรวจหรือว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ
นายปานเทพกล่าวต่อว่า ประการที่ 2 ไม่จัดการกับขบวนการล้มเจ้าให้ชัดเจนก่อนยุบสภา กลับไปดำเนินการในช่วงใกล้การเลือกตั้งซึ่งไร้ประโยชน์ ในที่สุดพรรคเพื่อไทยถ้าเข้าสู่อำนาจก็จะโยกย้ายกรมสอบสวนคดีพิเศษครั้งใหญ่ ไม่มีใครผิดในท้ายที่สุด จับใครไม่ได้ นี่คือความเสี่ยงที่รัฐบาลไม่จัดการเรื่องนี้ ให้มีความชัดเจนเสียก่อนตั้งแต่ตอนนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้ประชาชนไม่สามารถจะไว้วางใจได้ว่าขบวนการดังกล่าวเป็นขบวนการใส่ร้ายหรือมีจริง เพราะรัฐบาลไม่ทำให้ชัดเจน จึงเกิดการโฆษณาชวนเชื่อในลักษณะดังกล่าวนี้ขยายในหมู่คนเสื้อแดงเป็นจำนวนมาก
ส่วนประการที่ 3 รัฐบาลยุบสภาทั้งๆ ที่ไม่ทวงคืนแผ่นดินไทยกลับคืนมาให้เรียบร้อยเสียก่อน ทำให้ประชาชนที่ห่วงใยบ้านเมือง หวงแหนแผ่นดินได้เดินหน้าต่อสู้ และทำให้ไม่มีความไว้วางใจต่อนักการเมืองแม้แต่ฝ่ายเดียว ประการถัดมาก็คือ ไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ซ้ำร้ายกลับมีปัญหาทุจริตคอร์รัปชันในรัฐบาลชุดนี้หนักไม่แพ้กับรัฐบาลชุดก่อนหน้านี้ จนเป็นที่มาของการสำรวจของหอการค้าไทยว่ารัฐบาลชุดนี้มีการทุจริตคอร์รัปชันมากกว่ารัฐบาลชุดก่อนหน้าเสียอีก
นายปานเทพกล่าวอีกว่า ประการสุดท้ายก็คือ ไม่ดำเนินการปฏิรูปการเมืองก่อนที่จะมีการยุบสภา ซึ่งภาคประชาชนก็มีความมุ่งหวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง เปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจให้เรียบร้อยเสียก่อน ก่อนที่จะมีการยุบสภา แต่รัฐบาลกลับเพิกเฉย ได้แต่ตั้งคณะกรรมการมาหนึ่งชุดเพื่อแสดงให้ดูว่าจะมีการปฏิรูปการเมืองแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อพรรคร่วมรัฐบาลและรัฐบาลเอง ทั้ง 5 ประการจึงเป็นเหตุที่ทำให้พรรคเพื่อไทยจะได้รับชัยชนะต่อพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปัตย์จะล้มเหลวต่อการที่จะดำเนินการชนะพรรคเพื่อไทยได้ โดยเฉพาะประเด็นสุดท้ายก็คือ หลังจากคดียึดทรัพย์ 46,000 ล้านบาทของครอบครัวชินวัตร รัฐบาลชุดนี้ก็ไม่สะสางคดีความในการยื่นฟ้องคดีต่อเนื่องจากคดีดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการกระทำความผิดในการฮั้ว หรือว่า พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่เป็นธรรม หรือว่ากรณีการที่รัฐบาลไม่ดำเนินการในกรณีที่ต้องยกเลิกสัมปทานในหลายกรณี ที่มีการฉ้อโกงต่อแผ่นดินไทยไป หรือไม่ดำเนินการในการที่จะปรับในค่าเสียหายที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาที่ถูกทุจริตไป จากคดีที่ต่อเนื่องจากการยึดทรัพย์ 46,000 ล้านบาท
“นี่เป็นผลหลักสำคัญว่ารัฐบาลไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง จึงทำให้ไม่สามารถทานอำนาจของระบอบทักษิณได้ ดังนั้น ประชาชนไม่ควรจะหย่อนบัตรไปผิดซ้ำที่เดิม ด้วยการไปฝากความหวังนักการเมืองที่อ่อนแอที่จะไปแก้ไขปัญหา และถ้าปล่อยให้กลับเข้ามาปัญหาก็จะยิ่งบานปลายมากกว่านี้ เพราะอ่อนแอเกินไปที่จะทำให้เกิดการคลี่คลายปัญหานี้ได้ ดังนั้นประชาชนอย่างพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงเห็นว่าทางออกทางเดียวในเวลาตอนนี้คือ เร่งสร้างอำนาจต่อรองให้กับประชาชนเสียตั้งแต่วันนี้ ก่อนการกลับมาของทักษิณ เพื่อดำเนินการเป็นพลังอำนาจต่อรองในการคัดค้านนิรโทษกรรมของทักษิณ คัดค้านการฉีกรัฐธรรมนูญ คัดค้านการทำลายหลักนิติรัฐและกระบวนการยุติธรรมของประเทศ นี่คืออำนาจต่อรองที่สามารถทำได้ทันทีตั้งแต่วันนี้ ดีกว่าไปเป็นเสียงข้างน้อยที่ต้องยอมจำนนต่อระบบในสภาผู้แทนราษฎร” นายปานเทพกล่าว
ด้าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า การฆ่าหัวคะแนนมีอยู่ทุกอาทิตย์ และยิ่งใกล้วันเลือกตั้งออกไปก็ยิ่งต้องมีการฆ่ากันมากขึ้น เป็นไปตามที่ กกต.ท่านหนึ่งได้ออกมาพูดไว้นานแล้วว่าการเลือกตั้งคราวนี้จะดุเดือด รุนแรงที่สุด ไม่ใช่แต่เฉพาะการฆ่ากันเท่านั้น ยังมีการแสดงบางสิ่งบางอย่างที่ต่ำทราม เช่นการตะโกนด่าหยาบคายต่อพรรคที่ออกมาหาเสียง ออกมารณรงค์ทางการเมือง และมีการกระโดดถีบผู้ที่ติดตามนักการเมืองคนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ก็ยังเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นตัวอย่างที่เห็นชัดว่าถึงคราวที่จะต้องมีการปฏิรูปการเมือง ไม่เช่นนั้นการเลือกตั้งครั้งต่อไปยิ่งจะหนักกว่านี้อีก
นอกจากนี้ การที่ กกต.4 คนไปดูงานที่ต่างประเทศ ตนขอยืนยันว่าการดูงานของคนไทยในเมืองนอกนั้นส่วนใหญ่ไม่คุ้มกับเวลาที่เสียไป และเงินที่จ่ายไป ไม่ว่าใครจะออกเงินก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นเงินภาษีของประชาชนยิ่งไม่คุ้มใหญ่ ดังนั้น การที่ กกต.ไปในช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงสำคัญที่ กกต.จะต้องทำหน้าที่อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการป้องกันไม่ให้มีการโกงและทุจริตการเลือกตั้ง กกต.กลับหนีไปเที่ยวเสีย เป็นเรื่องที่น่าขายหน้าอย่างยิ่ง
พล.ต.จำลองกล่าวอีกว่า มีผู้ที่ติดตามข่าวสารทางอินเทอร์เน็ตส่งข่าวมาบอกว่า วานนี้ (18 มิ.ย.) มีการส่งข้อความเข้าไปในอินเทอร์เน็ตเผยแพร่ทั่วไป ซึ่งข้อความที่กล่าวนี้ไม่ใช่เพียงแค่การจาบจ้วง แต่ยังเป็นการบ่อนทำลายสถาบันเบื้องบนอย่างรุนแรงที่สุดที่ไม่เคยปรากฏมาในอินเทอร์เน็ต แสดงให้เห็นว่าบ้านเมืองแย่ลงทุกวัน แต่ก็ไม่มีใครที่ออกมาช่วยปกป้องชาติและราชบัลลังก์อย่างเพียงพอ