xs
xsm
sm
md
lg

ไม่จีรัง....แล้วคนหล่อก็ถึงคราวปราชัยให้คนสวย!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

โดย เสนาคาม

จั่วหัวเรื่องอย่างนี้...ใครที่เป็นแฟนคลับพรรคประชาธิปัตย์ อย่าเพิ่งด่วนตำหนิเอานะครับ! เพราะเขียนตามบทสรุปของสำนักโพลต่างๆ ที่รายงานผลออกมาตรงกันทุกสำนักในชั่วโมงนี้

นั่นหมายถึงว่า “ความหล่อ” ที่อยู่คู่กับ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” มาอย่างยาวนานตั้งแต่ก้าวเข้าสู่ถนนการเมืองในปี พ.ศ.2535 จนใครต่อใครเรียกว่า “หล่ออมตะ” บ้างก็บอกว่า “หล่อข้ามพ.ศ.”

แต่วันนี้ดูเหมือนความหล่อนั้น จะไม่จีรังเสียแล้ว เมื่อมันไม่ขลังพอที่จะหยุดยั้งความแรงของเรตติ้ง “ความสวย” ของคู่แข่งที่ชื่อ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เอาไว้ได้....

ดังผลโพลที่ออกมาเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วนั่นแหละครับ!!!

ถามว่า...แพ้-ชนะ ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคเพื่อไทย ตัดสินกันที่บุคลิกความสวย ความหล่อเท่านั้นหรือ? ตอบได้ทันทีว่า...ไม่ใช่!!! เพราะแท้ที่จริงแล้ว มันมีส่วนอื่นๆ อีกมากที่เป็นมาตรวัด

หลายวันก่อน...ผมเขียนเรื่อง “หาก ปชป.พ่ายเลือกตั้งในสนามกรุงเทพฯ นี่คือคำตอบ!” ปรากฏว่า เจอสาวกประชาธิปัตย์ โพสต์เข้ามารุมกระหน่ำเสียยับเยิน...แต่ในเวลาต่อมา สิ่งที่ผมหยิบยกมาเขียนถึงนั่นแหละ ก็เป็นคำอธิบายเดียวกันกับที่หลายคนพูดถึงเหตุแห่งความพ่ายแพ้ของพรรคประชาธิปัตย์เช่นกัน

วันนี้...จึงขออนุญาตเขียนถึงพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง โดยเสริมเติมจากสิ่งที่ได้แสดงความเห็นไปแล้วนั่นแหละ แต่ขอย้ำว่า...ในฐานะของกัลยาณมิตรคนหนึ่งนะครับ!

อย่างแรกเลย...เขาพูดกันว่า ประชาธิปัตย์นั้น กลัดกระดุมเม็ดแรกผิด! ที่ไปเน้นแต่เรื่อง “แดงเผาเมือง-ขบวนการล้มเจ้า-มือปืนชุดดำ-และเรื่องนิรโทษกรรม” โดยไม่ได้มองไปข้างหน้า เหมือนกับข้อความบนป้ายหาเสียงที่ใช้คำว่า “เดินหน้าต่อไป..”

รวมทั้ง การจะไปเปิดเวทีปราศรัยที่ราชประสงค์เอง ก็เป็นผลมาจากการกลัดกระดุมเม็ดแรกไม่ถูกนั่นแหละ แม้จะอธิบายว่า เพื่อไปชี้แจงเหตุการณ์บ้านเมืองในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม...เพราะหากถือเอาเหตุผลนี้มาเป็นหลัก ก็คงต้องไปเปิดเวทีปราศรัยกันที่กรมทหารราบที่ 11 ด้วย

และถ้าจะไม่ให้ตกหล่นกันจริงๆ ก็ต้องย้อนไปถึงค่ายทหาร ที่พากันไปจัดตั้งรัฐบาลด้วย อย่างนี้ครบแน่ๆ จะได้เห็นภาพใหญ่ทั้งหมดของการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในช่วงของความขัดแย้ง ที่มีพรรคประชาธิปัตย์ เป็นตัวละครเอกในการสลายขั้ว และจัดขั้วกันขึ้นมาใหม่

โดยเฉพาะการไปเน้นอยู่แต่เรื่อง “แดงเผาเมือง-ขบวนการล้มเจ้า-มือปืนชุดดำ-และเรื่องนิรโทษกรรม” สามสี่เรื่องที่ว่านี้ ประชาธิปัตย์ ก็ขว้างงูไม่พ้นคอ! และต้องรับไปเต็มๆ เหมือนกัน เพราะมีอำนาจอยู่ในมือแท้ๆ แต่ทำไมไม่จัดการ ปล่อยให้ความไม่ถูกต้องเกิดขึ้น และลอยนวลอยู่จนถึงวันนี้ได้อย่างไร?

ไม่เฉพาะแต่ยุทธศาตร์แบบ “ขว้างงูไม่พ้นคอ”เท่านั้น

บางคนเขาบอกว่า พรรคประชาธิปัตย์ พลาดตั้งแต่การคัดตัวผู้สมัครแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ กทม. ที่เลือกที่รักมักที่ชังแล้วไป”เปลี่ยนม้ากลางศึก” ตรงนี้ ผอ.เลือกตั้งสนามเมืองหลวง “อภิรักษ์ โกษะโยธิน” ก็ยอมรับว่า มันเป็นจุดอ่อน! ที่มีผู้สมัครหน้าใหม่มากถึง 12 เขต

แม้พรรคประชาธิปัตย์ จะพยายามชูความโดดเด่นที่เหนือกว่าพรรคการเมืองอื่น ในเรื่องของการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยชูเรื่อง”พรรคเลือกคน ประชาชนเลือกพรรค” ก็ตาม แต่ในชีวิตจริงนั้น เป็นที่ทราบกันว่า การเลือกคนนั้น มันชี้ขาดกันตรงที่ว่า“เป็นคนของใคร”ด้วย ซึ่งเราก็ได้เห็นจากข่าวการตบตีกันในพรรคอยู่ระยะหนึ่งก่อนที่จะลงตัว!!

เอาเป็นว่า...ทั้งหมดที่ว่ามานี้ ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ ต้องดำดิ่งอยู่ในอารมณ์นี้ และหากสถานการณ์กู่ไม่กลับจริงๆ เขาคาดเดากันว่า ในสนามกทม. ทั้งหมด 33 เขต “แพ้-ชนะ” ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับเพื่อไทย อย่างดีสุดตัวเลขจะอยู่ที่ 16 ต่อ 17 ที่นั่ง ถ้าแย่หน่อยจะอยู่ที่ 13 ต่อ 20 ที่นั่ง และหากแย่สุดๆ จะอยู่ที่ 5-6 ต่อ 27-28 ที่นั่ง

ไม่เชื่อลองเขียนแปะติดข้างฝากันเอาไว้!!

ส่วน “คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ” ไม่ต้องเกรี้ยวกราดถึงขนาดให้คนส่งปี๊บมาให้ผม เก็บเอาไว้ก่อน เผื่อเอาไว้ใช้เองหลังวันที่ 3 กรกฎาคมครับ
นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
กำลังโหลดความคิดเห็น