"ประพันธ์" โต้ "ภูมิชาย" ต้องไปถาม "มาร์ค" สมควรให้ประชาชนรักหรือเปล่า แนะถ้ากลัว "แม้ว" กลับมาต้องร่วม "โหวตโน" เพื่อผนึกกำลังต่อต้าน ไม่ใช่มาดูถูกภูมิปัญญาประชาชน พร้อมปัด "โหวตโน" หวังรัฐประหาร ยันปฎิรูปประเทศได้แน่นอน เพราะหากมีเสียงประชาชนจำนวนมากก็ทำได้แม้กระทั่งแก้กฎหมาย - ปลดนายกฯ ซึ่งเป็นไปตามอำนาจที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน" ปราศรัยโดย "นายประพันธ์ คูณมี"
วันนี้ (27 พ.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 21.00น. นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวปราศรัยบนเวที "รวมพลังปกป้องแผ่นดิน" ถึงกรณีที่ นางศริยา พอลลา เจริญผล หรือ “พี่แป๊ว”เจ้าของร้านอาหารอิตาเลี่ยน เดลิคาเตซซ่า ได้เปิดเผยว่า นายภูมิชาย ล่ำซ่ำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด ได้ไปรับประทานอาหารที่ร้าน แล้วได้เขียนข้อความในกระดาษโน้ตว่า "อย่ารักสนธิมากกว่ารักชาติ ลงชื่อ ภูมิชาย ล่ำซำ และ บอกว่าสิ่งที่พันธมิตรฯทำอยู่จะทำให้เสื้อแดงแฮปปี้มากๆ"
นายประพันธ์ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ที่พี่แป๊วมาขึ้นบนเวที ซึ่งตนเข้าใจดี แต่คุณภูมิชายต้องไปถามว่าทำไมประชาชนเขาถึงไม่สนับสนุน และไม่ชอบการทำงานของนายอภิสิทธิ์ ถ้าคุณอยากให้ประชาชนรักนายอภิสิทธิ์ ก็ต้องไปถามว่านายอภิสิทธิ์ ทำตัวสมควรแก่การที่ประชาชนจะรักหรือเปล่า
ประชาชนเขารักไม่ลง รักไม่ได้ เพราะทำงานแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จสักเรื่องเลย แล้วก็ดีแต่พูด แถมพูดจาโกหก เรื่องใหญ่มันเป็นอย่างนี้ นักการเมืองที่ไม่มีสัจจะ ไม่ยึดมั่นในคำพูดของตนเอง นักการเมืองที่ประชาชนหันหลังให้นั้น จะต้องไปพิจารณาทบทวนตัวเองต่างหากไม่ใช่มาตำหนิต่อว่าประชาชน และถ้าว่าจริงๆแล้ว ถ้าคุณภูมิชาย และคนที่รักประชาธิปัตย์กลัวทักษิณจะกลับมา ก็ต้องมาร่วมกับพี่น้องประชาชนโหวตโนมากๆ เราถึงจะผนึกกำลังกันต่อต้านและต่อสู้กับคนเลวคนชั่วที่จะกลับมาครองเมืองอย่างมีพลัง ไม่ใช่มาชี้หน้าด่าประชาชน หาว่าเขาโง่งมงาย หาว่าเขาไปหลงรักสนธิ ไปเชื่อคนนั้นคนนี้ คุณดูถูกภูมิปัญญาของประชาชนมากไป
"คนในตระกูลนี้ผมเคารพรักมาก ผมรู้จักส่วนใหญ่ และก็เป็นคนดี แต่บางทีวิธีคิด วิธีมองปัญหาทางการเมือง ไม่เข้าใจปัญหา แท้จริงแล้วคุณไม่ได้กลัวทักษิณกลับมาหรอก คุณกลัวนายอภิสิทธิ์ไม่ได้เป็นนายกฯ ต่างหาก คุณกลัวเขาแพ้เลือกตั้งต่างหาก ไอ้ทักษิณกลับมาน่ะไม่มีใครเขากลัวเลย แล้วคุณกลัวอะไรล่ะ ถ้าคุณกลัวเขามา ก็มาร่วมกับพวกเราสู้กับมันสิ ไม่เห็นยากเลย" นายประพันธ์ กล่าว
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า ถ้าวันนี้หากนายอภิสิทธิ์ทำ 3 อย่างที่ตนแนะนำ ประชาชนทั้งแผ่นดินเขาก็จะสนับสนุนคุณเอง 1. คุณเป็นผู้นำประเทศ ต้องกล้าสั่งกองทัพให้เอากำลังขับไล่ ผลักดันทหารกัมพูชาออกไปทันที ยกเลิก MOU อย่าไปกอดมันไว้ มันเป็นเพียงเศษกระดาษ ฉีกทิ้งต่อหน้าฮุน เซน ยังได้เลย เรื่องปกป้องชาติปกป้องแผ่นดิน ถ้าคุณทำอย่างนี้ คนทั้งแผ่นดินจะรักคุณและยอมตายร่วมกับคุณเพื่อปกป้องแผ่นดิน
เรื่องที่ 2 อย่าปล่อยให้รัฐบาลของคุณโกง ทุจริต ปล้นบ้านกินเมือง แล้วกล้าสู้กับการทุจริตคดโกงของนักการเมืองและพรรคการเมือง ไม่เว้นแม้กระทั่งในพรรคของตัวเอง ถ้าคุณกล้าต่อสู้กับเรื่องนี้ รับรองจะได้ประชาชนทั้งประเทศเป็นพวกอย่างแน่นอน
เรื่องที่ 3 ต้องออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ กวาดล้างขบวนการล้มเจ้า ให้สิ้นซากจากแผ่นดิน ไม่ใช่ปล่อยให้ลอยนวลอยู่ แล้วยังไปประกันตัวมันออกมาอีก มิหนำซ้ำ ทหาร ที่วันหนึ่งกล่าวหาเขาว่าล้มเจ้า ออกหมายจับจนเขาหนีไปต่างประเทศ มาบอกว่า แผนผังอันนี้เป็นเพียงแผนผังเชื่อมโยงเครือญาติ และความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนฝูง พี่น้อง หรือการทำธุรกิจร่วมกัน มันสมเพช
แม้แต่คนที่เป็นทหารด้วยกันเอง เขายังสมเพชนายทหารคนนั้นเลย ที่ไปให้การเช่นนั้นในศาล มันพูดเช่นนั้นได้อย่างไร เขาแทบจะเอาปี๊บคลุมหัวเมื่อเห็นนายคนนี้พูดอย่างนั้น แต่ที่มันเป็นอย่างนี้ก็เพราะรัฐบาล และผู้นำประเทศไม่ใส่ใจต่อปัญหาสำคัญของบ้านเมืองต่างหาก
ส่วนเรื่องอื่น เรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความยากจน ปัญหาสินค้าราคาแพง ขาดแคลน คุณแก้ปัญหาไม่ได้ คุณภูมิชายก็ต้องไปอบรมนายอภิสิทธิ์ ทำงานอย่างนี้ แต่อยากให้ประชาชนรัก อยากให้ประชาชนเลือกมันไม่น่ารังเกียจเกินไปหรือ พวกคุณเห็นแก่ตัว ห่วงใยนายอภิสิทธิ์ พรรคประชาธิปัตย์ มากกว่าห่วงใยประเทศชาติ และสมัยหน้าเขาก็ถีบหัวส่ง เขาไม่เอานายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯแล้ว สุเทพ เนวิน บรรหาร เตรียมที่จะเสนอ เสธ.หนั่น ขึ้นมาแล้ว
นายประพันธ์ ยังกล่าวอีกว่า การไม่ประสงค์จะลงคะแนนของประชาชน คือ การกบฏต่อนักการเมือง และคือการปฏิวัติเงียบของประชาชน ยิ่งมากเท่าไหร่จะเป็นเรื่องประกาศให้รู้ว่าคนที่ออกมาโหวตโน คือพวกที่เป็นกบฏจากนักการเมืองทั้งปวง
เมื่อตัวเลขมันออกมา ว่า 3 ล้าน 5 ล้าน อำนาจของประชาชนเหล่านี้ก็ใหญ่พอๆกันหรือใหญ่มากกว่าพวกนักการเมืองอีก แล้วโหวตโนจะเป็นการแก้โรคประชาธิปไตย 4 วินาที ได้อย่างดีที่สุด นอกจากนั้นจะทำให้นักการเมืองหันไปปรับปรุงตัวเอง และจะทำให้การเมืองมีโอกาสพัฒนา มีโอกาสได้คนดีที่ฟังเสียงประชาชนเข้ามาปกครองบ้านเมือง
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า อีกคำถามมีคนถามบ่อยว่า โหวตโนไม่มีผลทางกฎหมาย โหวตไปก็เท่านั้นอย่างไรเขาก็ตั้งรัฐบาลอยู่ดี คนที่พูดอาจจะพูดเฉพาะในวันนี้ แม้ไม่มีผลทางกฎหมายก็จริง แต่ส่งผลสะเทือนทางการเมืองอย่างยิ่งใหญ่ต่อระบอบการเมืองการเลือกตั้งที่เป็นอยู่ และจะนำไปสู่การสร้างกฎหมายใหม่ หรือบรรทัดฐานใหม่ รวมกระทั่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญในโอกาสต่อไปด้วย
การเข้าชื่อถอดถอนนักการเมืองใช้เสียงแค่ 1-2 หมื่นเสียง การเข้าชื่อเสนอกฎหมาย ใช้เสียงแค่ 5 หมื่นเสียง การเข้าชื่อเพื่อขอแก้ไขกฎหมาย เสนอกฎหมาย ใช้เสียงแค่ 2-3 หมื่นเสียง เราจะทำได้อีกมากมายด้วยคะแนนเสียงที่เป็นกอบเป็นกำนี้
นอกจากนั้น ยังมีพวกนักเลือกตั้ง พวกที่อยากเลือกตั้ง จะบอกว่าทำไมไม่เอาคะแนนโหวตโนไปสนับสนุนพรรคใดพรรคหนึ่ง คือพวกนี้อยากจะได้คะแนนจากพวกเรา ก็พยายามมาอ้อนว่าเอาคะแนนไปสนับสนุนพรรคใดพรรคหนึ่งสิ ถ้าทำอย่างนั้น มันก็คือจำนนต่อระบอบเลือกตั้งและระบอบการเมืองในขณะนี้เท่านั้นเอง มันจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรที่เป็นคุณประโยชน์
คือมันไม่มีประโยชน์ที่จะเอาคนใดคนหนึ่งเข้าไปเป็นเหยื่ออยู่ในระบอบนี้ สุดท้ายเข้าไปเดี๋ยวก็ถูกระบอบนี้กลืนไป เราต้องการการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น เราไม่ต้องการเศษเล็กเศษน้อยจากนักการเมือง
ตัวแสบอีกคนหนึ่งที่พูดแบบนี้ คือหาว่าเราโหวตโนหวังได้อำนาจทางลัด หนุนรัฐประหาร หรือหวังได้นิรโทษกรรม โน่นไปโน่น มันบ้า เสียสติไปแล้ว เราใช้สิทธิ์ไม่ประสงค์ลงคะแนนนี่เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย มันจะไปสนับสนุนการปฏิวัติรัฐประหารอย่างไรความจริงแล้วพวกที่สนับสนุนการปฏิวัติรัฐประหาร คือพวกนักการเมือง พรรคการเมือง คือการโกง การกิน การทุจริต การขายชาติ การล้มเจ้า ของพวกคุณต่างหากที่ทำให้เกิดการรัฐประหาร ไม่ใช่การโหวตโน
โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวว่า ถ้าโหวตโนคะแนนเป็นล้านๆ 3,4,5 ล้าน นี่คือพลังของประชาชนที่ไม่เอาระบอบการเมืองนี้ ถามว่าใช้ทำอะไรได้บ้าง สามารถเสนอให้รัฐบาล สภา ต้องแก้กฎหมาย ต้องปฏิรูปบ้านเมืองได้ด้วย โดยรัฐธรรมนูญ 2550 ให้ประชาชนเสนอแก้กฎหมายได้ ให้ประชาชนเสนอแก้แม้กระทั่งรัฐธรรมนูญได้
ให้ประชาชนเสนอมีการปฏิรูปบ้านเมืองได้ ให้ประชาชนเสนอกฎหมายควบคุมนักการเมืองยังได้เลย ให้ประชาชนเสนอกฎหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงกฎหมายการเลือกตั้งของประเทศ เพื่อทำให้การเข้าสู่อำนาจทางการเมืองนั้นไปสู่ระบบใหม่ ที่มีหลักประกันว่า อำนาจของประชาชนจะไม่ถูกปล้น หรือฉ้อฉลไปเพื่อประโยชน์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
ถ้าพลังของโหวตโนรวมกันเป็นปึกแผ่น อย่าลืมนะสามารถยื่นถอดถอนนักการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ลองนึกดูถ้านายกฯ คนนี้โกง มีคนลงคะแนนเข้าชื่อกัน 5 ล้านคนให้ถอดถอน จะหน้าด้านอยู่ได้ไหม มีคนลงชื่อเป็นล้านให้ปลดนายกฯ รับรองมันอยู่ไม่ได้
เพราะฉะนั้นคะแนนโหวตโน จะเป็นคะแนนที่แสดงพลัง ศักยภาพ และพลังของประชาชน ถ้าใช้ให้เป็น นี่เอาตามระบอบตามกฎหมาย แม้กระทั่งการเสนอนโยบายของรัฐบาล การแก้ไขปัญหา และรัฐบาลจะไปทำสัญญากับประเทศอะไรต้องมาประชาวิจารณ์และรับฟังความเห็นของประชาชน
"เพราะฉะนั้นพลังโหวตโนมันมีพลังที่มีศักยภาพมีคุณประโยชน์มากมายหลายประการ ในทางกฎหมาย ในทางการเมือง และที่สำคัญ ประชาชนนี่แหล่ะจะเป็นคลื่นมหาชนที่จะเป็นพลังเรียกร้องให้ปฏิรูปเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองตามความประสงค์ของพี่น้องประชาชน ซึ่งวันนี้เราเห็นว่าท่านอานันท์ก็ดี อ.ประเวศ ก็ดี คณะกรรมการ นักวิชาการ ภาคประชาชนหลายองค์กรแม้กระทั่งวันที่ 1 ใน 21 องค์กร เขาจะรวมตัวประกาศคัดค้านการทุจริตคอร์รัปชั่นและไม่จ่ายใต้โต๊ะให้นักการเมืองเหล่านี้ การทำเรื่องพวกนี้ถ้าพลังเหล่านั้นมารวมตัวเป็นพลังพรรคโหวตโน มันจะเกิดคลื่นประชาชนที่จะนำไปสู่การปฏิรูปเปลี่ยนแปลงในทุกๆด้าน ที่เราเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี" นายประพันธ์ กล่าว
คำต่อคำ
สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักทุกท่านครับ และกราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องทางบ้าน และที่ตั้งเวทีคู่ขนานกับเวทีพันธมิตรฯ รวมทั้งสภากาแฟทั่วประเทศด้วยครับ ได้เวลาที่มาพบกันอีกครั้งหนึ่ง และกราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องที่อยู่ต่างประเทศ รวมทั้งคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ขณะนี้ก็คงพบปะกับพี่น้องคนไทยในต่างประเทศครับ
ก็ข่าวดีว่า ยืนยันว่าพี่น้องคนไทยในต่างประเทศไม่น้อยกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ทุกประเทศ ไม่ว่าในยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย ยืนยันว่าโหวตโนแน่นอนครับ นี่จะเป็นปรากฏการณ์การเลือกตั้งครั้งแรกของประเทศที่คนไทยที่อยู่ต่างแดน ส่วนใหญ่แล้วจะประมาณ 80-90 เปอร์เซ็นต์ จะไปใช้สิทธิ์ เพราะเขาสามารถเลือกตั้งในต่างแดน ไปใช้สิทธิ์ที่กงสุลได้ หรือที่สถานทูตได้ และผลคะแนนก็จะส่งมาประเทศไทย คนที่อยู่ต่างประเทศนั้นก็หลายแสน หลายล้านคนนะครับ โดยเฉพาะแอลเอ นี่หลายแสนคนเลย คนไทยส่วนใหญ่สนับสนุนการรณรงค์และการตัดสินใจโหวตโนของพวกเราในประเทศไทยครับพี่น้อง ไม่เพียงสนับสนุนอย่างเดียวนะครับ ยังส่งเงินเข้ามาสนับสนุนการรณรงค์โหวตโนของพวกเราทั่วประเทศด้วย นี่ก็ต้องถือว่าเป็นความห่วงใยชาติบ้านเมืองของพี่น้องคนไทยที่อยู่ต่างประเทศที่ควรแก่การยกย่องอย่างยิ่งครับพี่น้อง ปรบมือให้กับพี่น้องชาวไทยในต่างประเทศด้วยนะครับ
พี่น้องที่เคารพรักครับ ผมมาและได้มีโอกาสได้ฟังทุกวันละครับ เวทีเสวนาวิชาการ เพราะว่ามันเป็นเวลาที่ช่วยบิลต์อารมณ์ได้เป็นอย่างดีเวลามาปราศรัย เสวนาวิชาการวันนี้ ทั้ง 3 ท่าน ไม่ว่าพี่สุวัตร อภัยภักดิ์ อ.ปานเทพ อ.เทพมนตรี คุณเติมศักดิ์ เปิดเผยและพูดถึงปัญหาของประเทศชาติ ปัญหาเรื่องอธิปไตย ปัญหาการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ที่ล้มเหลวของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ อย่างค่อนข้างจะหมดเปลือก และเผยตัวตนของนายกฯ อภิสิทธิ์ อย่างล่อนจ้อนและถึงกึ๋นจริงๆ ครับ ขนาดพี่สุวัตร"คนที่มีความรู้ความสามารถอย่างนี้มันไม่เอาไปใช้ทำงาน มันใช้ควายไปทำงาน แล้วมันจะชนะคดีที่ศาลโลกได้อย่างไร" นี่นานๆ จะเห็นพี่สุวัตรของขึ้นสักทีหนึ่งนะครับ
คือนักกฎหมายทุกคนนะครับ มาเห็นการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ของรัฐบาลนายกฯ อภิสิทธิ์ โดยเฉพาะเรื่องทางกฎหมาย ที่จะไปศาลโลก มันไม่น่าเชื่อว่าประเทศไทยและกระทรวงการต่างประเทศทั้งกระทรวงจะโง่เขลาและอ่อนด้อยปัญญากว่าประเทศกัมพูชาครับ ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องอย่างนี้นักกฎหมายดูแป๊บเดียวก็รู้แล้ว ทำไมทะลึ่งอยากจะไปกันนักกันหนา ศาลโลกมันมีอะไรกันนักกันหนา ไอ้กระทรวงต่างประเทศเนี่ย แล้วรัฐบาลมันลงทุนถึงไปเสียเงินเสียทอง ไม่ต้องไปจ้างเลยทนาย 3 คน ในต่างประเทศน่ะ เสียดายเงินงบประมาณแผ่นดินจริงๆ ครับ
เรื่องไร้สาระมาก สู้กับเขมรในเรื่องกฎหมายเรื่องนี้ ผมบอกนายอภิสิทธิ์นะ คุณกล้าเดิมพันกับผมมั้ย ถ้าคุณไปสู้คดีแพ้ ผมจะต้องขอตัดคอคุณกลางสนามหลวง แต่ถ้าคุณให้ทีมผม สุวัตร์ อ.สมปอง ปานเทพ ไปสู้คดี ถ้าแพ้นะมึงมาตัดคอกูเลย กล้าเดิมพันชีวิตกันมั้ย ไร้สาระจริงๆ ครับ โง่เขลา เอาประเทศไม่รอด ด้วยเหตุนี้ มันฟังแล้วมันรู้สึกเศร้าใจ สะเทือนใจว่า ทำไมประเทศไทยถึงมีผู้นำแบบนี้
พี่น้องครับ มีคนพยายามที่จะกล่าวหาพวกเรา และกล่าวหาการออกมาชุมนุมของพวกเรา และพยายามที่จะสรรหาคำใส่ร้ายป้ายสีกล่าวโทษพวกเรา ด้วยถ้อยคำต่างๆนานาซึ่งก็เป็นคนที่มาจากคนที่มีความรู้ มีการศึกษาอยู่บ้าง แต่เป็นความรู้ในตำรา อาจจะมีชาติตระกูลอยู่ แต่โง่เขลาไม่ทันนักการเมืองไทยครับพี่น้องครับ ไม่ทันเกมของคนชั่วคนโกง ก็เลยอยากจะกราบเรียนพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ และบรรดาคนที่ยังหลงไหลได้ปลื้มหรือยังงมงายหลงรักนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือพรรคประชาธิปัตย์อยู่ก็ตาม ได้โปรดเข้าใจว่า ที่พวกเราออกมาชุมนุมอยู่ที่นี่ เรามีจุดยืนที่แน่วแน่ของเรา ว่าเรามาปกป้องแผ่นดิน รักษาเอกราชของชาติ และปกป้องผลประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นสำคัญ ไม่ใช่เรื่องจงเกลียดจงชังหรือมีความไม่พอใจพรรคใด คนใดเป็นการส่วนตัว ไม่มี ไม่ได้จงเกลียดจงชังใครเลยเป็นส่วนตัว ไม่ได้ต้องการให้พรรคนู้นมา พรรคนี้มา ไม่อยากให้นายอภิสิทธิ์อยู่ต่อไป ไม่มี เพราะจุดยืนของเราคือ ไม่ชอบทั้ง 2 ฝ่ายครับ จุดยืนของพันธมิตรฯ ชัดเจน เรารักชาติ รักประเทศ มากกว่ารักนายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ และไม่ได้รับนายทักษิณและพวกทักษิณอีกด้วย นี่คือจุดยืนของพวกเรา
สื่อมวลชนบางคน เมื่อวานที่คุณแอนพูดว่า หาว่าพวกเราบ้า รักชาติจนบ้า ถึงบ้ารักชาติก็ดีกว่ามึงที่บ้ารักไอ้มาร์คโว้ย งมงาย ไร้สาระ ทำตัวกอดแข้งกอดขาเขา ไม่ดูเลยว่าเขาทำงานแก่ควรการยกย่อง นับถือ รักใคร่ ขนาดที่คุณจะไปเลียหน้าแข้งเขาหรือเปล่า จะมากล่าวหาว่าพันธมิตรฯ บ้ารักชาติ รักชาติแบบไม่มีเหตุผล ความจริงรักชาติไม่ต้องอธิบายเหตุผล แต่มึงรักมาร์คต้องอธิบายเหตุผลว่ามันมีดีอะไรต่างหาก คุณรักประชาธิปัตย์ คุณต้องอธิบายเหตุผลว่า ประชาธิปัตย์มีอะไรดี แต่เรารักชาติไม่ต้องอธิบาย ก็รักชาติรักประเทศ มันมีความหมายอยู่ในตัวอยู่แล้ว
เมื่อวานนี้ที่พี่แป๊วมาขึ้นรายการบนเวที ผมก็แปลกใจว่า พี่แป๊วจะมาทำกับข้าว แนะนำวิธีทำกับข้าวบนเวทีหรืออย่างไร ปรากฏว่า พี่แป๊วพูดถึงบุคคลคนหนึ่งนามสกุลล่ำซำ คุณภูมิชาย ซึ่งผมเข้าใจดีนะครับคุณภูมิชาย คุณต้องไปถามว่า ทำไมประชาชนเขาถึงไม่สนับสนุน และไม่ชอบการทำงานของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถ้าคุณอยากให้ประชาชนรักนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ต้องไปถามว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำตัวสมควรแก่การที่ประชาชนจะรักหรือเปล่า ทำไมคนเหล่านี้เขาถึงหันหลังให้คุณ คุณต้องไปศึกษาตรงนั้น และยิ่งถ้าคุณได้ฟังเวทีเสวนาการ การแก้ไขปัญหาเรื่องไทย - กัมพูชา เรื่องแผ่นดินของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เห็นไหมครับ มันพูดกลับไปกลับมา กลับมากลับไป เป็นฝ่ายค้านพูดอย่าง เป็นรัฐบาลพูดอย่าง พูดแล้วไม่เคยรักษาสัจจะ คำพูด และไม่เคยทำตามคำพูดของตัวเองแม้แต่ครั้งเดียวครับพี่น้อง แล้วปัญหาเรื่องใหญ่ เรื่องที่เขามารถกรานยึดครองแผ่นดินไทย ตอบไม่ได้ อธิบายไม่ได้ พูดต่อหน้าประชาชนอย่างหนึ่ง ถ้าผมทำให้เสียแผ่นดิน ผมก็ไม่ควรจะอยู่ในบ้านนี้เหมืองนี้ และจริงๆคุณรู้อยู่แล้วว่าคุณเสียไหมล่ะ ที่เขามายึดครองแผ่นดินทุกวันนี้ คุณภูมิชายต้องไปถามคุณอภิสิทธิ์ซิ ใช่ไหมครับพี่น้อง
ว่าถ้าคุณอภิสิทธิ์ เป็นอย่างนี้ ประชาชนเขารักไม่ลง รักไม่ได้ เพราะทำงานแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จสักเรื่องเลย แล้วก็ดีแต่พูดใช่ไหมครับพี่น้องครับ แถมพูดจาโกหก เรื่องใหญ่มันเป็นอย่างนี้ นักการเมืองที่ไม่มีสัจจะ ไม่ยึดมั่นในคำพูดของตนเอง นักการเมืองที่ประชาชนหันหลังให้นั้น จะต้องไปพิจารณทบทวนตัวเองต่างหากไม่ใช่มาตำหนิต่อว่าประชาชน ใช่ไหมครับพี่น้อง และถ้าว่าจริงๆแล้ว ถ้าคุณภูมิชาย และคนที่รักประชาธิปัตย์กลัวทักษิณจะกลับมา ถ้าคุณกลัวทักษิณจะกลับมาคุณก็ต้องมาร่วมกับพี่น้องประชาชนโหวตโนมากๆซิ มารวมพลังกับพี่น้องประชาชนซิ ใช่ไหมครับพี่น้อง เราถึงจะผนึกกำลังกันต่อต้านและต่อสู้กับคนเลวคนชั่วที่จะกลับมาครองเมืองอย่างมีพลัง ไม่ใช่มาชี้หน้าด่าประชาชน ใช่มั้ยครับ หาว่าเขาโง่งมงาย หาว่าเขาไปหลงรักสนธิ ไปเชื่อคนนั้นคนนี้ คุณดูถูกภูมิปัญญาของประชาชนมากไป ผมถึงอยากจะกราบเรียนว่า คนในตระกูลนี้ผมเคารพรักมาก ผมรู้จักส่วนใหญ่ และก็เป็นคนดี แต่บางทีวิธีคิด วิธีมองปัญหาทางการเมือง ไม่เข้าใจปัญหา แท้จริงแล้วคุณไม่ได้กลัวทักษิณกลับมาหรอก คุณกลัวนายอภิสิทธิ์ไม่ได้เป็นนายกฯ ต่างหาก คุณกลัวเขาแพ้เลือกตั้งต่างหาก ใช่มั้ยครับ ไอ้ทักษิณกลับมาน่ะไม่มีใครเขากลัวเลย แล้วคุณกลัวอะไรล่ะ ถ้าคุณกลัวเขามา ก็มาร่วมกับพวกเราสู้กับมันสิ ใช่มั้ยครับ ไม่เห็นยากเลย
แต่ไอ้ที่เขาจะมาได้ก็เพราะคุณทำงานไม่เป็นไง คุณบริหารบ้านเมืองล้มเหลวไง คนที่คุณรักคุณชอบน่ะ แล้วคุณจะไปตำหนิด่าว่าประชาชนได้อย่างไรล่ะ เพราะฉะนั้นถ้าคุณบริหารบ้านเมืองดี ทำงานดี ไม่มีวันที่ทักษิณจะได้เกิดขึ้นและกลับมาอีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน ใช่มั้ยครับ และที่สำคัญนะครับ ถ้าวันนี้นายอภิสิทธิ์ทำ 3 อย่างที่ผมแนะนำนะ ประชาชนทั้งแผ่นดินเขาก็จะสนับสนุนคุณเอง 1. คุณเป็นผู้นำประเทศ คุณต้องกล้าจะสั่งกองทัพให้เอากำลังขับไล่ ผลักดันทหารกัมพูชาออกไปทันที ยกเลิก MOU อย่าไปกอดมันไว้ มันเป็นเพียงเศษกระดาษ ฉีกทิ้งต่อหน้าฮุน เซน ยังได้เลยใช่ไหมครับ คุณมีภาวะผู้นำรึเปล่า คุณทำซิ เรื่องปกป้องชาติปกป้องแผ่นดิน ถ้าคุณทำอย่างนี้ คนทั้งแผ่นดินจะรักคุณและยอมตายร่วมกับคุณเพื่อปกป้องแผ่นดิน
เรื่องที่ 2 คุณอย่าปล่อยให้รัฐบาลของคุณโกง ทุจริต ปล้นบ้านกินเมืองซิ แล้วคุณกล้าสู้กับการทุจริตคดโกงของนักการเมืองและพรรคการเมือง ไม่เว้นแม้กระทั่งในพรรคของตนเอง ถ้าคุณกล้าหาญและกล้าต่อสู้กับเรื่องนี้ รับรองคุณจะได้ประชาชนทั้งประเทศเป็นพวกอย่างแน่นอน
เรื่องที่ 3 คุณต้องออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ กวาดล้างขบวนการล้มเจ้า ให้สิ้นซากจากแผ่นดิน ไม่ใช่ปล่อยให้ลอยนวลอยู่ แล้วยังไปประกันตัวมันออกมาอีก มิหนำซ้ำ ทหาร ที่วันหนึ่งกล่าวหาเขาว่าล้มเจ้า ออกหมายจับจนเขาหนีไปต่างประเทศ มาบอกว่า แผนผังอันนี้เป็นเพียงแผนผังเชื่อมโยงเครือญาติ และความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนฝูง พี่น้อง หรือการทำธุรกิจร่วมกัน มันสมเพชไหมครับพี่น้อง แม้แต่คนที่เป็นทหารด้วยกันเอง เขายังสมเพชนายทหารคนนั้นเลย ที่ไปให้การเช่นนั้นในศาล มันพูดเช่นนั้นได้อย่างไร เขาแทบจะเอาปี๊บคลุมหัวเมื่อเห็นนายคนนี้พูดอย่างนี้ แต่ที่มันเป็นอย่างนี้ก็เพราะรัฐบาล และผู้นำประเทศไม่ใส่ใจต่อปัญหาสำคัญของบ้านเมืองต่างหาก
ส่วนเรื่องอื่น เรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความยากจน ปัญหาสินค้าราคาแพง ขาดแคลน คุณแก้ปัญหาไม่ได้ ประชาชนต้องเข้าแถวซื้อสินค้า ไม่มียุคใดสมัยใดที่ประเทศไทยสินค้ามีราคาแพงและขาดแคลน จนกระทั่งประชาชนต้องเข้าคิวซื้อกันขนาดนี้ คุณภูมิชายก็ต้องไปอบรมนายอภิสิทธิ์ คุณทำงานอย่างนี้ แต่อยากให้ประชาชนรัก อยากให้ประชาชนเลือกผมคิดว่ามันไม่น่ารังเกียจเกินไปหรือครับ สำหรับความเห็นแก่ตัวของพวกคุณ คุณห่วงใยนายอภิสิทธิ์ ห่วงใยพรรคประชาธิปัตย์ มากกว่าห่วงใยประเทศชาติ และประชาชน นี่คือปัญหาของพวกคุณ
เพราะฉะนั้นพี่น้องที่เคารพรักครับ คนพวกนี้ยังจะไม่รู้สำนึกหรอก ว่าตัวเองทำอะไรผิดพลาด แต่มองเห็นแต่ความผิดของคนอื่น และมักจะโทษคนอื่น ประชาชนฉลาดที่สุดครับพี่น้อง และหูตาแหลมยิ่งกว่าเข็ม มองคนดีคนชั่วคนเลวคนจริงใจ มองแผลบเดียวก็รู้ เขารู้ว่า นายอภิสิทธิ์เป็นคนไม่จริงใจกับประชาชน ดีแต่แหลดีแต่พูด นี่ต่างหากที่เขาถึงหมดสิ้นภาวะความเป็นผู้นำ และสมัยหน้าเขาก็ถีบหัวส่ง เขาไม่เอาคุณเป็นนายกฯแล้ว สุเทพ เนวิน บรรหาร เขาเตรียมที่จะเสนอคนใหม่ขึ้นมาแล้ว เตรียมเสธ.หนั่นไว้แล้วนู้น ไปนู้นเลยยิ่งหนักเข้าไปใหญ่พี่น้อง เขาไม่เอาคุณหรอก ทำงานอย่างนี้ใครเขาอยากจะได้เป็นนายกฯ ผมไปจ้างถูบ้านยังไม่จ้างเลยครับ เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่ออย่างนี้
เพราะฉะนั้นอยากจะกราบเรียนพ่อแม่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศว่า จุดยืนของเรานั้น เราเอาชาติบ้านเมือง ประเทศ เป็นที่ตั้ง เราไม่สนับสนุนทั้งพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ไม่สนับสนุนพรรคใดๆ และนักการเมืองคนใดทั้งสิ้นในระบบที่เป็นอยู่ในขณะนี้ บอกไว้ด้วย ไม่ใช่ว่าเราวิพากษ์วิจารณ์คุณเพราะเรารักฝ่ายนู้น ไม่ใช่ เราก็วิพากษ์วิจารณ์ทั้ง 2 ฝ่าย และก็วิพากษ์วิจารณ์อย่างถึงกึ๋นว่ามันใช้ไม่ได้ เราถึงใช้คำว่าอัปรีย์ไปจัญไรมาไงครับ
เพราะงั้นคุณรู้จุดยืนของพวกเราดีอยู่แล้ว ว่าเรามีจุดยืนอย่างนี้ และพันธมิตรฯ เป็นคนที่เอาเชือกมาสนตะพายไม่ได้ครับ
สามก็คือ นายอภิสิทธิ์ก็ดี พรรคเพื่อไทยก็ดี ทุกพรรคที่อาสาตัวจะมาเป็นรัฐบาลปกครองประเทศ รวมทั้ง พล.ต.สนั่น ด้วย ต้องพิจารณาตัวเองด้วยว่า ตัวเองนั้นเหมาะสมที่จะมาเป็นผู้นำประเทศหรือไม่ ใช่มั้ยครับ เหมาะสมที่จะให้ประชาชนเลือกหรือไม่
ส่วนประการที่ 4 จุดยืนของพวกเรา ไม่ว่าใครมาปกครองบ้านเมือง ประเทศนี้ ยามนี้ก็ตาม ถ้าทำชั่ว ขายชาติ โกงแผ่นดิน ก็ต้องเจอกับพวกเราอย่างแน่นอน ไม่มีปัญหาเลย คุณไม่ต้องห่วง เราไม่มีวันถอยอยู่แล้ว ประชาธิปัตย์มาทำไม่ดี เราก็ค้าน เพื่อไทยมาทำไม่ดี จะปล่อยไว้ทำพันธุ์อะไร ใช่มั้ยครับ
เพราะฉะนั้นคุณควรจะขอบคุณที่มีประชาชนอย่างพวกเราอยู่ เหมือนหมาเฝ้าบ้าน เหมือนยามเฝ้าแผ่นดิน คุณทำไมไม่เห็นความสำคัญของประชาชนเหล่านี้ ถ้าไม่มีประชาชนเหล่านี้ต่างหาก ที่บ้านเมือง กลุ่มธุรกิจอย่างพวกคุณนั้นจะถูกอีกฝ่ายหนึ่งเหยียบบี้แบน ไม่มีจุด ไม่มีที่ยืนด้วยซ้ำไป ใช่มั้ยครับ
จึงยืนยันได้ว่าเรานั้นยึดถือประโยชน์ชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง ตัวบุคคล พรรคไม่ใช่สาระสำคัญ เราเอาประเทศไทยเป็นสำคัญใช่ไหมครับพี่น้อง
ทีนี้พี่น้องครับ วันนี้มีผู้หลักผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่ผมเคารพนับถืออย่างสูง ท่านกรุณาโทรมาถามผมว่า มีคนสนใจเรื่องโหวตโน และสนใจที่ผมพูด อธิบายกับพี่น้องประชาชนมาก ปัญหาคือ ท่านถามว่าโหวตโนแล้วถ้าได้เสียงของประชาชนจำนวนมากมาลงคะแนนไม่ประสงค์ลงคะแนนแล้ว เราจะนำเสียงนี้ไปทำอะไรให้เกิดประโยชน์กับบ้านเมือง และจะนำพาไปสู่การทำอะไร พวกเขาอยากจะฟัง และไม่ใช่คนที่มาร่วมชุมนุม คนที่ไม่ได้มาชุมนุม และคนอื่นๆ ที่เขาสนใจบ้านเมือง และห่วงใยบ้านเมือง เขาเบื่อการเมือง เขาอยากจะไปโหวตโน แต่เขาอยากถามว่า เมื่อไปโหวตโนได้คะแนนมากๆ แล้วจะเกิดประโยชน์อะไร และคะแนนเหล่านั้นจะนำพาชาติบ้านเมืองไปทางไหนอย่างไร ขอให้ผมช่วยอธิบายด้วย ท่านผู้ใหญ่ท่านนี้ถือว่าผมกราบเท้าได้ เพราะท่านเป็นคนห่วงใยชาติบ้านเมือง และมีผลงานในการปกป้องผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง มาอย่างน่านับถือ ถ้าเอ่ยชื่อท่านต้องรู้ทันที แต่ยืนยันว่า ช่วงชีวิตของท่านต่อสู้เพื่อความถูกต้องมาโดยตลอด
ผมยินดีว่า วันนี้อยากพูดประเด็นนี้ และเมื่อจะพูดในประเด็นนี้ เมื่อเช้าดูข่าวปรากฏว่า รายการชั่วโมงข่าว ช่อง TNN สัมภาษณ์คุณสุทธิชัย ทวีชัยการ เลขาฯ กกต. เขาให้สัมภาษณ์เพราะว่า นายประเกียรติ นาสิมมา กล่าวพาดพิงถึงประธาน กกต. นายอภิชาต สุขัคคานนท์ หาว่านายอภิชาตเข้าพบ ฯพณฯ พล.อ.เปรม เพื่อบีบบังคับ หรือหาทางไม่ให้เลือกตั้ง ซึ่งอันนี้เป็นการใส่ร้ายและเป็นการให้ข่าวอันเป็นเท็จ คุณสุทธิพล ทวีชัยการ ก็มาให้สัมภาษณ์ออกช่องทีเอ็นเอ็น ชี้แจงประเด็นนี้ว่า ประธาน กกต.ไม่เคยไปพบท่านองคมนตรีในประเด็นเรื่องนี้ แต่อยู่ที่วัดบวรนิเวศเพื่อเข้าพิธีปลุกเสกพระไพรีพินาศ และวันนี้ประธาน กกต.ก็มาชี้แจงรายละเอียดแล้วว่า วันที่ เวลาดังกล่าว คือวันที่ 22 พฤษภาคม ท่านไปทำภารกิจอะไร ข่าวดังกล่าวจึงเป็นความเท็จ แต่นักข่าวก็ถามไปเลยถึงประเด็นเรื่องการเลือกตั้ง คุณสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ให้ความเห็นว่า คณะกรรมการ กกต.คาดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เขาคิดว่าจะมีผู้มาลงคะแนนมาก แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว เขาเชื่อว่าประชาชนคงออกมาใช้สิทธิ์ไม่มากตามที่คาดหวังไว้ครับพี่น้อง สาเหตุที่เลขาฯ กกต.ให้สัมภาษณ์นั้นความจริงแล้วผมขอให้ทีมงานเอาเทปเสียงคำสัมภาษณ์ของท่านมาออกให้ท่านพูดโดยตรงจะดีมาก แต่บังเอิญว่าทีมงานไม่สามารถเอาเสียง ภาพมาได้ เพราะว่ามันเป็นของทีวีช่องอื่น ท่านก็เลยให้สัมภาษณ์ว่า เหตุใดการเลือกตั้งครั้งนี้คนจึงมาใช้เสียงน้อย เพราะ 1.มันมีสถานการณ์ที่นำไปสู่ความรุนแรงครับพี่น้อง มีเหตุการณ์ยิง ฆ่าฟันกัน และมีการกล่าวหาใส่ร้ายกันอย่างรุนแรง ชกกัน แข่งขันกันฝ่ายเดียวไม่พอ ระหว่างผู้สมัครเลือกตั้ง วันนี้ผู้สมัครรับเลือกตั้งมันมาชกกรรมการซะแล้วครับพี่น้อง มันชกกันเองไม่พอ ดันมาชกกรรมการเข้าให้ หาว่ากรรมการไม่เป็นกล่ง จะมีพฤติกรรมอย่างนั้นอย่างนี้ จะเลือกตั้งก็เลือกตั้ง กรรมการเขาไม่มีวันจะไปเข้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยู่แล้ว เพราะฝ่ายใดชนะมาเขาก็ไม่ได้อะไรดี นี่เลขาฯ กกต.บอก แล้ว 2.เรามีบทเรียนแล้วในสมัย กกต.ชุดก่อนๆที่ไม่วางตัวเป็นกลาง ไปเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง สุดท้ายผลก็คือติดคุกไงครับพี่น้อง
กกต.ชุดนี้เขาก็กลัวเหมือนกันเรื่องที่จะถูกครหา และถูกจับผิด แต่ประเด็นสำคัญอยู่ตรงนี้ครับ ประเด็นที่ 3.คนจะมาเลือกตั้งน้อยเพราะว่า คนเบื่อการเมืองมาก เบื่อทุกฝ่าย เบื่อการเมืองในวันนี้ นี่เป็นคำพูดของเลขาฯ กกต.เอง แล้วท่านก็อ้างผลสำรวจว่า เมื่อมีคนไปสำรวจและสอบถามความคิดเห็นประชาชนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เมื่อถามว่าโตขึ้นอยากจะมีอาชีพอะไร อาชีพที่เขารังเกียจที่สุด คือ อาชีพนักการเมือง เด็กๆ ไม่มีใครอยากจะมีอาชีพเป็นนักการเมืองเลยครับ นี่คือผลสำรวจ และพี่น้องคงได้ทราบรายงานผลการสำรวจชุดนี้แล้วว่า อาชีพที่คนรังเกียจมากที่สุด และประชาชนรังเกียจที่สุด คื อาชีพนักการเมืองครับพี่น้อง เพราะฉะนั้นนอกจากเยาวชนรังเกียจนักการเมืองแล้ว ความเห็นของประชาชน 50 กว่าเปอร์เซ็นต์ เบื่อและรังเกียจการเมืองและยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกใครครับพี่น้อง
ทีนี้ผู้สื่อข่าวก็ดีใช้ได้ ผู้สื่อข่าวน้องผู้หญิงเป็นผู้ดำเนินรายการ ก็ถามคุณสุทธิพล ทวีชัยการ ว่า เกี่ยวกับการที่พันธมิตรฯมีการรณรงค์โหวตโน ท่านมีความคิดเห็นว่าอย่างไร เนี้ยผมอยากให้ฟังเสียงมาก ท่านตอบ ว่า การรณรงค์โหวตโนนี้ เป็นสิทธิโดยชอบของประชาชนที่จะทำได้ตามกฎหมาย เมื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเห็นว่าไม่มีผู้สมัครคนใดที่เขาชอบ หรือพอใจที่จะเลือกในบัตรเลือกตั้งจึงมีช่องให้กา ช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน ผู้ใช้สิทธิ์ที่สิทธิ์ที่จะไม่เลือกใครเลยโดยกาในช่องไปประสงค์จะลงคะแนนก็ได้ เป็นสิทธิ์ของผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
ส่วนการรณรงค์เขาสามารถทำได้ไหม ท่านบอกว่า การรณรงค์ของประชาชน ถ้าไม่เป็นการไปใส่ร้ายป้ายสี ไม่เป็นการผิดกฎหมาย ไม่เป็นการละเมิดบุคคลอื่น สามารถทำได้ตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ นี่คือเนื้อหาสาระที่ท่านให้สัมภาษณ์ ก่อนหน้านี้ผมมีบทสัมภาษณ์ของประธาน กกต. ท่านประธาน กกต.อภิชาต สุขัคคานนท์ ให้สัมภาษณ์ในทำนองเดียวกันนี้ว่า เป็นสิทธิ์ของประชาชนที่จะกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน ถ้าเขาเห็นว่า ไม่มีนักการเมืองคนใดที่ดีและสมควรที่เขาควรจะเลือก นี่ผมตอบคำถามเพื่อ
ที่พูดซ้ำไม่ใช่เพราะจะพูดให้พี่น้องฟังเท่านั้น แต่มีพี่น้องทางบ้านยังข้องใจและถามในเรื่องนี้อยู่ ผมเลยยืนยันว่า การรณรงค์โหวตโน การใช้สิทธิ์โหวตโน เป็นสิทธิ์ของประชาชนโดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อพี่น้องทางบ้าน และประชาชนทั่วไปที่เขาสนใจและติดตามการเมือง และรับฟังการถ่ายทอดทาง ASTV ท่านจะเข้าใจว่า ทุกฝ่ายให้ความเห็นตรงกันหมด ไม่มีใครบอกว่า การรณรงค์โหวตโนทำไม่ได้ เป็นการผิดกฎหมาย แต่จะมีคนอื่นๆ เดี๋ยวผมจะพูดถึง ที่พยายามจะบิดเบือน และทำให้คนอื่นไขว้เขว
นอกจากนี้ ที่ประเทศอังกฤษ ผมเข้าใจว่าพี่น้องได้ดูข่าวไปแล้ว มีคนพูดให้ฟังแล้วว่า ที่ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 7 พ.ค. เขาเพิ่งลงคะแนนเสียง และรณรงค์โหวตโนเหมือนกัน ที่ประเทศอังกฤษ มีการรณรงค์โหวตโนเหมือนกันที่ประเทศอังกฤษ เข้าใจว่า อ.ประยูร คงพูดให้ฟังแล้วว่า ประเทศอังกฤษจะออกกฎหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงระบบ วิธีการเลือกตั้ง แต่ประชาชนส่วนใหญ่ และพรรคการเมืองกลุ่มหนึ่งไม่เห็นด้วย จึงรณรงค์คัดค้านโดยการโหวตโน ปรากฏว่าคะแนนโหวตโนชนะ ได้ 67 เปอร์เซ็นต์ครับ ส่วนคะแนนโหวตเยส เห็นด้วยนั้น ได้คะแนนแค่ 31 เปอร์เซ็นต์ เห็นมั้ยครับ ที่ประเทศอังกฤษก็ยังมีเรื่องการโหวตโน ในต่างประเทศเขาใช้กันเป็นประจำครับ เรื่องนี้ประเทศไทยอาจจะยังไม่คุ้นเคย แต่วันนี้พวกเราพันธมิตรฯ มาทำให้เกิดความคุ้นเคยกับพี่น้องประชาชนแล้ว นี่ก็เป็นข่าว
เพราะฉะนั้นเรื่องการโหวตโน โดยหลักการแล้ว พี่น้องที่รับชมรับฟังอยู่ทางบ้าน ก็ต้องเข้าใจว่า ประเด็นนี้ไม่น่าจะมีข้อสงสัย ทั้งในทางการเมือง และในทางข้อกฎหมายแล้ว ว่าเป็นสิทธิ์ของประชาชนที่จะทำได้ตามกฎหมายและตามรัฐธรรมนูญครับ
แต่ก็มีคำถามและมีคนพยายามจะบิดเบือน ผมก็เลยต้องตอบ เพื่อจะนำไปสู่คำตอบที่ท่านผู้ใหญ่ท่านนั้นถามมาว่า ได้คะแนนแล้วจะเอาไปทำอะไร เพราะแสดงว่าหลายท่านสนใจอยากจะมาลงคะแนนโหวตโนร่วมกับพวกเรา เพราะเห็นว่าเบื่อและไม่ชอบทุกพรรคในขณะนี้ครับ
ทีนี้มันก็จะมีคนประเภทกลัวตัวเองแพ้ กลัวพวกตัวเองไม่ได้คะแนน ความจริงน่ะกลัวพวกตัวเองไม่ได้เป็นรัฐบาล เป็นนายกฯ ต่างหาก ไม่ใช่กลัวทักษิณหรอกครับ กลัวพวกตัวเองแพ้ ก็เลยมากล่าวหาการรณรงค์ของพี่น้องว่า 1. หาว่าโหวตโนนี่พวกพันธมิตรฯ ทำไปเพื่อเป็นการระบายแค้น ว่างั้นครับ มันมีนักวิชาการบางคนประเภทพวกสอพลอ คำตอบก็คือว่า พวกเราไม่ได้มีความแค้น บุญคุณอะไรเป็นส่วนตัวกับนายอภิสิทธิ์ และรัฐบาลนี้ และเราก็ไม่ได้มีบุญคุณความแค้นอะไรเป็นส่วนตัวกับทักษิณ และรัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาล ทุกพรรคที่มาลงแข่งขันเลือกตั้งในครั้งนี้ ไม่มีเรื่องส่วนตัว
ที่เราโหวตโนเพราะเราเห็นว่าทุกพรรค ทุกคน ไม่ใช่คนที่จะมาอาสาทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง และยึดประโยชน์ชาติประโยชน์ประชาชนต่างหากครับ และทั้งสองฝ่ายไม่มีใครเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำประเทศได้เลย เพราะมันผ่านการพิสูจน์มาแล้ว มันก็โกง มันก็เลวพอๆ กัน เราจึงโหวตโน ไม่ใช่เพราะความแค้นอะไรเป็นส่วนตัว นี่ก็บอกให้ทราบเลยว่าไม่ใช่ความแค้นส่วนตัวแน่นอนครับ
สองก็คือว่า บางคนก็บอกว่าเราหุงข้าวประชดหมา ปิ้งปลาประชดแมว ไม่ใช่ครับ นี่คือการใช้สิทธิ์ของเราเพื่อการสั่งสอนและลงโทษนักการเมืองต่างหาก ไม่ใช่ว่า ไปโยนของทิ้งเพื่อประชดนักการเมือง ไม่ใช่ เพราะคะแนนของเราเดินเข้าคูหาเมื่อกาแล้ว มันเป็นบัตรดีไม่ใช่บัตรเสีย ไม่ใช่ทิ้ง มันเป็นคะแนนที่จะประกาศให้คนทั้งประเทศรู้ และทั้งโลกรู้ว่าเราไม่เลือกใครทั้งนั้นเลยครับพี่น้อง ไม่ได้ทิ้งครับ ถ้าทิ้งอาจจะเป็นเรื่องไปทำบัตรเสีย หรือไม่ไปใช้สิทธิ์ ไอ้อย่างนั้นอาจจะเข้าข่ายปิ้งปลาประชดแมว หรือทิ้ง แต่นี่ไปลงคะแนนตอบคำถามได้เลยว่า ไม่ใช่ปิ้งปลาประชดแมว แต่เป็นการตั้งใจไปลงคะแนนเพื่อบอกให้รู้ว่าคนทั้งประเทศไม่เอาพวกคุณต่างหากครับพี่น้อง
เพราะฉะนั้นถ้ามีคนไปลงคะแนนยิ่งมากเท่าไหร่มันจะเป็นพลัง พลังอันยิ่งใหญ่ของประชาชนที่ไม่ยอมจำนนต่อนักการเมือง และพรรคการเมืองที่มายัดเยียดให้ประชาชนเลือกในขณะนี้ต่างหากครับ มีคำตอบ คำถามข้อที่ 3 ก็คือ โหวตโนแล้วใครเป็นนายกฯ นี่คนที่ถามผมเอ่ยชื่อเลยก็ได้ คนที่ถามนี่คือ น้องเบิ้มอยู่แนวหน้า นายประชาไท ธนณรงค์ น้องๆหนังสือพิมพ์ คอลัมนิสต์ที่แนวหน้า เขียนไปเขียนมา ท่านก็บอกว่า โหวตโนจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ โหวตโนแล้วใครจะเป็นนายกฯ คือคำถามของน้องมันตื้นมาก มาถามทำไม โหวตโนแล้วใครเป็นนายกฯ ถามทำไม ถามเพื่ออะไร ใครจะเป็นนายกฯ คุณก็รู้อยู่แล้ว ว่าถ้ามีการเลือกตั้งมันก็เป็นไปตามกระบวนการเลือกตั้งคัดสรรกันในสภาใช่ไหมครับ ใครได้เสียงข้างมากก็เป็นนายกฯ นายหมู นายหมา นายกา นายไก่ พวกเราจะไปรู้เหรอ ต้องฟังเสียงตอนวันมันโหวต น้องเอ้ย ซึ่งก็เป็นเรื่องพื้นฐานธรรมดา แต่ไอ้ที่ถามคือจะบอกว่า อ๋อ โหวตโนแล้ว มันก็มีคนมาเป็นนายกฯอยู่ เหมือนเดิม หรือดีไม่ดีไอ้แม้ว หรือไอ้มาร์คมันอาจจะมา ก็ใครจะมามันก็เรื่องของกลไกการเลือกตั้ง ไม่เกี่ยวกับพวกเราใช่ไหมครับ จะมาถามทำไมว่าโหวตโนแล้วใครเป็นนายกฯ ใครเป็นนายกฯ ถ้าโกงถ้ากิน ถ้าขายชาติมันก็ต้องเจอกับพวกเราอยู่แล้วครับ แล้วเราไม่ได้สนใจเลยว่าใครจะมาเป็นนายกฯ เพราะนายกฯไม่ได้เป็นบิดา มารดาของพวกเราอยู่แล้ว แต่ละคนมามันไม่มาทำเพื่อชาติบ้านเมือง มันทำเพื่อพวก เพื่อพรรคของตนเองทั้งนั้น คุณจะชื่นชมยินดีอะไรกับมัน เพราะฉะนั้นคำถามตื้นๆ เขินๆ อย่างนี้อย่าถามเลย ต้องถามว่า เราโหวตโน เพื่อจะบอกว่า ไม่ว่าใครมาเป็นนายกฯ ก็มาเป็นโดยที่พวกเราไม่ได้เลือก และเราไม่ยอมรับ
คำถามที่ 4 เดิมๆ พื้นๆ ที่ถามบ่อยๆ โหวตโนแล้วช่วยทักษิณกลับคืนสู่อำนาจหรือไม่ ผมตอบไปแล้วเมื่อวานนี้ โหวตโนไม่เป็นการช่วยใคร แต่โหวตโนเป็นการรวมพลังของคนที่ไม่เอาการเมืองระบอบนี้ ไม่เอาทั้งทักษิณ ไม่เอาทั้งอภิสิทธิ์ มารวมพลังเป็นพลังไม่ประสงค์ลงคะแนน เพื่อจะกำจัดทั้งทักษิณและอภิสิทธิ์ เพราะฉะนั้นพลังโหวตโนไม่ใช่สมบัติของนักการเมืองที่จะเอาไปอ้างได้ เราไม่ใช่พวกใคร และไม่ได้เป็นการช่วยใคร ใครจะมาโดยระบอบการเลือกตั้งนี้ วันนี้ก็พอๆ กัน ไม่มีใครดีกว่ากันครับพี่น้อง ก็ตอบหลายครั้งแล้วว่า โหวตโน ที่จะเป็นตัวสกัดนักการเมืองเลวไม่ให้ขึ้นมามีอำนาจ ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง แล้วยิ่งมีพลังโหวตโนมากเท่าไหร่ นั่นแหละจะเป็นตัวที่ทำให้นักการเมืองเกรงกลัวพลังของพวกเรามากที่สุด ส่วนโหวตโนเป็นประชาธิปไตยไหม ผิดกฎหมายไหม จะมีหลายคนบอก โหวตโนไม่ใช่ประชาธิปไตย ผิดกฎหมาย มีหลายคนพยายามเขียนในเว็บไซต์ พวกโง่อวดฉลาดมีเยอะ หรือไม่ก็ประเภทรู้แล้วแต่แกล้งโง่ บิดเบือนเพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิด ซึ่งอันนี้เลขาฯ กกต.ก็ตอบ ผมก็ตอบไปแล้ว ประธาน กกต.ก็ตอบไปแล้วไม่ต้องพูดซ้ำอีก
ส่วนโนโหวตกับโหวตโนต่างกันอย่างไร พี่น้องรู้แล้ว โนโหวตคือ นอนหลับทับสิทธิ์ ไม่ใช้สิทธิ์ โหวตโนคือ กาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนเลือกใคร คำถามว่า โหวตโนแล้วได้อะไร โหวตโนไม่ประสงค์ลงคะแนนได้เยอะเลย ซึ่ง อ.ปานเทพ ตอบไปหมดแล้ว อย่างน้อยได้เกียรติและศักดิ์ศรีว่า สิทธิ์และเสียง คะแนนของเรา ไม่ยอมให้คนเลวคนโกงเอาไปใช้อ้างเพื่อขึ้นสู่อำนาจได้กับตัวเองแล้ว 2.โหวตโนได้เกียรติได้คุณค่าว่าพลังของพวกเราทั่วประเทศที่โหวตโนเป็นพลังของผู้ที่ไม่ยอมก้มหัวให้นักการเมือง จะทำให้เราได้พวกได้เพื่อนได้เห็นว่ามีคนที่คิดอยู่ คิดเหมือนกับพวกเราทั้งแผ่นดินครับพี่น้อง โหวตโนแล้วได้พลังของประชาชนที่ไม่สูญเปล่า โหวตโนแล้ว บอกให้รู้ว่าสิทธิ์และเสียงของพี่น้องประชาชนสามารถสั่งสอนและเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองได้ครับพี่น้องครับ สั่งสอนนักการเมืองเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองได้ เดี๋ยวผมจะตอบต่อไปว่าเปลี่ยนแบบไหน
พี่น้องครับโหวตโนจะนำไปสู่การปฏิรูปอย่างไร โหวตโนแล้วประเทศไทยได้อะไรเดี๋ยวผมเอาไว้ตอบตอนท้าย ต่างประเทศผมก็พูดไปแล้วว่า เขาก็มีเหมือนกันนะครับ โหวตโนเป็นเรื่องเถ้าแก่สั่งหรือไม่ ยังไม่ชัดเจน ไม่ใช่เรื่องเถ้าแก่สนธิมาสั่งพวกเราแน่นอน ตอบไปหลายครั้งแล้ว เป็นความไร้สาระ โง่เขลาทางการเมืองหรือเปล่า เป็นความคิดที่ชาญฉลาดของประชาชนครับ พวกที่งมงายกับนักการเมืองและพรรคการเมืองไม่ว่าเขาจะชั่วจะโกงจะปล้นบ้านกินเมืองยังไง ยังดักดานยกมือเลือกเขานั้นต่างหากที่ควรจะพิจารณาตัวเอง ขนาดมันเป็นโจรห้าร้อย เป็นนักเลงอันธพาล เป็นพวกมีอิทธิพลคนพวกที่ไปเลือกคนเหล่านี้ต่างหาก ต้องพิจารณาตัวเองว่า คุณยอมจำนนนต่อคนประเภทนั้นได้อย่างไร ใช่ไหมครับพี่น้อง
คะแนนโหวตโนช่วยชาติ ช่วยสังคมอย่างไร เดี๋ยวไปอยู่ในประเด็นสุดท้าย สำคัญว่า คะแนนโหวตโนจะเอาไปทำอะไรนั่นเองครับ 16 ที่สำคัญนะครับ ยังไม่มีใครพูดโหวตโนผมบอกให้นะครับ การไม่ประสงค์จะลงคะแนนของประชาชน คือ การกบฏต่อนักการเมือง และคือการปฏิวัติเงียบของประชาชน ยิ่งมากเท่าไหร่จะเป็นเรื่องประกาศให้รู้ว่าคนที่ออกมาโหวตโน คือพวกที่เป็นกบฏจากนักการเมืองทั้งปวงครับพี่น้อง และเป็นการปฏิวัติเงียบต่อนักการเมืองว่า อำนาจที่แท้จริงอยู่ที่พลังโหวตโน ไม่ใช่พวกคุณ มันจะท้าทายอำนาจคนเหล่านั้นขึ้นมาทันทีเลยครับพี่น้อง เมื่อตัวเลขมันออกมา ว่า 3 ล้าน 5 ล้าน เห็นไหม พวกกูไม่ธรรมดาแล้ว อำนาจของประชาชนเหล่านี้ก็ใหญ่ พอๆกันหรือใหญ่มากกว่าพวกคุณอีกต่างหากครับพี่น้อง หลายพรรคอาจไม่ถึง 5 ล้าน อย่างเก่งได้พรรคแสนสองแสนเท่านั้นเองครับ พวกเรานี่ต่างหากที่จะเป็นพลังชี้ขาดสังคมในวันข้างหน้า แล้วโหวตโนจะเป็นการแก้โรคอะไร โรคประชาธิปไตย 4 วินาที ได้อย่างดีที่สุด เพราะที่ผ่านมา เวลาเข้าคูหาเลือกตั้ง ใช้เวลา 4 วินาทีหย่อนบัตรจบ ต่อไปนี้อำนาจอยู่กับพวกโจรห้าร้อยหมด ประชาชนไม่เห็นหัว เขาไม่เห็นหัวเราเพราะเขาได้คะแนนเราไปแล้ว ดูซิครับ ยืนแหลพวกเราทุกวัน ขนาดบอกให้ปกป้องแผ่นดิน รักษาประโยชน์ชาติ ยังหาว่าเรามาก่อกวนบ้านเมือง ด่าเราสาดเสียเทเสีย กล่าวหาเราข้างๆ คูๆ ไม่ฟังเสียง เพราะมันได้อำนาจไปแล้ว แต่การไม่ประสงค์ลงคะแนนนี้ สิทธิ์และเสียงยังอยู่กับพวกเราตลอดเวลา เพราะเราไม่ได้ให้เขา จึงแก้โรคประชาธิปไตย 4 วินาทีได้อย่างดีที่สุด เพราะว่าอย่างไรก็อ้างไม่ได้ว่า ได้ของเราไปแล้วจะทำอย่างไรก็ได้ จะโกงจะกินอย่างไรก็ได้ ไม่ได้แล้วเพราะเสียงของเรายังอยู่ เดี๋ยวเราจะเอาไปทำอะไรเดี๋ยวจะบอกให้ฟัง นอกจากนั้น โหวตโน ไม่ประสงค์ลงคะแนน จะทำให้นักการเมืองหันไปปรับปรุงตัวเอง และจะทำให้การเมืองมีโอกาสพัฒนา มีโอกาสได้คนดีที่ฟังเสียงประชาชนเข้ามาปกครองบ้านเมือง
อีกคำถาม มีคนถามบ่อยว่า โหวตโนไม่มีผลทางกฎหมาย โหวตไปก็เท่านั้นอย่างไรเขาก็ตั้งรัฐบาล คนที่พูดอาจจะพูดเฉพาะในวันนี้ แม้ไม่มีผลทางกฎหมาย เนื่องจากมีผู้สมัครหลายพรรค แต่ถ้ามีผู้สมัครคนเดียว พรรคเดียว ก็มีกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายเลือกตั้งปัจจุบัน แต่เมื่อมีผู้สมัครหลายพรรค ระบบเลือกตั้งของเรา เอาคนที่ได้คะแนนมากเป็นผู้ชนะ แม้ไม่มีผลทางกฎหมายก็จริง แต่ส่งผลสะเทือนทางการเมืองอย่างยิ่งใหญ่ต่อระบอบการเมืองการเลือกตั้งที่เป็นอยู่ และ 2. จะนำไปสู่การสร้างกฎหมายใหม่ หรือบรรทัดฐานใหม่ รวมกระทั่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญในโอกาสต่อไป ด้วยเสียงและพลังของพี่น้องประชาชนครับ ซึ่งพี่น้องจำได้ใช่มั้ยว่า การเข้าชื่อถอดถอนนักการเมือง ใช้เสียงแค่ 1-2 หมื่นเสียง การเข้าชื่อเสนอกฎหมาย ใช้เสียงแค่ 5 หมื่นเสียง การเข้าชื่อเพื่อขอแก้ไขกฎหมาย เสนอกฎหมาย ใช้เสียงแค่ 2-3 หมื่นเสียง เราจะทำได้อีกมากมายด้วยคะแนนเสียงที่เป็นกอบเป็นกำนี้ครับ เดี๋ยวจะพูดให้ฟัง
นอกจากนั้น ยังมีพวกนักเลือกตั้ง พวกที่อยากเลือกตั้ง จะบอกว่าทำไมไม่เอาคะแนนโหวตโนไปสนับสนุนพรรคใดพรรคหนึ่ง คุณก็มีพรรคการเมืองใหม่อยู่แล้ว ทำไมไม่ไปสนับสนุนเพื่อให้เป็นตัวแทนเข้าไปอยู่ในสภา ว่างั้นครับ คือพวกนี้อยากจะได้คะแนนจากพวกเรา ก็พยายามมาอ้อนว่าเอาคะแนนไปสนับสนุนพรรคใดพรรคหนึ่งสิ ถ้าผมทำอย่างนั้น หรือพวกเราทำอย่างนั้น มันก็คือจำนนต่อระบอบเลือกตั้งและระบอบการเมืองในขณะนี้เท่านั้นเอง มันจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรที่เป็นคุณประโยชน์ ต่อให้คุณนะ ไปแหกปากตะโกนกินปลาไหลอีก 500 ตัวนะ มึงมีเสียงเดียวนะ เขาก็ไม่ฟังมึงอยู่ดี ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ตอบไป แลกลิ้นปลิ้นตา แสดงละครแหกตาคนเท่าไรนะ มีเยอะ ส.ส.บ้าๆ บอๆ อยู่ในสภาสักพัก ก็เปลี่ยนท่าทีไปแล้ว วันนี้บอกจะไปเป็นฝ่ายค้าน ยังไม่ทันได้เลือกตั้งเลย บอกว่าถ้าใครได้เสียงข้างมาก ผมก็จะไปยกมือให้ฝ่ายนั้นเป็นรัฐบาล
คือมันไม่มีประโยชน์ที่จะเอาคนใดคนหนึ่งเข้าไปเป็นเหยื่ออยู่ในระบอบนี้ สุดท้ายเข้าไปเดี๋ยวก็ถูกระบอบนี้กลืนไป เราต้องการการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น เราไม่ต้องการเศษเล็กเศษน้อยจากนักการเมืองครับ
ตัวแสบอีกคนหนึ่งที่พูดแบบนี้ คือ หาว่าเราโหวตโนหวังได้อำนาจทางลัด หนุนรัฐประหาร หรือหวังได้นิรโทษกรรม โน่นไปโน่น มันบ้า เสียสติไปแล้วครับคนที่พูดแบบนี้ ความจริงนะถ้าประชาชนปฏิวัติได้ เขาปฏิวัติไปตั้งนานแล้ว ไม่ต้องไปหนุนทหาร ไม่ต้องไปหนุนใครหรอก ทำเองไม่ดีกว่าเหรอครับ แต่เราใช้สิทธิ์ของเราไปลงคะแนนไม่ประสงค์ลงคะแนนนี่เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย มันจะไปสนับสนุนการปฏิวัติรัฐประหารอย่างไรล่ะ ความจริงแล้วพวกที่สนับสนุนการปฏิวัติรัฐประหาร คือพวกนักการเมือง พรรคการเมือง คือการโกง การกิน การทุจริต การขายชาติ การล้มเจ้า ของพวกคุณต่างหากที่ทำให้เกิดการรัฐประหาร ไม่ใช่การโหวตโน
เพราะฉะนั้น คำพูดของคนพวกนี้พยายามจะบิดเบือน ใส่ร้าย ผมตอบมาหมดแล้วทุกปัจจัย ทุกคำถามที่เป็นคำถามที่ทำให้คนกังขา
คราวนี้ผมยืนยันได้ว่า กระแสโหวตโนจะมามาก มาแรง ด้วยเหตุปัจจัยสำคัญอยู่ 5 ประการ ที่ผมสรุปให้ฟัง ว่ามันจะมากเพราะอะไรครับ 1. การเมืองในระบอบปัจจุบันล้มเหลว นักการเมืองไร้คุณภาพ ไม่เป็นอนาคต และไม่เป็นทางเลือกให้กับประชาชน ที่คือเหตุปัจจัยที่จะทำให้โหวตโนมากครับ เพราะนู่นก็อัปรีย์ นี่ก็จัญไร นั่นก็พอๆ กัน คือไม่มีใครที่เป็นอนาคตและความหวัง และทางเลือก
2. ประชาชนเบื่อหน่ายการเมืองอย่างหนักหน่วงรุนแรงขณะนี้ จะเป็นปัจจัยทำให้โหวตโนมากที่สุดครับ เพราะคนเบื่อการเมือง เบื่อการเลือกตั้ง ที่เอาแต่ผลัดกันมาโกงมากิน ได้อำนาจแล้วก็ไม่เห็นความสำคัญของประเทศชาติ ประชาชน
อันที่ 3 ที่จะเป็นปัจจัยให้คนไม่ประสงค์ลงคะแนนมาก คือกระบวนการการเลือกตั้งไม่โปร่งใส โกง ซื้อเสียงอย่างหนัก และก็ปิดโอกาสไม่ให้พรรคการเมืองอื่นๆ จะดียังไงมึงก็ไม่มีวันได้เกิด เพราะมันผูกขาด้วยอำนาจอิทธิพลเดิมๆ โกงอยู่เหมือนเดิม อันนี้มันจะทำให้คนไม่มีทางเลือก ก็จะทำให้มีการไปลงคะแนนไม่ประสงค์ลงคะแนนมากขึ้น
อันที่ 4 ที่จะทำให้คนไม่ประสงค์ลงคะแนนมากขึ้นก็คือ นโยบายและจุดยืนของพรรค ทุกพรรค ในขณะนี้ ไม่สามารถตอบโจทย์ของประเทศได้เลย ไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน แต่นโยบายทั้งหมดมันเป็นไปเพื่อนักการเมือง เพื่อพรรคการเมืองเท่านั้นครับ ไม่ใช่เพื่อประเทศ ไม่ใช่เพื่อประชาชน นโยบายสำคัญๆ ไม่มีพรรคไหนเสนอต่อประชาชนเลย และไม่กล้าการันตีเลยว่าจะปราบคอร์รัปชั่นให้หมดไป จะเอาแผ่นดินไทยคืนมา จะป้องกันรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง จะแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำต่ำสูงและความยากจนในสังคม จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ และรายได้ที่ดีขึ้น ไม่มีใครกล้ารับปากที่จะเสนอนโยบายสำคัญเหล่านี้
และประการสำคัญ ประการสุดท้าย ที่จะทำให้โหวตโนมาก เพราะประชาชนตื่นตัวทางการเมืองสูงมากในขณะนี้ รู้เท่าทันเล่เหลี่ยมนักการเมืองหมดแล้ว รู้ไส้รู้พุงนักการเมืองหมดแล้วว่า แต่ละคนเป็นอย่างไร การตื่นตัวของประชาชนนั้น เขาต้องการเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง เปลี่ยนแปลงการเมืองของประเทศ โดยพลังของประชาชน โดยสันติและชอบด้วยกฎหมาย เพื่อทำให้ประเทศ บ้านเมืองดีขึ้น นี่คือความตื่นตัวของประชาชน จะเป็นตัวชี้ขาดในการเลือกตั้งคราวนี้ครับ ผมเชื่อว่า หลังจากเลือกตั้งจะได้เห็นปรากฏการณ์ใหม่ๆ ในบ้านเมืองอย่างแน่นอน
สุดท้ายตอบคำถามได้เลยหลังจากพูดมาแล้ว โหวตโน ไม่ประสงค์ลงคะแนน ถ้ามีคนลงคะแนนเป็นล้านๆ 3,4,5 ล้าน นี่คือพลังของประชาชนที่ไม่ประสงค์ลงคะแนน และไม่เอาระบอบการเมืองนี้ ถามว่าใช้ทำอะไรได้บ้าง สามารถเสนอให้รัฐบาล สภา ต้องแก้กฎหมาย ต้องปฏิรูปบ้านเมืองได้ด้วยครับ โดยรัฐธรรมนูญ 2550 ให้ประชาชนเสนอแก้กฎหมายได้ ให้ประชาชนเสนอแก้แม้กระทั่งรัฐธรรมนูญได้ ให้ประชาชนเสนอมีการปฏิรูปบ้านเมืองได้ ให้ประชาชนเสนอกฎหมายควบคุมนักการเมืองยังได้เลยครับ ให้ประชาชนเสนอกฎหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงกฎหมายการเลือกตั้งของประเทศ เพื่อทำให้การเข้าสู่อำนาจทางการเมืองนั้นไปสู่ระบบใหม่ ที่มีหลักประกันว่า อำนาจของประชาชนจะไม่ถูกปล้น หรือฉ้อฉลไปเพื่อประโยชน์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ถ้าพลังของโหวตโนรวมกันเป็นปึกแผ่น อย่าลืมนะครับ สามารถยื่นถอดถอนนักการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พี่น้องลองนึกดูซิว่า ถ้านายกฯ คนนี้โกง มีคนลงคะแนนเข้าชื่อกัน 5 ล้านคนให้ถอดถอน จะหน้าด้านอยู่ได้ไหมครับ มีคนลงชื่อเป็นล้านให้ปลดนายกฯ รับรองมันอยู่ไม่ได้ครับ นี่พลัง เพราะฉะนั้นคะแนนโหวตโน จะเป็นคะแนนที่แสดงพลัง ศักยภาพ และพลังของประชาชน ถ้าใช้ให้เป็น นี่เอาตามระบอบตามกฎหมาย แม้กระทั่งการเสนอนโยบายของรัฐบาล การแก้ไขปัญหา และรัฐบาลจะไปทำสัญญากับประเทศอะไรต้องมาประชาวิจารณ์และรับฟังความเห็นของประชาชน ถ้าพรรคโหวตโน 5 ล้านคนนี่บอกว่า เรื่องนี้คุณไปเซ็นสัญญาไม่ได้ มันก็ต้องหยุดครับพี่น้องครับ เพราะฉะนั้นพลังโหวตโนมันมีพลังที่มีศักยภาพมีคุณประโยชน์มากมายหลายประการ ในทางกฎหมาย ในทางการเมือง และที่สำคัญครับ ประชาชนนี่แหล่ะจะเป็นคลื่นมหาชนที่จะเป็นพลังเรียกร้องให้ปฏิรูปเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองตามความประสงค์ของพี่น้องประชาชนครับพี่น้องครับ ซึ่งวันนี้เราเห็นว่าท่านอานันท์ก็ดี อ.ประเวศ ก็ดี คณะกรรมการ นักวิชาการ ภาคประชาชนหลายองค์กรแม้กระทั่งวันที่ 1 ใน 21 องค์กร เขาจะรวมตัวประกาศคัดค้านการทุจริตคอร์รัปชั่นและไม่จ่ายใต้โต๊ะให้นักการเมืองเหล่านี้ การทำเรื่องพวกนี้ถ้าพลังเหล่านั้นมารวมตัวเป็นพลังพรรคโหวตโน มันจะเกิดคลื่นประชาชนที่จะนำไปสู่การปฏิรูปเปลี่ยนแปลงในทุกๆด้าน ที่เราเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีครับพี่น้อง
เพราะฉะนั้นบ้านเมืองที่จะเป็นประชาธิปไตย ประเทศที่จะเจริญควรจะทำอย่างไร อะไรบ้าง ด้านไหนบ้าง ทั้งหมด 10 กว่าด้าน เดี๋ยววันหลังผมจะมาพูดให้ฟัง ว่าคุณต้องทำ 1 2 3 4 5 เอาคะแนนเสียงนี้มากดดันให้เกิดการปฏิบัติเปลี่ยนแปลงปฏิรูปบ้านเมืองให้ครบทั้ง 10 ด้านนี้ ก็จะทำให้บ้านเมืองดีขึ้นอย่างแน่นอนครับ คือทั้ง 10 ด้านนี้ เช่น เกริ่นให้พี่น้องฟังว่า กระบวนการความเป็นประชาธิปไตยนั้นมันจะต้องเป็นอย่างไร จึงจะเรียกว่าประชาธิปไตย ไอ้ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มันไม่ใช่ประชาธิปไตย การเลือกตั้งมันเป็นเวทีให้โจรมาประชันขันเข่งกันเพื่อไปปกครองบ้านเมืองไม่ใช่กระบวนการประชาธิปไตย มันให้คนโกงคนชั่วมาแข่งขันกันเพื่อเข้าสู่อำนาจทางการเมืองแต่ไม่ใช่เวทีมาแข่งขันกัน กระบวนประชาธิปไตยต้องปรับปรุงแก้ไข ความเชื่อมั่นในรัฐบาล หลักนิติธรรม การกระจายอำนาจ เดี๋ยวแต่ละเรื่อง แต่ละด้านเรามาพูดมาคุยกัน เอาแค่นี้ก่อน วันหลังจะได้ เขาถามนักหนาว่า ถ้าคุณได้คะแนนโหวตโนแล้วคุณจะพาประเทศไปทางไหน ผมเลยจะถือโอกาสมาพูดคุยกับพี่น้องซะเลยว่า ในเมื่อนายอภิสิทธิ์ ในเมื่อยิ่งลักษณ์หาเสียงเลือกตั้ง อยากจะเป็นนายกฯ เราจะหาเสียงบอกกับประชาชนเหมือนกัน ถ้าเป็นนายกฯ จะทำอย่างนี้ ประชันกันไปเลย แล้วจะรู้ว่ากึ๋นเป็นอย่างไร ว่าควรจะทำอะไรในแต่ละด้าน เพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศเอาแผนของเราไปดูกับนโยบายของพรรคพวกนั้นซิว่า มันมีเรื่องอะไรที่ตรงและสอดคล้องกับประโยชน์ชาติบ้านเมืองไหม เพื่อเป็นเวทีให้ความรู้พี่น้องประชาชน และทำให้เรารู้เท่าทันนักการเมือง ถ้าวันนี้ประชาชนเป็นใหญ่ ประชาชนจะพาชาติบ้านเมืองไปทางใด อยากรู้เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟัง ไม่ได้มาประชันขันแข่งหาเสียงเป็นนายกฯ แต่อยากจะบอกว่า เมื่อคุณเลือกตั้งคุณอยากเป็นนายกฯ ผมก็อยากจะเป็นเหมือนกัน แต่เป็นนายกฯ ของประชาชนที่นี่ แล้วจะดูกึ๋นว่าใครแน่กว่ากัน อย่างน้อยเป็นการให้ความรู้ ให้การศึกษากับประชาชน จะได้เอาไปเปรียบเทียบว่า นักการเมืองที่ดี ผู้นำประเทศที่ดี ควรจะเป็นอย่างไรที่เราต้องการ นายกฯ ในฝัน ประเทศในฝัน และบ้านเมืองในฝันควรจะเป็นอย่างไร เราควรจะรู้ ไม่ใช่ให้นักการเมืองเอานโยบายกำมะลอมาหลอกต้มประชาชน แล้วเข้าสู่อำนาจแบบมักง่าย นี่คือเรื่องที่จะมาคุยกับพี่น้องในวันหลัง อย่างน้อยที่สุดที่ผมพูดมานั้น คงตอบคำถามท่านผู้หลักผู้ใหญ่ไปบางส่วน แต่วันพรุ่งนี้จะมาตอบเพิ่มเติมอีก
สุดท้ายครับพี่น้อง มีนายทหารท่านหนึ่งเขียนจดหมายมาถึงผล และส่งหนังสือมาให้ผมด้วย ท่านชื่อ พล.ท.ประสิทธิ์ นวารัตน์ เป็นนายทหารที่มีความเข้าใจระบอบประชาธิปไตย และห่วงใยบ้านเมือง ท่านบอกว่า ฟังทุกวัน ขอบคุณที่ให้ความรู้แก่ประชาชน ผมได้รู้ในบ้างเรื่องที่เป็นประโยชน์และไม่เคยทราบมาก่อน ขอเป็นกำลังใจให้สู้ต่อไปเพื่อเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองให้ถูกต้อง เหมือนประเทศที่เขาเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงเสียที ไม่ใช่เป็นระบอบเผด็จการแล้วหลอกว่าเป็นประชาธิปไตย แล้วกินบ้านกินเมืองจนล่มจม จะหวังพึ่งทหารมาสร้างประชาธิปไตยเหมือนประเทศต่างๆ ในโลกเขาทำกันนั้นคงจะยากมาก เพราะทหารปัจจุบันนั้นโตมาเพราะเกาะชาย และกินเศษกระดูกที่รัฐบาลโยนให้ นี่ทหารท่านพูดเองนะครับ ความหวังของท่านจึงอยู่ที่ประชาชนและทหารชั้นผู้น้อยที่เขาเข้าใจปัญหาของชาติ ที่จะมาร่วมกับประชาชนแก้ปัญหาของชาติให้ตกไป ผมฝากหนังสือมาให้ช่วยฝากให้คุณสนธิ คุณปานเทพ คุณเติมศักดิ์ และคนอื่นที่คุณประพันธ์เห็นสมควร ขอบคุณ พล.ท.ประสิทธิ์ นวารัตน์
ขอบคุณท่านมากที่กรุณาส่งมา เป็นความรู้ที่ดี เป็นบทที่ท่านไปปราฐกถา เมื่อวันที่ 1 พ.ค.2554 ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ แสดงว่ายังมีทหารที่รักชาติรักเมือง รักประเทศ มีอยู่ไม่น้อย เราไม่โดดเดี่ยว ต้องกราบขอบพระคุณท่านเป็นอย่างสูง สำหรับวันนี้ขอบคุณพ่อแม่พี่น้องที่ติดตามรับชมรับฟังนะครับ ขอบคุณพี่น้องที่นี่และทางบ้านทุกท่านด้วยครับ สวัสดีครับ