“ยิ่งลักษณ์” ย้ำไม่ได้สั่งแดงป่วน “มาร์ค” ไม่กังวล “สนธิ” ยื่นยุบ พท. เชื่อประชาธิปัตย์ปราศรัยราชประสงค์ไม่กระทบ ปัดสวะพวกจ่อป่วนไม่เกี่ยวพรรค อ้างเดินหน้าปรองดองตามข้อเสนอ 7 องค์กร ลั่นเรียกพวกยังกั๊กมาเลือกตั้งให้ได้ โต้กรุงเทพโพลล์ยันนโยบายทำได้จริง ด้าน พท.ชู “นิ้วชี้ฟีเวอร์” อ้างแท็บเล็ตแจกเด็กจ้างจีนผลิตเครื่องละพัน “เหวง” ซัด “กอร์ป” ใส่ร้าย พร้อมออกแถลงการณ์ห้ามสมาชิกเข้าพื้นที่ ปชป.ปราศรัย “เด็จพี่” อ้างแดงเทียมจ่ออาละวาด
วันนี้ (22 มิ.ย.) ที่วัดราชโอรส น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้แสดงจุดยืนที่กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาต่อต้านว่า ย้ำว่าตนไม่ได้สั่งการให้ประชาชนออกมาเคลือนไหว และไม่เห็นด้วยต่อการใช้ความรุนแรง ส่วนที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยื่นหนังสื่อให้ กกต.ยุบพรรคเพื่อไทยนั้น ไม่รู้สึกกังวลเพราะทำหน้าที่ดีที่สุดและเชื่อกระบวนการจะพิจารณาด้วยความยุติธรรม ขณะที่การปราศรัยใหญ่ที่แยกราชประสงค์ของพรรคประชาธิปัตย์ในวันพรุ่งนี้ (23 มิ.ย.) เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อพรรคเพราะมั่นใจว่าประชาชนจะใช้วิจารณญานในการตัดสิน ทั้งนี้หากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นก็ยืนยันว่าไม่ใช่ฝีมือของพรรคเพื่อไทย
น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังกล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลในโค้งสุดท้ายว่า ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงของการหาเสียง ซึ่งต้องรอดูการตัดสินใจของประชาชนก่อนจากนั้นจึงค่อยดูว่าจะจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร โดยขณะนี้พรรคก็เดินหน้าสู่ปรองดองและสนับสนุนแนวทางของ 7 องค์กร ส่วนผลโพลของพรรคเพื่อไทยที่จะได้ ส.ส.เขตถึง 180 ที่นั่งนั้นยังไม่ทราบรายละเอียด แต่พรรคต้องทำให้คนที่ไม่ได้แสดงจุดยืนกว่า 40% มาใช้สิทธิเลือกตั้งให้ได้ พร้อมทั้งยืนยันว่านโยบายของพรรคเพื่อไทยสามารถทำได้จริงแม้ว่าผลของกรุงเทพโพลล์จะระบุว่านโยบายของพรรคเพื่อไทยทำได้จริงแค่ 5 เรื่องเท่านั้น เพราะพรรคได้มีการพิจารณามาอย่างดีแล้วว่าจะไม่กระทบต่อการคลังของประเทศอย่างแน่นอน
ขณะที่พรรคเพื่อไทย นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล นายแพทย์เหวง โตจิราการ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ได้ร่วมกันแถลงถึงกระแส “นิ้วชี้ฟีเวอร์” หลังจากลงพื้นที่รณรงค์หาเสียงให้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยตามนโยบายนักเรียนต้องมีคอมพิวเตอร์ใช้ กองทุนตั้งตัวได้ รถภาษีรถยนต์คันแรกใน 15 มหาวิทยาลัยในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล พบว่าได้รับการตอบรับจากกลุ่มเยาวชนดีมาก และไม่พบการต่อต้าน นอกจากนี้ ประชาชนยังให้การตอบรับมากถึงร้อยละ 90 ทำให้เชื่อมั่นว่าจะชนะเลือกตั้งในพื้นที่ กทม. 25 เขต และในช่วงระยะเวลาที่เหลือ 10 วันที่เหลือจะออกรณรงค์นโยบายอย่างสร้างสรรค์เพื่อให้พรรคชนะการเลือกตั้งให้ได้ถึง 30 เขต สำหรับกระแสที่มีการโจมตีการแจก แทบเลตพีซี แก่นักเรียนว่าจะนำงบประมาณจากไหนมาจัดซื้อ ที่มีมูลค่าสูงว่า 2 แสนกว่าล้าน จากงบประมาณต่อเครื่องที่มีมูลค่า 2 หมื่นกว่าบาทต่อเครื่องนั้น เป็นการตั้งงบประมาณจากราคาขายไอแพด แต่เครื่องที่พรรคเตรียมให้นักเรียนนั้น สามารถว่าจ้างให้จีนผลิตได้ในราคาเครื่องละ 1 พันบาท จึงไม่สูง โดยจะมีการจัดสรรงบประมาณประจำปีเพียงร้อยละ 20 วงเงินประมาณ 8 หมื่นล้านก็น่าจะเพียงพอ แต่หากไม่เพียงพอก็จะจัดสรรงบประมาณทหาร ที่นำไปซื้อยุทธโธปกรณ์เก่า ไม่มีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ นพ.เหวงยังกล่าวถึงการออกมาให้สัมภาษณ์ของนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ประธานคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ว่า เป็นความตั้งใจใส่ร้ายป้ายสีเสื้อแดง และจัดการปราศรัยที่บริเวณแยกราชประสงค์ของพรรคประชาธิปัตย์นั้น พรรคประชาธิปัตย์มีความตั้งใจจะทำให้เกิดความเสียหายต่อการเลือกตั้ง จึงขอให้กลุ่มคนเสื้อแดงที่ต้องเดินทางไปร่วมฟังการปราศรัยในวันที่ 23 มิถุนายนของพรรคประชาธิปัตย์ ขอให้ไปฟังโดยสงบ อย่าไปทำให้เกิดเงื่อนไขที่ต้องการล้มการเลือกตั้ง ขณะที่ นายก่อแก้วกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เอาชนะในเรื่องนโยบายไม่ได้ จึงนำเรื่องนี้มาสร้างกระแสทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้พรรคเพื่อไทยยังได้มีการออกแถลงการณ์ 6 ข้อ ขอความร่วมมือ กรรมการบริหารพรรค ผู้สมัคร เจ้าหน้าที่ และสมาชิกพรรค อย่าเข้าไปในพื้นที่ปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ บริเวณสี่แยกราชประสงค์ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจมีกลุ่มคนสร้างสถานการณ์ให้เกิดความไม่สงบและโยนความผิดให้พรรคเพื่อไทย นอกจากนี้ยังเรียกร้องพรรคการเมืองหาเสียงอย่างสร้างสรรค์ และเรียกร้องไปยังกลุ่มบุคคลที่ทำเอกสาร โจมตีพรรคเพื่อไทย ให้หยุดการกระทำดังกล่าว พร้อมทั้งขอให้สื่อของรัฐ ยุติการออกอากาศรายการที่สร้างความแตกแยกในสังคม
โดยนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า งานการข่าวขณะนี้อาจเกิดเหตุความวุ่นวาย มีการแต่งชุดแดงปลอม หรือมือที่ 3 สร้างสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณที่มีการปราศรัย และเตรียมประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉินเพื่อควบคุมการรายงานข่าวและสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งพรรคขอให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดกวดขัน ป้องกันการก่อเหตุด้วย นอกจากนี้ ในวันพรุ่งนี้ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยจะไปยื่นเรื่องที่ศาลปกครองเพื่อขออำนาจศาลสั่งให้ กกต.แก้ไขบัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องของการลงคะแนน เพราะพรรคได้มีการสำรวจแล้วพบว่า มีผลต่อการลงคะแนนของพรรคของกลุ่มผู้สูงอายุถึงร้อยละ 99 และเยาวชนที่มีสิทธิเลือกตั้งถึงร้อยละ 70