โฆษกพันธมิตรฯ สับรัฐอ่อนแอทำหมู่บ้านแดงโผล่พรึ่บ เหตุไม่เคลียร์ใครฆ่า 91 ศพกันแน่ แต่รีบยุบสภาหนีปัญหาแทน เชื่อเปลี่ยนรัฐปัญหาก็ไม่คลี่คลาย แฉเลือกตั้งโกงเพียบซ้ำพวกข่มขู่ ทำลายป้าย ส่อไม่เป็นประชาธิปไตย จี้ กกต.เร่งแก้ ถ้าทำไม่ได้ก็ลาออกไป ย้ำโหวตโนไม่เอานิรโทษกรรม ป้องกันนักการเมืองแอบอ้างเสียงประชาชน ปฏิรูปประเทศ โต้ “บิ๊กตู่” สับกองทัพทำไม่ดีพอจนภาคประชาชนต้องลุยเอง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (15 มิ.ย.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ลงพื้นที่หาเสียงในพื้นที่ภาคเหนือ และพบว่ามีหมู่บ้านที่ติดธงแดงจำนวนมากว่า การที่มีหมู่บ้านคนเสื้อแดงเกิดขึ้นนั้นก็มาจากความอ่อนแอของรัฐบาลที่ปล่อยปละละเลยทิ้งให้ประชาชนถูกทำให้โน้มเอียง โดยการโฆษณาชวนเชื่อของกลุ่มคนเสื้อแดง ทำให้มีการขยายตัวมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัญหาไปในอนาคตไม่ว่าขั้วการเมืองใดจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งก็ตาม โดยเฉพาะการที่รัฐบาลไม่สามารถสร้างความชัดเจนในกรณีคนชุดดำที่ใช้อาวุธสงครามในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง และทำให้ประชาชนทราบว่าแท้ที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นในเหตุการณ์ดังกล่าวที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 91 ศพ ทั้งพลเรือนและทหาร
นายปานเทพกล่าวต่อว่า ด้วยสถานการณ์เช่นนี้แต่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์กลับตัดสินใจหนีปัญหายุบสภา ไม่ทำให้เรื่องเหล่านี้คลี่คลายเสียก่อนโดยกระบวนการยุติธรรม หรือแม้แต่การเริ่มพิสูจน์ข้อเท็จจริงโดยกระบวนการยุติธรรมก็ยังไม่เริ่มขึ้น โดยเฉพาะการนำเสนอข้อมูลผ่านสื่อทั้งของรัฐบาล และสื่อของคนเสื้อแดง ที่เป็นการปลุกระดมและสร้างความเกลียดชังให้มากยิ่งขึ้น มากกว่าการที่จะคลี่คลายไขความกระจ่างให้สังคมได้รับรู้ และเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลก็ยิ่งไม่มีหนทางที่จะทำให้เรื่องเหล่านี้ได้รับความกระจ่างเลย
โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า สถานการณ์ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งนั้นพบว่ามีการทุจริตซื้อสิทธิขายเสียงเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ที่ขบวนการมุ่งทำลายป้ายหาเสียง โดยเฉพาะของภาคประชาชนและพรรคเพื่อฟ้าดิน ทั้งยังมีการใช้อิทธิพลข่มขู่คุกคามหัวคะแนนและผู้สมัคร จนต้องมีการขอกำลังตำรวจอารักขาในหลายพื้นที่ ทั้งหมดเป็นการแสดงให้เห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เป็นประชาธิปไตย โดยเฉพาะความอ่อนแอในการทำหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบควบคุมการเลือกตั้ง เห็นได้จากผลการสำรวจของกรุงเทพโพลล์ที่มีประชาชนมากถึงร้อยละ 66 ที่ไม่เชื่อมั่นว่า กกต.จะสามารถควบคุมการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมได้ ภาคประชาชนจึงเห็นว่าจากผลลัพธ์ดังกล่าว กกต.จึงจำเป็นที่ต้องเร่งแก้ไขการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และหาก กกต.ไม่สามารถทำได้ก็สมควรพิจารณาตัวเองด้วยการลาออกทั้งหมด
“บรรยากาศเลือกตั้งที่ไม่สามารถทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ยุติธรรมได้ กกต.ก็ควรพิจารณาตัวเองด้วยการลาออกตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อเป็นการยุติความขัดแย้งที่จะก่อตัวเป็นปัญหาในอนาคต” นายปานเทพกล่าว
ส่วนกระแสที่มีความพยายามเชื่อมโยงว่าภาคประชาชนเคลื่อนไหวรณรงค์โหวตโนเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่พรรคเพื่อไทย และมีการรับเงินมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาก่อการร้ายนั้น นายปานเทพกล่าวว่า ขอย้ำว่าภาคประชาชนรณรงค์โหวตโนโดยมีจุดยืนที่ชัดเจนในการไม่ยอมรับการนิรโทษกรรมเด็ดขาด และจะต่อต้านจนถึงที่สุดอย่างแน่นอน เพื่อปกป้องการทำลายหลักนิติรัฐนิติธรรม ทั้งนี้ เจตนารมณ์ของการโหวตโนก็คือ การสร้างอำนาจต่อรองของประชาชน ไม่ยอมรับการลุอำนาจใช้เสียงข้างมากในสภา เพราะที่ผ่านมามีการพิสูจน์แล้วว่าภาคประชาชนสามารถทำหน้าที่ในการต่อต้านสิ่งที่ไม่ถูกต้องได้มากกว่าพรรคการเมืองเสียงข้างน้อยที่ต้องพ่ายแพ้ในสภา
“การโหวตโนเป็นทางออกสุดท้ายของภาคประชาชนในการลุกขึ้นปกป้องประเทศและสถาบัน ป้องกันการที่นักการเมืองแอบอ้างการใช้เสียงข้างมากในสภาสร้างความชอบธรรมให้แก่ตัวเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องยุติโดยการโหวตโน สร้างอำนาจให้ประชาชน เปิดเวทีในการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่โดยสันติวิธี และอาจจะไม่ต้องมีการชุมนุม หรือเสียเลือดเสียเนื้อกันอีก ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งขึ้นอีกในอนาคต และจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นด้วย” นายปานเทพกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการออกมาแสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์การเมืองและการเลือกตั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) มีนัยต่อการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนอย่างไร นายปานเทพกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้แสดงความเป็นห่วงถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน รวมทั้งแสดงท่าทีในการปกป้องสถาบันซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี แต่การออกมาในช่วงใกล้การเลือกตั้งนั้นก็คงหนีไม่พ้นที่ทำให้สังคตั้งคำถามว่าต้องการชี้นำไปในทิศทางใดหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวพาดพิงถึงสถานีโทรทัศน์ทางเลือกของ 2 ฝ่าย ทั้งเอเอสทีวี และทีวีของคนเสื้อแดงนั้น ตนเห็นว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์จะกล่าวโทษทีวีคนเสื้อแดงอย่างไรก็สามารถทำได้ แต่การพูดถึงเอเอสทีวีนั้น พล.อ.ประยุทธ์ต้องเข้าใจว่า เอเอสทีวีเกิดขึ้นจากศรัทธาของประชาชน และทำหน้าที่เปิดเผยข้อเท็จจริงต่อสังคม มีจุดยืนที่ชัดเจนในการต่อต้านระบอบทักษิณ ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในขณะที่รัฐบาลและกองทัพทำหน้าที่ของตัวเองได้ไม่ดีพอ โดยเฉพาะด้านความมั่นคงอธิปไตยของชาติ ซึ่งหากที่ผ่านมารัฐบาลและกองทัพปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ปล่อยให้ปัญหาลุกลามบานปลายมาถึงขั้นนี้ก็ไม่มีความจำเป็นที่เอเอสทีวีต้องออกมาทำหน้าที่ ดังนั้น กองทัพสมควรที่จะสนับสนุนเอเอสทีวีด้วยซ้ำ รวมทั้งที่ผ่านมาสื่อของรัฐหรือสื่อของกองทัพก็ไม่ได้ทำหน้าที่เผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์อย่างเพียงพอ ภาคประชาชนจึงต้องทำหน้าที่แทน รวมไปถึงการทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐโดยมิชอบ ที่ฟรีทีวีต้องพิสูจน์ให้ได้ หากสื่อของรัฐทำได้ครบถ้วน สื่อทางเลือกก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป และเมื่อทำให้ประชาชนได้เข้าใจในข้อเท็จจริงมากยิ่งขึ้น ความมั่นคงของประเทศก็จะกลับมา
นายปานเทพกล่าวต่อว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์พยายามชี้นำให้ประชาชนเลือกตัดสินใจเลือกพรรคการเมือง และเลือกคนดี เพื่อเป็นการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น พล.อ.ประยุทธ์ต้องไม่ลืมว่า ที่ผ่านมา 2 ปีกว่าของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นช่วงที่มีการจาบจ้วงสถาบันมากที่สุด และมีการขยายตัวในทางรุนแรงมากยิ่งขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การเลือกคนดีหรือพรรคการเมืองเข้าไปในสภาก็ไม่สามารถยุติปัญหาของประเทศชาติได้อย่างแน่นอน