ASTVผู้จัดการรายวัน-พันธมิตรฯ จวกกกต.ทำงานล้มเหลว ไล่ให้ลาออกทั้งชุด ยุติปัญหาความขัดแย้ง ชี้หมู่บ้านแดงผุดอื้อ เหตุรัฐอ่อนแอไม่เร่งไขความกระจ่างให้สังคม ปล่อยนปช.โฆษณาชวนเชื่อจนเกิดความเกลียดชัง แตกแยก ย้ำไม่มีใครรับเงิน “นช.แม้ว” มาโหวตโน ยันค้านนิรโทษกรรมสุดลิ่ม ติง “บิ๊กตู่” อย่าแขวะASTV ชี้เกิดจากศรัทธา ปชช.ต้องทำหน้าที่แทนรัฐบาล-กองทัพที่อ่อนแอในทุกด้าน ด้านประธาน กกต.กทม.ยันหนังสือจากกกต.กลางระบุ "ป้ายโหวตโน"ไม่ผิดกม.
วานนี้ ( 15 มิ.ย. ) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในการแถลงข่าวประจำวันกับสื่อมวลชน กรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ลงพื้นที่หาเสียงในพื้นที่ภาคเหนือ และพบว่ามีหมู่บ้านที่ติดธงแดงจำนวนมากว่า การที่มีหมู่บ้านคนเสื้อแดงเกิดขึ้น ก็มาจากความอ่อนแอของรัฐบาลที่ปล่อยปละละเลย ทิ้งให้ประชาชนถูกทำให้โน้มเอียงโดยการโฆษณาชวนเชื่อของกลุ่มคนเสื้อแดง ทำให้มีการขยายตัวมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัญหาต่อไปในอนาคต ไม่ว่าขั้วการเมืองใดจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง โดยเฉพาะการที่รัฐบาลไม่สามารถสร้างความชัดเจน ในกรณีคนชุดดำที่ใช้อาวุธสงครามในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง และทำให้ประชาชนทราบว่า แท้ที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นในเหตุการณ์ดังกล่าว ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 91 ศพ ทั้งพลเรือน และทหาร
นายปานเทพ กล่าวว่า เมื่อเกิดสถานการณ์เช่นนี้ แต่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์กลับตัดสินใจหนีปัญหาด้วยการยุบสภา ไม่ทำให้เรื่องเหล่านี้คลี่คลายเสียก่อนโดยกระบวนการยุติธรรม หรือแม้แต่การเริ่มพิสูจน์ข้อเท็จจริงโดยกระบวนการยุติธรรมก็ยังไม่เริ่มขึ้น โดยเฉพาะการนำเสนอข้อมูลผ่านสื่อ ทั้งของรัฐบาล และสื่อของคนเสื้อแดง ที่เป็นการปลุกระดมและสร้างความเกลียดชังให้มากยิ่งขึ้นมากกว่าการที่จะคลี่คลาย ไขความกระจ่างให้สังคมได้รับรู้ และเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลก็ยิ่งไม่มีหนทางที่จะทำให้เรื่องเหล่านี้ได้รับความกระจ่างเลย
** จวกกกต.ล้มเหลวต้องลาออกยกชุด
โฆษกพันธมิตรฯ ยังกล่าวถึงสถานการณ์ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งว่า มีการทุจริตซื้อสิทธิ์ขายเสียง เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ รวมทั้งขบวนการมุ่งทำลายป้ายหาเสียงโดยเฉพาะของภาคประชาชน และพรรคเพื่อฟ้าดินที่รณรงค์โหวตโน ทั้งยังมีการใช้อิทธิพลข่มขู่คุกคามหัวคะแนน และผู้สมัคร จนต้องมีการขอกำลังตำรวจอารักขาในหลายพื้นที่
ทั้งหมดนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เป็นประชาธิปไตย โดยเฉพาะความอ่อนแอในการทำหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต. ) ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ ควบคุมการเลือกตั้ง เห็นได้จากผลการสำรวจของกรุงเทพโพลล์ ที่มีประชาชนมากถึงร้อยละ 66 ที่ไม่เชื่อมั่นว่า กกต. จะสามารถควบคุมการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมได้ ภาคประชาชนจึงเห็นว่าจากผลลัพธ์ดังกล่าว กกต.จึงจำเป็นที่ต้องเร่งแก้ไขการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หากกกต.ไม่สามารถทำได้ ก็สมควรพิจารณาตัวเองด้วยการลาออกทั้งหมด
"บรรยากาศเลือกตั้งที่ไม่สามารถทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ยุติธรรมได้ กกต.ก็ควรพิจารณาตัวเองด้วยการลาออกตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อเป็นการยุติความขัดแย้งที่จะก่อตัวเป็นปัญหาในอนาคต" นายปานเทพกล่าว
** ปัดรับเงิน"แม้ว"มาปลุก"โหวตโน"
ส่วนกระแสที่มีความพยายามเชื่อมโยงว่า ภาคประชาชนเคลื่อนไหวรณรงค์โหวตโน เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่พรรคเพื่อไทย และมีการรับเงินมาจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้นนายปานเทพ กล่าวว่า ขอย้ำว่า ภาคประชาชนรณรงค์โหวตโน โดยมีจุดยืนที่ชัดเจนในการไม่ยอมรับการนิรโทษกรรมเด็ดขาด และจะต่อต้านจนถึงที่สุด เพื่อปกป้องการทำลายหลักนิติรัฐนิติธรรม
ทั้งนี้เจตนารมณ์ของการโหวตโน ก็คือการสร้างอำนาจต่อรองของประชาชน ไม่ยอมรับการลุแก่อำนาจ ใช้เสียงข้างมากในสภา เพราะที่ผ่านมามีบทพิสูจน์แล้วว่า ภาคประชาชนสามารถทำหน้าที่ในการต่อต้านสิ่งที่ไม่ถูกต้องได้มากกว่าพรรคการเมืองเสียงข้างน้อย ที่ต้องพ่ายแพ้ในสภา
" การโหวตโนเป็นทางออกสุดท้ายของภาคประชาชน ในการลุกขึ้นปกป้องประเทศและสถาบันฯ ป้องกันการที่นักการเมืองแอบอ้างการใช้เสียงข้างมากในสภา สร้างความชอบธรรมให้แก่ตัวเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องยุติโดยการโหวตโน สร้างอำนาจให้ประชาชน เปิดเวทีในการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่โดยสันติวิธี และอาจจะไม่ต้องมีการชุมนุม หรือเสียเลือดเสียเนื้อกันอีก ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งขึ้นอีกในอนาคต และจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นด้วย" นายปานเทพ กล่าว
** ผบ.ทบ.พูดแบบมีวาระซ่อนเร้น
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการออกมาแสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์การเมือง และการเลือกตั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ว่ามีนัยยะกับการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนอย่างไร นายปานเทพ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้แสดงความเป็นห่วงถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน รวมทั้งแสดงท่าทีในการปกป้องสถาบันฯ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี แต่การออกมาในช่วงใกล้การเลือกตั้งนั้น ก็คงหนีไม่พ้นที่ทำให้สังคมตั้งคำถามว่า ต้องการชี้นำไปในทิศทางใดหรือไม่
**รัฐบาล-กองทัพอ่อนแอจึงต้องมีASTV
การที่พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวพาดพิงถึงสถานีโทรทัศน์ทางเลือกของ 2 ฝ่าย ทั้ง เอเอสทีวี และทีวีของคนเสื้อแดงนั้น ตนเห็นว่า หากพล.อ.ประยุทธ์จะกล่าวโทษ ทีวีคนเสื้อแดงอย่างไร ก็สามารถทำได้ แต่การพูดถึง เอเอสทีวีนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเข้าใจว่า เอเอสทีวี เกิดขึ้นจากศรัทธาของประชาชน และทำหน้าที่เปิดเผยข้อเท็จจริงต่อสังคม มีจุดยืนที่ชัดเจนในการต่อต้านระบอบทักษิณ ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในขณะที่รัฐบาล และกองทัพทำหน้าที่ของตัวเองได้ไม่ดีพอ โดยเฉพาะด้านความมั่นคง อธิปไตยของชาติ
หากที่ผ่านมารัฐบาลและกองทัพปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ปล่อยให้ปัญหาลุกลามบานปลายมาถึงขั้นนี้ ก็ไม่มีความจำเป็นที่ เอเอสทีวี ต้องออกมาทำหน้าที่ ดังนั้นกองทัพสมควรที่จะสนับสนุนเอเอสทีวี ด้วยซ้ำ รวมทั้งที่ผ่านมา สื่อของรัฐ หรือสื่อของกองทัพก็ไม่ได้ทำหน้าที่เผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ อย่างเพียงพอ ภาคประชาชนจึงต้องทำหน้าที่แทน รวมไปถึงการทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐโดยมิชอบ ที่ฟรีทีวี ต้องพิสูจน์ให้ได้ หากสื่อของรัฐทำได้ครบถ้วน สื่อทางเลือก ก็ไม่จำเป็นต้องทำอีกต่อไป และเมื่อทำให้ประชาชนได้เข้าใจในข้อเท็จจริงมากยิ่งขึ้น ความมั่นคงของประเทศ ก็จะกลับมา
นายปานเทพ กล่าวด้วยว่า การที่พล.อ.ประยุทธ์ พยายามชี้นำให้ประชาชนเลือกตัดสินใจเลือกพรรคการเมือง และเลือกคนดี เพื่อเป็นการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น พล.อ.ประยุทธ์ ต้องไม่ลืมว่า ที่ผ่านมา 2 ปีกว่าของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นช่วงที่มีการจาบจ้วงสถาบันฯ มากที่สุด และมีการขยายตัวในทางรุนแรงมากยิ่งขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การเลือกคนดี หรือพรรคการเมืองเข้าไปในสภา ก็ไม่สามารถยุติปัญหาของประเทศชาติได้อย่างแน่นอน มีทางเดียวคือต้อง "โหวตโน"
**ป้ายโหวตโนชวนไปเลือกตั้งไม่ผิด
พล.ต.ต.สุเทพ รมยานนท์ ประธาน กกต.กทม. เปิดเผยว่า ได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการ จากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.กลาง ถึงความคืบหน้าการพิจารณาป้ายโหวตโน ของกลุ่มพันธมิตรประชานเพื่อประชาธิปไตยแล้ว โดยในหนังสือระบุว่า ป้ายโหวตโนที่มีข้อความชักชวนไม่ให้เลือกผู้สมัคร หรือพรรคการเมืองใดนั้น ไม่มีความผิด แต่ป้ายดังกล่าวไม่ใช่ป้ายหาเสียง เนื่องจากไม่มีหมายเลขผู้สมัคร หรือ ใบหน้าของผู้สมัคร หรือ องค์ประกอบอื่นๆ ที่เข้าข่ายเป็นป้ายหาเสียง เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถนำไปติด หรือวางไว้เช่นเดียวกับป้ายหาเสียงของผู้สมัครทั่วไปได้ ซึ่งกรุงเทพมหานคร จะต้องแจ้งให้เจ้าของป้ายเก็บออกจากพื้นที่ หากแจ้งแล้วแต่ไม่ได้รับความร่วมมือ ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย
ส่วนข้อความอย่าปล่อยสัตว์เข้าสภา ขณะนี้ได้มี ส.ส.จำนวน 2 ราย แจ้งความร้องทุกข์ เนื่องจากมองว่าทำให้เสียหายและเป็นการหยามเกียรติ ซึ่งได้ส่งเรื่องให้ฝ่ายสืบสวนสอบสวน ดำเนินการเรียกผู้สมัครทั้งสองมาให้ข้อมูลแล้วว่าได้รับความเสียหายอย่างไร แต่ยังไม่ขอเปิดเผยในส่วนของรายละเอียด
ด้านนายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือ หรือคำวินิจฉัยจาก กกต.กลาง ถึงกรณีดังกล่าว จึงยังไม่สามารถดำเนินการใดๆ กับป้ายโหวตโนได้
วานนี้ ( 15 มิ.ย. ) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในการแถลงข่าวประจำวันกับสื่อมวลชน กรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ลงพื้นที่หาเสียงในพื้นที่ภาคเหนือ และพบว่ามีหมู่บ้านที่ติดธงแดงจำนวนมากว่า การที่มีหมู่บ้านคนเสื้อแดงเกิดขึ้น ก็มาจากความอ่อนแอของรัฐบาลที่ปล่อยปละละเลย ทิ้งให้ประชาชนถูกทำให้โน้มเอียงโดยการโฆษณาชวนเชื่อของกลุ่มคนเสื้อแดง ทำให้มีการขยายตัวมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัญหาต่อไปในอนาคต ไม่ว่าขั้วการเมืองใดจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง โดยเฉพาะการที่รัฐบาลไม่สามารถสร้างความชัดเจน ในกรณีคนชุดดำที่ใช้อาวุธสงครามในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง และทำให้ประชาชนทราบว่า แท้ที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นในเหตุการณ์ดังกล่าว ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 91 ศพ ทั้งพลเรือน และทหาร
นายปานเทพ กล่าวว่า เมื่อเกิดสถานการณ์เช่นนี้ แต่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์กลับตัดสินใจหนีปัญหาด้วยการยุบสภา ไม่ทำให้เรื่องเหล่านี้คลี่คลายเสียก่อนโดยกระบวนการยุติธรรม หรือแม้แต่การเริ่มพิสูจน์ข้อเท็จจริงโดยกระบวนการยุติธรรมก็ยังไม่เริ่มขึ้น โดยเฉพาะการนำเสนอข้อมูลผ่านสื่อ ทั้งของรัฐบาล และสื่อของคนเสื้อแดง ที่เป็นการปลุกระดมและสร้างความเกลียดชังให้มากยิ่งขึ้นมากกว่าการที่จะคลี่คลาย ไขความกระจ่างให้สังคมได้รับรู้ และเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลก็ยิ่งไม่มีหนทางที่จะทำให้เรื่องเหล่านี้ได้รับความกระจ่างเลย
** จวกกกต.ล้มเหลวต้องลาออกยกชุด
โฆษกพันธมิตรฯ ยังกล่าวถึงสถานการณ์ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งว่า มีการทุจริตซื้อสิทธิ์ขายเสียง เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ รวมทั้งขบวนการมุ่งทำลายป้ายหาเสียงโดยเฉพาะของภาคประชาชน และพรรคเพื่อฟ้าดินที่รณรงค์โหวตโน ทั้งยังมีการใช้อิทธิพลข่มขู่คุกคามหัวคะแนน และผู้สมัคร จนต้องมีการขอกำลังตำรวจอารักขาในหลายพื้นที่
ทั้งหมดนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เป็นประชาธิปไตย โดยเฉพาะความอ่อนแอในการทำหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต. ) ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ ควบคุมการเลือกตั้ง เห็นได้จากผลการสำรวจของกรุงเทพโพลล์ ที่มีประชาชนมากถึงร้อยละ 66 ที่ไม่เชื่อมั่นว่า กกต. จะสามารถควบคุมการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมได้ ภาคประชาชนจึงเห็นว่าจากผลลัพธ์ดังกล่าว กกต.จึงจำเป็นที่ต้องเร่งแก้ไขการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หากกกต.ไม่สามารถทำได้ ก็สมควรพิจารณาตัวเองด้วยการลาออกทั้งหมด
"บรรยากาศเลือกตั้งที่ไม่สามารถทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ยุติธรรมได้ กกต.ก็ควรพิจารณาตัวเองด้วยการลาออกตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อเป็นการยุติความขัดแย้งที่จะก่อตัวเป็นปัญหาในอนาคต" นายปานเทพกล่าว
** ปัดรับเงิน"แม้ว"มาปลุก"โหวตโน"
ส่วนกระแสที่มีความพยายามเชื่อมโยงว่า ภาคประชาชนเคลื่อนไหวรณรงค์โหวตโน เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่พรรคเพื่อไทย และมีการรับเงินมาจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้นนายปานเทพ กล่าวว่า ขอย้ำว่า ภาคประชาชนรณรงค์โหวตโน โดยมีจุดยืนที่ชัดเจนในการไม่ยอมรับการนิรโทษกรรมเด็ดขาด และจะต่อต้านจนถึงที่สุด เพื่อปกป้องการทำลายหลักนิติรัฐนิติธรรม
ทั้งนี้เจตนารมณ์ของการโหวตโน ก็คือการสร้างอำนาจต่อรองของประชาชน ไม่ยอมรับการลุแก่อำนาจ ใช้เสียงข้างมากในสภา เพราะที่ผ่านมามีบทพิสูจน์แล้วว่า ภาคประชาชนสามารถทำหน้าที่ในการต่อต้านสิ่งที่ไม่ถูกต้องได้มากกว่าพรรคการเมืองเสียงข้างน้อย ที่ต้องพ่ายแพ้ในสภา
" การโหวตโนเป็นทางออกสุดท้ายของภาคประชาชน ในการลุกขึ้นปกป้องประเทศและสถาบันฯ ป้องกันการที่นักการเมืองแอบอ้างการใช้เสียงข้างมากในสภา สร้างความชอบธรรมให้แก่ตัวเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องยุติโดยการโหวตโน สร้างอำนาจให้ประชาชน เปิดเวทีในการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่โดยสันติวิธี และอาจจะไม่ต้องมีการชุมนุม หรือเสียเลือดเสียเนื้อกันอีก ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งขึ้นอีกในอนาคต และจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นด้วย" นายปานเทพ กล่าว
** ผบ.ทบ.พูดแบบมีวาระซ่อนเร้น
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการออกมาแสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์การเมือง และการเลือกตั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ว่ามีนัยยะกับการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนอย่างไร นายปานเทพ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้แสดงความเป็นห่วงถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน รวมทั้งแสดงท่าทีในการปกป้องสถาบันฯ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี แต่การออกมาในช่วงใกล้การเลือกตั้งนั้น ก็คงหนีไม่พ้นที่ทำให้สังคมตั้งคำถามว่า ต้องการชี้นำไปในทิศทางใดหรือไม่
**รัฐบาล-กองทัพอ่อนแอจึงต้องมีASTV
การที่พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวพาดพิงถึงสถานีโทรทัศน์ทางเลือกของ 2 ฝ่าย ทั้ง เอเอสทีวี และทีวีของคนเสื้อแดงนั้น ตนเห็นว่า หากพล.อ.ประยุทธ์จะกล่าวโทษ ทีวีคนเสื้อแดงอย่างไร ก็สามารถทำได้ แต่การพูดถึง เอเอสทีวีนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเข้าใจว่า เอเอสทีวี เกิดขึ้นจากศรัทธาของประชาชน และทำหน้าที่เปิดเผยข้อเท็จจริงต่อสังคม มีจุดยืนที่ชัดเจนในการต่อต้านระบอบทักษิณ ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในขณะที่รัฐบาล และกองทัพทำหน้าที่ของตัวเองได้ไม่ดีพอ โดยเฉพาะด้านความมั่นคง อธิปไตยของชาติ
หากที่ผ่านมารัฐบาลและกองทัพปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ปล่อยให้ปัญหาลุกลามบานปลายมาถึงขั้นนี้ ก็ไม่มีความจำเป็นที่ เอเอสทีวี ต้องออกมาทำหน้าที่ ดังนั้นกองทัพสมควรที่จะสนับสนุนเอเอสทีวี ด้วยซ้ำ รวมทั้งที่ผ่านมา สื่อของรัฐ หรือสื่อของกองทัพก็ไม่ได้ทำหน้าที่เผยแพร่พระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ อย่างเพียงพอ ภาคประชาชนจึงต้องทำหน้าที่แทน รวมไปถึงการทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐโดยมิชอบ ที่ฟรีทีวี ต้องพิสูจน์ให้ได้ หากสื่อของรัฐทำได้ครบถ้วน สื่อทางเลือก ก็ไม่จำเป็นต้องทำอีกต่อไป และเมื่อทำให้ประชาชนได้เข้าใจในข้อเท็จจริงมากยิ่งขึ้น ความมั่นคงของประเทศ ก็จะกลับมา
นายปานเทพ กล่าวด้วยว่า การที่พล.อ.ประยุทธ์ พยายามชี้นำให้ประชาชนเลือกตัดสินใจเลือกพรรคการเมือง และเลือกคนดี เพื่อเป็นการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น พล.อ.ประยุทธ์ ต้องไม่ลืมว่า ที่ผ่านมา 2 ปีกว่าของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นช่วงที่มีการจาบจ้วงสถาบันฯ มากที่สุด และมีการขยายตัวในทางรุนแรงมากยิ่งขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การเลือกคนดี หรือพรรคการเมืองเข้าไปในสภา ก็ไม่สามารถยุติปัญหาของประเทศชาติได้อย่างแน่นอน มีทางเดียวคือต้อง "โหวตโน"
**ป้ายโหวตโนชวนไปเลือกตั้งไม่ผิด
พล.ต.ต.สุเทพ รมยานนท์ ประธาน กกต.กทม. เปิดเผยว่า ได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการ จากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.กลาง ถึงความคืบหน้าการพิจารณาป้ายโหวตโน ของกลุ่มพันธมิตรประชานเพื่อประชาธิปไตยแล้ว โดยในหนังสือระบุว่า ป้ายโหวตโนที่มีข้อความชักชวนไม่ให้เลือกผู้สมัคร หรือพรรคการเมืองใดนั้น ไม่มีความผิด แต่ป้ายดังกล่าวไม่ใช่ป้ายหาเสียง เนื่องจากไม่มีหมายเลขผู้สมัคร หรือ ใบหน้าของผู้สมัคร หรือ องค์ประกอบอื่นๆ ที่เข้าข่ายเป็นป้ายหาเสียง เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถนำไปติด หรือวางไว้เช่นเดียวกับป้ายหาเสียงของผู้สมัครทั่วไปได้ ซึ่งกรุงเทพมหานคร จะต้องแจ้งให้เจ้าของป้ายเก็บออกจากพื้นที่ หากแจ้งแล้วแต่ไม่ได้รับความร่วมมือ ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย
ส่วนข้อความอย่าปล่อยสัตว์เข้าสภา ขณะนี้ได้มี ส.ส.จำนวน 2 ราย แจ้งความร้องทุกข์ เนื่องจากมองว่าทำให้เสียหายและเป็นการหยามเกียรติ ซึ่งได้ส่งเรื่องให้ฝ่ายสืบสวนสอบสวน ดำเนินการเรียกผู้สมัครทั้งสองมาให้ข้อมูลแล้วว่าได้รับความเสียหายอย่างไร แต่ยังไม่ขอเปิดเผยในส่วนของรายละเอียด
ด้านนายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือ หรือคำวินิจฉัยจาก กกต.กลาง ถึงกรณีดังกล่าว จึงยังไม่สามารถดำเนินการใดๆ กับป้ายโหวตโนได้