โฆษกทัพบกปัด “บิ๊กตู่” พบ “สุเทพ” ก่อนเปิดใจ ไล่นักข่าวเช็กข้อมูลก่อนนำเสนอ อ้างทำกองทัพเสียหาย ยันตั้งแต่ยุบสภายังไม่เคยเห็นหน้ารองนายกฯ เลย ชี้นายออกทีวีแค่ชวนไปเลือกคนดี อ้างชาวบ้านฟ้องบางสื่ออิงการเมืองสุดโต่ง ยั่วยุ จ่อใช้อำนาจ กอ.รมน.ฟัน
วันนี้ (15 มิ.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้เข้าพบกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.นี้ก่อนที่จะแถลงข่าวเปิดใจซึ่งออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 และสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ว่า กองทัพบกขอยืนยันว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น นายสุเทพไม่ได้เข้าพบกับ ผบ.ทบ. ไม่มีการพบกันแต่อย่างใด แล้วเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผบ.ทบ.ก็มีภารกิจตลอดทั้งวัน ไม่ได้เป็นจริงตามที่มีการเสนอข่าว
“ข้อมูลที่มีการนำเสนอไปนั้นมีความคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงมาก ผมไม่อยากใช้คำว่าข้อมูลมันไม่ตรง แต่อยากให้สื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวเหล่านี้ตรวจเช็กความถูกต้องก่อนนำเสนอ เพราะกระทบที่ตามมาคือ เกิดความเสียหายต่อกองทัพ แต่หากสมมติว่านายสุเทพมา ท่านก็ต้องให้ความยุติธรรมกับเขา เพราะปัจจุบันเขาสวมหมวก 2 ใบ คือ เขาเป็นผู้สมัคร ส.ส. ซึ่งไม่เหมาะ แต่เขามีหน้าที่ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ที่เขาต้องมีข้อราชการหารือกัน มันไม่ได้หมายความว่าวันที่ประกาศยุบสภาจนถึงวันเลือกตั้ง คนที่อยู่ในตำแหน่งหน้าที่จะละเลยการทำงาน แล้วบ้านเมืองจะเดินไปได้อย่างไร ก็อยากให้ท่านคิดในมุมบวกด้วย เพื่อให้โอกาสให้ทุกคนได้ทำหน้าที่ของเขา อย่ามองในภาพของเชิงลบอย่างเดียว ส่วนจะมีใครมองว่าน่าจะให้นายสุเทพเรียก ผบ.ทบ.ไปพบมากกว่านั้นก็สุดแล้วแต่สถานการณ์และความเหมาะสม ซึ่งหลังจากที่ประกาศยุบสภา ผมก็ไม่เคยเห็นนายสุเทพเข้ามา แต่ผมเชื่อมั่นว่า ผบ.ทบ.ก็รู้ว่าสังคมส่วนหนึ่งตั้งข้อสังเกต ดังนั้นท่านก็ใช้ดุลพินิจอย่างสูงที่สุด” พ.อ.สรรเสริญกล่าว
พ.อ.สรรเสริญกล่าวอีกว่า ตนต้องถามสื่อว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะเราไม่ได้เป็นผู้ให้ข่าวและไม่มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นจริง ซึ่งได้มีการพูดคุยวิเคราะห์กันในระดับฝ่ายเสนาธิการว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่การฟังจากวิทยุสื่อสารของบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยนั้นหมายถึงเจ้าหน้าที่ของช่อง 7 ที่เข้ามาร่วมรับฟังประเด็นด้วย ที่อาจจะ ว.ว่า วีไอพีของ ทบ.1 ซึ่งให้สื่อพิจารณาดู เพราะจริงๆ แล้ว ผบ.ทบ.ไม่ทราบว่าใครเข้ามาบ้าง
เมื่อถามว่า เนื้อหาที่ ผบ.ทบ.ได้เปิดใจผ่านโทรทัศน์นั้นถูกนำไปตีความว่ากองทัพได้สนับสนุนพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง และชี้นำให้ประชาชนไม่เลือกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งได้ พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า นี่คือสิ่งที่เราเป็นห่วง เพราะไม่ว่าเราจะพยายามชี้แจงในจุดยืนที่เป็นกลางให้เลือกคนดี ซึ่งทุกคนในสังคมไทยก็เรียกร้องให้ทุกคนเลือก ส.ส.ที่เป็นคนดี คนที่ซื่อสัตย์ คนที่มีวิสัยทัศน์ มีจริยธรรมคุณธรรม ซึ่งทุกคนเรียกร้องเหมือนกัน และ ผบ.ทบ.ได้มาพูดในประเด็นเดียวกับทุกคน แต่ยังมีความพยายามที่จะดึงกองทัพให้ไปเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง ดังนั้นจึงเป็นที่มาของการเปิดใจของท่าน ดังนั้น ตนจึงอยากวอนสื่อทุกสื่อว่าวันนี้บ้านเมืองเราเปราะบาง ขอให้ทุกคนได้ใช้วิจารณญาณในการนำเสนอ
“ผบ.ทบ.ต้องการชี้แจงถึงเรื่องราวต่างๆ ในจุดยืนของกองทัพต่อการเลือกตั้ง ว่าท่านไม่ได้สนับสนุน ไม่ได้ต่อต้าน ไมได้เกิดความรู้สึกกับใครเป็นพิเศษ แต่ท่านทำหน้าที่ของท่านในจุดที่เหมาะสม และเชิญชวนให้คนไทยได้ออกไปเลือกตั้งคนดี คนที่จะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองในวันข้างหน้า ซึ่งการที่ใครจะมองว่าเป็นการถูกสะกิดให้ออกมาพูดนั้น ผมเชื่อมั่นว่าในฐานะที่ท่านเป็นผู้นำองค์กร ท่านสามารถที่จะพิจารณาเรื่องราวต่างๆ ได้ แล้วกำลังพลทุกคนในกองทัพเราก็มีหน้าที่ระหว่างกัน เป็นทั้งผู้นำเสนอข้อมูลและเป็นที่ฟังคำสั่งนโยบายจาก ผบ.ทบ.ควบคู่กันไป” พ.อ.สรรเสริญกล่าว
พ.อ.สรรเสริญกล่าวอีกว่า เรื่องสื่อที่ ผบ.ทบ.พูดนั้น ท่านคงไม่ได้หมายความว่าท่านโบ้ยทุกๆคน ไม่ใช่ลักษณะอย่างนั้น ท่านต้องเข้าใจว่าสื่อหรือผู้ที่นำเสนอข้อมูลมาอย่างไรไปอย่างนั้น มาอย่างไรอาจจะมีการแต่งแต้มก็แล้วแต่นั่นคือสื่อ แต่ท่านทั้งหลายไม่ใช่เป็นสื่ออย่างเดียว แต่ท่านเป็นสื่อมวลชน ซึ่งเราไม่เคยมีความคิดเป็นอย่างอื่น ดังนั้นสื่อมวลชนจะมีความพิเศษกว่าสื่อธรรมดา คือจะมีดุลพินิจ มีวิจารณญาณ ท่านนำเสนอในสิ่งต่างๆที่มันเป็นข้อเท็จจริง เป็นมุมมอง มีทัศนคติเพื่อให้สังคมได้พิจารณาได้ ดังนั้น การที่ ผบ.ทบ.พูดนั้นไม่ได้หมายความว่าท่านตำหนิ ต้องแยกแยะว่าเรื่องของความปรองดองที่เขาพูดกันมันเป็นเรื่องโตไปสำหรับตน สำหรับกองทัพ ดังนั้นก็ค่อยไปว่าในกันภาคของการเมือง รัฐบาล
“วันนี้ยังมีสื่อบางส่วนที่อินกับเรื่องการเมืองกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแบบสุดโต่ง แล้วทำให้เกิดการยั่วยุในคำพูด ทำให้เกิดความรู้สึกแปลกแยก แบ่งฝักฝ่ายในพี่น้องคนไทยด้วยกัน แล้วนี่หรือที่จะนำมาซึ่งการสมัครสมานสามัคคี ที่จะทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติเป็นปึกแผ่นในวันข้างหน้า ขณะนี้มีประชาชนส่วนหนึ่งได้โทรศัพท์เข้ามายังกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ที่อยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการกับคนที่เป็นสื่อ ซึ่งไม่ได้หมายถึงสื่อมวลชน แต่หมายถึงสื่อที่ ผบ.ทบ.พูดว่าอินกับเรื่องของขั้วการเมืองแบบสุดโต่งจนไม่ได้นำมาซึ่งความรู้สึกสามัคคีของชาวไทย แต่พยายามที่จะทำให้เกิดความแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ซึ่งมีเสียงร้องเรียนเข้ามาเยอะ เราคงต้องหารือกับฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในฐานะของ กอ.รมน.ที่จะต้องบูรณาการหน่วยงานต่างๆ ที่จะต้องมีส่วนร่วมกันว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้างที่เป็นไปตามข้อกฎหมาย และตามเสียงเรียกร้องของประชาชนที่ต้องการให้เกิดความสามัคคี ไม่มีสื่อที่ยั่วยุให้เกิดอาการแปลกแยกแบบนี้ในสังคม" พ.อ.สรรเสริญกล่าว
เมื่อถามว่า การดำเนินการแบบนี้อาจจะทำให้กลุ่มการเมืองทั้ง 2 ฟากจะรวมตัวกันโจมตีกองทัพหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ตนไม่ได้บอกว่ามี 2 ฟาก ท่านต้องพิจารณาดูว่ามันมีสื่อประเภทนั้นหรือไม่ ซึ่งในสังคมทุกคนวิเคราะห์ได้เอง เพราะกลุ่มที่เป็น “สื่อ” กับ “สื่อมวลชน” นั้นมีความแตกต่างกัน ส่วนการที่ ผบ.ทบ.ออกมาพูดนั้นจะถูกมองว่าเป็นการการสร้างความกระเพื่อมให้แก่สังคมนั้น ตนมองว่าการที่กองทัพบกออกมาพูดก็หาว่ากระเพื่อม ถ้าไม่พูดก็หาว่ากองทัพบกอมพะนำ นิ่ง ให้สังคมวิเคราะห์กันเองในสังคมอีก ก็เกิดความสับสนในสังคมอีก ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้ คือ ทำให้สังคมได้เห็นถึงจุดยืนของกองทัพอย่างแท้จริงว่าเราเป็นอย่างนี้ เราเป็นทหารของประชาชน
พ.อ.สรรเสริญกล่าวอีกว่า ตนมีคำกลอน 1 กลอน ไม่ได้ต้องการจะเอาใจใคร จำได้ว่าเราเคยได้รับการสอนสั่งมาตั้งแต่เป็นสมัยนักเรียน ซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์ใน ร.6 ความว่า “เพียงหวังจะเฟื่องฟุ้ง ฤๅจะมุ่งมาศึกษา เพียงเพื่อปริญญาเอาตัวรอดกระนั้นฤๅ แท้จริงเจ้าควรคิดจงตั้งจิตและยึดถือ รับใช้ชาติไทยคือปลายทางเราที่เล่าเรียน” ทุกคนที่เป็นทหารยึดมั่นใจเจตนารมณ์อันนี้มาโดยตลอด และเราพยายามทำทุกอย่างให้เป็นไปตามนี้
เมื่อถามว่า ขณะนี้กองทัพมีกี่มาตรฐานในการดำเนินการ พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ที่ผ่านมาเราก็ทำตามกฎหมาย ตนไม่ทราบว่ามีกี่มาตรฐาน แต่เราทำตามทุกอย่างตามข้อกฎหมาย เราเป็นกลไกหนึ่งของรัฐ ใครเป็นรัฐบาลที่สั่งการถูกต้องตามข้อกฎหมายเราก็ปฏิบัติตามนั้น แล้วได้ชี้แจงมาโดยตลอดไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ตาม ส่วนการที่ ผบ.ทบ.ออกมาพูดว่าอาจจะมีกลุ่มคนพุ่งและมองไปว่าเป็นการโจมตีกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งตนคิดว่าวันนี้เราจึงต้องสร้างสังคมให้เข้าใจว่า อย่ามองทุกอย่างในทางลบ พยายามคิดบวก บ้านเมืองเราจะได้เดินไปข้างหน้า ถ้าทุกอย่างตั้งข้อสังเกตในเชิงลบไปหมด ตนว่าทุกคนคงจะมีอาการเกร็งเหมือนกัน