ASTVผู้จัดการรายวัน-"เทือก" ปากแข็ง ลั่นไม่ได้พบบิกตู่ก่อนแถลง ยันภารกิจเพียบไม่มีเวลา โยนมือดีหวังดิสเครดิตกองทัพ ด้านโฆษกไก่อูออกโรงแจงอีก วอน "สื่อ-ประชาชน" เห็นใจ ย้ำ เทือก สวมหมวก 2 ใบ ถ้าพบด็ไม่ผิด ยังเป็นรองนายกฯ ต้องประสานงานกองทัพ ย้ำจุดยืนกองทัพเป็นกลาง-หนุนเลือกตั้ง-ไม่เลือกข้าง เสธ.หนั่นช่วยย้ำเป็นความเห็นส่วนตัวมากกว่า
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สื่อได้รายงานข่าวคลาดเคลื่อน ที่ระบุว่า เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. จะไปออกรายการโทรทัศน์ ตนได้เดินทางไปพบ ผบ.ทบ. เป็นเวลาประมาณ 40 นาที ปรากฏว่า สถานีโทรทัศน์บางสถานี หนังสือพิมพ์บางฉบับ และวิทยุออกมาอย่างนั้น ซึ่งตนขอเรียนว่า ถ้าข่าวนี้ใครเป็นคนปล่อยออกไป แสดงให้เห็นถึงเจตนาว่า ต้องการไปดิสเครดิต ผบ.ทบ.
ดังนั้นต้องขอความเป็นธรรม และยืนยันว่า ข่าวสารมีความคลาดเคลื่อน จะจงใจหรือไม่จงใจไม่ทราบ ซึ่งเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ตอนเช้า ตนไปทำเนียบรัฐบาล และเข้าร่วมประชุมครม. จากนั้นตนรับประทานอาหาร ที่ห้องทำงาน และได้เชิญ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสธ.ทบ. และคณะมาพบ เพื่อสั่งงานเกี่ยวกับการปราบปรามยาเสพติดของทีม 315 เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ ตนได้ไปประชุม คณะกรรมการคดีพิเศษ จากนั้นบ่าย 3 โมง ได้มาประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ เลิกตอน 5 โมงเย็น และได้เดินทางมาที่พรรคประชาธิปัตย์อยู่จนถึง 6 โมงเย็น และได้ไปร่วมงานศพที่โรงเรียนสมถวิล
"ตารางเวลาผมชัดเจน ไม่มี 20 นาทีหรือ 30 นาที 40 นาที ที่ผมจะได้ไปพบ ผบ.ทบ.และโดยข้อเท็จจริงผมไม่ได้พบกับผบ.ทบ. เมื่อวานนี้ ไม่ได้ติดต่อกัน การออกรายการของ ผบ.ทบ. ก็เป็นการชี้แจงประเด็นที่มีคนวิพากษ์วิจารณ์กองทัพ และทหาร ซึ่งเป็นประโยชน์ แต่สิ่งที่ท่านชี้แจง และเป็นประโยชน์กลับถูกดิสเครดิตว่า ผมเข้าไปพบท่านก่อนที่ท่านจะชี้แจง ถือว่าไม่ยุติธรรมกับ ผบ.ทบ. และไม่ยุติธรรมกับผม" นายสุเทพ กล่าว
เมื่อถามว่าข่าวที่ท่านไปพบ ผบ.ทบ. จะเป็นการตอกย้ำภาพความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพกับประชาธิปัตย์มากขึ้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนกังวล จะมีคนที่ใจไม่สุจริตแกล้งสร้างข่าวนี้ขึ้นมาเพื่อทำลายเครดิต ผบ.ทบ. เอามาเขียนข่าวอย่างนี้หมายความว่าที่ ผบ.ทบ. พูดได้เตี๊ยมกับตนมาก่อน อันนี้แย่มาก แสดงให้เห็นถึงการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารที่แย่มาก
**ชม ผบ.ทบ.พูดเป็นประโยชน์ต่อชาติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ ผบ.ทบ. ออกมาพูดถึงการเลือกตั้ง ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน เป็นการหมิ่นเหม่เกินไปหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า จากการทำใจว่างๆ แล้วนั่งฟัง คิดว่าสิ่งที่ท่านออกมาพูดทั้งหมดเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เป็นการเตือนสติคนหลายฝ่าย แสดงความคิดเห็นในฐานะเป็นผู้นำกองทัพคนหนึ่ง
ต่อข้อถามว่า การชี้แจงดังกล่าวถูกตีความว่า ผบ.ทบ.สนันสนุนพรรคประชาธิปัตย์และชี้นำไม่ให้ประชาชนไปเลือกบางพรรค นายสุเทพ ตอบว่า ตีความเอาเองตามโมหะ โลภะ ของแต่ละคน คนที่ไม่ชอบท่านก็ต้องไปตีความอย่างนั้น ตนฟังแล้วฟังอีกก็ยังไม่เห็นว่าจะมาเชียร์พรรคประชาธิปัตย์ตรงไหน
ต่อข้อถามว่าจำเป็นที่จะต้องสอบต้นตอข่าวนี้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ตรวจสอบ แต่จะฟ้องประชาชนผ่านสื่อว่า มันเป็นการบิดเบือนชัดเจน และมีเจตนาที่ไม่ดี
**"เทือก"มาพบได้เพราะสวมหมวก 2 ใบ
ด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวว่านายสุเทพ ได้เข้าพบกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ที่ผ่านมา ก่อนจะแถลงข่าวเปิดใจ ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 และ ช่อง 5 ว่า กองทัพบกขอยืนยันว่า ไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น นายสุเทพ ไม่ได้เข้าพบ ผบ.ทบ. และไม่ได้มีการพบกัน เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผบ.ทบ. ก็มีภารกิจตลอดทั้งวัน
" ข้อมูลที่มีการนำเสนอไปนั้น มีความคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงมาก ผมไม่อยากใช้คำว่า ข้อมูลมันไม่ตรง แต่อยากให้สื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวเหล่านี้ ตรวจเช็คความถูกต้องก่อนนำเสนอ เพราะผลกระทบที่ตามมาคือ เกิดความเสียหายต่อกองทัพ แต่หากสมมุติว่านายสุเทพมาพบ ท่านก็ต้องให้ความยุติธรรมกับเขา เพราะปัจจุบันเขาสวมหมวก 2 ใบ คือ เขาเป็นผู้สมัคร ส.ส. ซึ่งไม่เหมาะ แต่ 2 เขามีหน้าที่ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ที่เขาต้องมีข้อราชการ หารือกัน มันไม่ได้หมายความว่า วันที่ประกาศยุบสภาจนถึงวันเลือกตั้ง คนที่อยู่ในตำแหน่งหน้าที่ จะละเลยการทำงาน แล้วบ้านเมืองจะเดินไปได้อย่างไร ก็อยากให้ท่านคิดในมุมบวกด้วย เพื่อให้โอกาสให้ทุกคนได้ทำหน้าที่ของเขา อย่ามองในเชิงลบอย่างเดียว ส่วนจะมีใครมองว่า น่าจะให้นายสุเทพ เรียก ผบ.ทบ.ไปพบมากกว่านั้น ก็สุดแล้วแต่สถานการณ์และความเหมาะสม ซึ่งหลังจากที่ประกาศยุบสภา ผมก็ไม่เคยเห็นนายสุเทพ เข้ามา แต่ผมเชื่อมั่นว่า ผบ.ทบ. ก็รู้ว่าสังคมส่วนหนึ่งตั้งข้อสังเกตุ ดังนั้นท่านก็ใช้ดุลยพินิจอย่างสูงที่สุด" พ.อ.สรรเสริญ กล่าว
**เลือกคนดีเป็นเรื่องปกติ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ออกมาแถลงว่าให้คนไทยไปเลือกคนดี เพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กลับพูดว่า คนดีไม่ชี้นำการเลือกตั้ง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเห็นว่าทุกยุคทุกสมัยก็บอกว่าไปเลือกตั้ง ก็ให้ไปเลือกคนดี คงไม่ใช่เรื่องการชี้นำ เป็นหลักทั่วไปอยู่แล้ว นอกจากเราไม่ต้องการคนดีเท่านั้นเอง
** ยันผบ.ทบ.ไม่ได้ชี้นำใคร
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า ตนต้องถามสื่อว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะเราไม่ได้เป็นผู้ให้ข่าว และไม่มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นจริง ซึ่งได้มีการพูดคุยวิเคราะห์กันในระดับฝ่ายเสนาธิการ ว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่การฟังจากวิทยุสื่อสารของบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยนั้น หมายถึง เจ้าหน้าที่ของ ช่อง 7 ที่เข้ามาร่วมรับฟังประเด็นด้วย ที่อาจจะ ว.ว่า วีไอพีของ ทบ.1 ซึ่งให้สื่อพิจารณาดู เพราะจริงๆ แล้ว ผบ.ทบ.ไม่ทราบหรอกว่าใครเข้ามาบ้าง
เมื่อถามว่าเนื้อหาที่ ผบ.ทบ.ได้เปิดใจ ผ่านโทรทัศน์นั้น ถูกนำไปตีความว่ากองทัพได้สนับสนุนพรรคการ เมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง และชี้นำให้ประชาชนไม่เลือกพรรคการเมืองใดพรรคการ เมืองหนึ่งได้ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า นี่คือสิ่งที่เราเป็นห่วง เพราะไม่ว่าเราจะพยายามชี้แจงในจุดยืนที่เป็นกลาง ให้เลือกคนดี ซึ่งทุกคนในสังคมไทยก็เรียกร้องให้ทุกคนเลือก ส.ส.ที่เป็นคนดี คนที่ซื่อสัตย์ คนที่มีวิสัยทัศน์ มีจริยธรรม คุณธรรม ซึ่งทุกคนเรียกร้องเหมือนกัน และ ผบ.ทบ.ได้มาพูดในประเด็นเดียวกับทุกคน แต่ยังมีความพยายามที่จะดึงกองทัพให้ไปเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง ดังนั้นจึงเป็นที่มาของการเปิดใจของท่าน ดังนั้นจึงอยากวอนสื่อทุกสื่อว่า วันนี้บ้านเมืองเราเปราะบาง ขอให้ทุกคนได้ใช้วิจารณญาณในการนำเสนอ
" ผบ.ทบ.ต้องการชี้แจงถึงเรื่องราวต่างๆในจุดยืนของกองทัพ ต่อการเลือกตั้งว่า ท่านไม่ได้สนับสนุน ไม่ได้ต่อต้าน ไม่ได้เกิดความรู้สึกกับใครเป็นพิเศษ แต่ท่านทำหน้าที่ของท่านในจุดที่เหมาะสม และเชิญชวนให้คนไทยได้ออกไปเลือกตั้ง คนดี คนที่จะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองในวันข้างหน้า ซึ่งการที่ใครจะมองว่า เป็นการถูกสะกิดให้ออกมาพูดนั้น ผมเชื่อมั่นว่า ในฐานะที่ท่านเป็นผู้นำองค์กร ท่านสามารถที่จะพิจารณาเรื่องราวต่างๆได้ แล้วกำลังพลทุกคนในกองทัพเราก็มีหน้าที่ระหว่างกัน เป็นทั้งผู้นำเสนอข้อมูล และเป็นผู้ที่ฟังคำสั่งนโยบายจาก ผบ.ทบ. ควบคู่กันไป" พ.อ.สรรเสริญกล่าว
**อัดสื่อสุดโต่งยุยงให้แตกแยก
สำหรับเรื่องสื่อ ที่ผบ.ทบ.พูดนั้น ท่านคงไม่ได้หมายความว่า ท่านโบ้ยทุกๆ คน ไม่ใช่ลักษณะอย่างนั้น ท่านต้องเข้าใจว่า สื่อหรือผู้ที่นำเสนอข้อมูล มาอย่างไรไปอย่างนั้น มาอย่างไร อาจจะมีการแต่งแต้มก็แล้วแต่ นั่นคือสื่อ แต่ท่านทั้งหลายไม่ใช่เป็นสื่ออย่างเดียว แต่ท่านเป็นสื่อมวลชน ซึ่งเราไม่เคยมีความคิดเป็นอย่างอื่น
ดังนั้นสื่อมวลชน จะมีความพิเศษกว่าสื่อธรรมดา คือจะมีดุลยพินิจ มีวิจารณญาณ นำเสนอในสิ่งต่างๆ ที่มันเป็นข้อเท็จจริง เป็นมุมมอง มีทัศนคติเพื่อให้สังคมได้พิจารณาได้ ดังนั้น การที่ ผบ.ทบ.พูดนั้น ไม่ได้หมายความว่า ท่านตำหนิ ต้องแยกแยะว่าเรื่องของความปรองดองที่เขาพูดกันมันเป็นเรื่องโตไปสำหรับตน สำหรับกองทัพ ดังนั้นก็ค่อยไปว่ากันในภาคของการเมือง รัฐบาล
"วันนี้ยังมีสื่อบางส่วนที่อินกับเรื่องการเมืองกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแบบสุดโต่ง แล้วทำให้เกิดการยั่วยุในคำพูด ทำให้เกิดความรู้สึกแปลกแยก แบ่งฝักฝ่ายในพี่น้องคนไทยด้วยกัน แล้วนี่หรือ ที่จะนำมาซึ่งการสมัครสมานสามัคคี ที่จะทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติเป็นปึกแผ่นในวันข้างหน้า"
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีประชาชนส่วนหนึ่งได้โทรศัพท์เข้ามายังกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ( กอ.รมน.) ที่อยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการกับคนที่เป็นสื่อ ซึ่งไม่ได้หมายถึงสื่อมวลชน แต่หมายถึงสื่อที่ ผบ.ทบ. พูดว่าอินกับเรื่องของขั้วการเมืองแบบสุดโต่ง จนไมได้นำมาซึ่งความรู้สึกสามัคคีของชาวไทย แต่พยายามที่จะทำให้เกิดความแบ่งฝัก แบ่งฝ่าย ซึ่งมีเสียงร้องเรียนเข้ามาเยอะ เราคงต้องหารือกับฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ในฐานะของกอ.รมน. ที่จะต้องบูรณาการหน่วยงานต่างๆ ที่จะต้องมีส่วนร่วมกันว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง ที่เป็นไปตามข้อกฎหมาย และตามเสียงเรียกร้องของประชาชน ที่ ต้องการให้เกิดความสามัคคี ไม่มีสื่อที่ยั่วยุให้เกิดอาการแปลกแยกแบบนี้ ในสังคม
** ขอให้มองโลกในแง่บวก
เมื่อถามว่า การดำเนินการแบบนี้ อาจจะทำให้กลุ่มการเมืองทั้ง 2 ฟาก จะรวมตัวกันโจมตีกองทัพหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ตนไม่ได้บอกว่ามี 2 ฟาก ท่านต้องพิจารณาดูว่ามันมีสื่อประเภทนั้นหรือไม่ ซึ่งในสังคมทุกคนวิเคราะห์ได้เอง เพราะกลุ่มที่เป็น “สื่อ” กับ “สื่อมวลชน” นั้นมีความแตกต่างกัน
ส่วนการที่ ผบ.ทบ.ออกมาพูดนั้น จะถูกมองว่าเป็นการการสร้างความกระเพื่อมให้กับสังคมนั้น ตนมองว่า การที่กองทัพบกออกมาพูด ก็หาว่ากระเพื่อม ถ้าไม่พูดก็หาว่ากองทัพบกอมพะนำ นิ่ง ให้สังคมวิเคราะห์กันเองในสังคมอีก ก็เกิดความสับสนในสังคมอีก
" ผมยังเกร็งเลยว่า..ตกลงจะเอายังไง ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้ คือ ทำให้สังคมได้เห็นถึงจุดยืนของกองทัพอย่างแท้จริง ว่าเราเป็นอย่างนี้ เราเป็นทหารของประชาชน"
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า ตนมีคำกลอน 1 บท ซึ่งไม่ได้ต้องการจะเอาใจใคร ตนจำได้ว่า เราเคยได้รับการสอนสั่งมาตั้งแต่เป็นสมัยนักเรียน ซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์ของ ร.6 ความว่า “เพียงหวัง จะเฟื่องฟุ้ง ฤาจะมุ่งมาศึกษา เพียงเพื่อปริญญาเอาตัวรอดกระนั้นฤา แท้จริงเจ้าควรคิด จงตั้งจิตและยึดถือ รับใช้ชาติไทยคือปลายทางเราที่เล่าเรียน” ทุกคนที่เป็นทหาร ยึดมั่นใจเจตนารมย์อันนี้มาโดยตลอด และเราพยายามทำทุกอย่าง ให้เป็นไปตามนี้
เมื่อถามว่าขณะนี้กองทัพมีกี่มาตรฐานในการดำเนินการ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ผ่านมา เราก็ทำตามกฎหมาย ตนไม่ทราบว่ามีกี่มาตรฐาน แต่เราทำตามทุกอย่างตามข้อกฎหมาย เราเป็นกลไกหนึ่งของรัฐ ใครเป็นรัฐบาลที่สั่งการถูกต้องตามข้อกฎหมาย เราก็ปฏิบัติตามนั้น แล้วได้ชี้แจงมาโดยตลอด ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ตาม
ส่วนการที่ ผบ.ทบ.ออกมาพูด อาจจะมีกลุ่มคนพุ่ง และมองไปว่า เป็นการโจมตีกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งตนคิดว่าวันนี้ เราจึงต้องสร้างสังคมให้เข้าใจว่า อย่ามองทุกอย่างในทางลบ พยายามคิดบวก บ้านเมืองเราจะได้เดินไปข้างหน้า ถ้าทุกอย่างตั้งข้อสังเกตุในเชิงลบไปหมด ทุกคนก็คงจะมีอาการเกร็งเหมือนกัน
** "ชุมพล"ตะแบงผบ.ทบ.ไม่ได้ชี้นำ
นายชุมพล ศิปลอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณี ผบ.ทบ. เปิดใจผ่านรายการพิเศษว่า ท่านเป็นคนเปิดเผยดี ท่าทีของฝ่ายทหารก็ถือว่า วางตัวเป็นกลาง และที่ท่านออกมาประกาศชัดเจนแบบนี้ ทำให้ทุกฝ่ายทราบว่าท่านไม่มีอะไร จะไปหาเสียงในค่ายทหารก็ได้ ท่านจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่การเมืองอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับท่านก็แล้วกัน ท่านก็พูดตรงไปตรงมาดี แบบชายชาติทหาร ตนคิดว่าท่านไม่มีอะไร อย่าไปคิดกันมาก กับคำพูดของท่าน ท่านเป็นคนอย่างนั้นอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า หลายฝ่ายเกรงว่าคำพูดของ ผบ.ทบ.จะกลายเป็นการชี้นำทางการเมืองในการเลือกตั้ง นายชุมพล กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น ใจประชาชน เสียงประชาชน อยู่ที่ประชาชน ใครจะพูดอย่างไร เชื่อว่าไม่มีผล
เมื่อถามว่าหลายคนก็ระบุว่า บทบาทของกองทัพต้องวางตัวเป็นกลาง นายชุมพล กล่าวว่า เท่าที่ตนฟัง ก็ไม่ได้พูดอะไรถึงขนาดนั้น เพียงแต่ว่า อาจจะไม่สบายใจบ้าง เพราะนาน ๆ ทหารจะพูดที แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะท่านวางตัวได้ดี ตนฟังดูคำพูด รวมทั้งฟังการวิเคราะห์มาทั้งหมดแล้ว ก็ไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนกรณีที่นายสุเทพ เข้าพบ ผบ.ทบ.นั้น ตนไม่ทราบเรื่อง
** อ้างแค่เป็นการแสดงความเห็นส่วนตัว
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงการแสดงท่าทีของ ผบ.ทบ. ต่อการเลือกตั้งว่า การแสดงความคิดเห็นสามารถกระทำได้ เพราะพล.อ.ประยุทธ์ ก็ถือว่าเป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง และเป็นการดีที่ ผบ.ทบ. ออกมาสนับสนุนให้ประชาชนออกมาเลือกตั้ง เพื่อให้การเมืองผ่านพ้นวิกฤติไปได้ ทั้งนี้ ตนไม่ได้คิดว่าเป็นการเข้ามาก้าวก่ายเรื่องการเมืองแต่อย่างใด
เมื่อถามว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า คนผิดต้องได้รับโทษตามกฎหมายนั้น ถือเป็นการส่งสัญญาณการคัดค้านนิรโทษกรรมหรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ตามกฎหมายก็ระบุไว้ชัดว่า ถ้าใครทำผิดต้องได้รับโทษตามกฎหมาย ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่ไม่อยากให้สังคมคิดมากว่า การพูดในกรณีนี้ของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นการส่งสัญญาณอะไรทางการเมือง เพราะเป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นทั่วไปเท่านั้นในฐานะส่วนตัว
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายสุเทพ เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ปฎิเสธไม่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย เข้าพบก่อนหน้านี้ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า เรื่องนี้เห็นจากข่าว นายสุเทพได้ออกมาปฎิเสธแล้ว อย่างไรก็ตามแม้นายสุเทพจะเข้าพบจริงก็ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกอะไร เพราะนายสุเทพ เป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ซึ่งถือว่าเป็นผู้บังคับบัญชาพล.อ.ประยุทธ์อยู่แล้ว ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สื่อได้รายงานข่าวคลาดเคลื่อน ที่ระบุว่า เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. จะไปออกรายการโทรทัศน์ ตนได้เดินทางไปพบ ผบ.ทบ. เป็นเวลาประมาณ 40 นาที ปรากฏว่า สถานีโทรทัศน์บางสถานี หนังสือพิมพ์บางฉบับ และวิทยุออกมาอย่างนั้น ซึ่งตนขอเรียนว่า ถ้าข่าวนี้ใครเป็นคนปล่อยออกไป แสดงให้เห็นถึงเจตนาว่า ต้องการไปดิสเครดิต ผบ.ทบ.
ดังนั้นต้องขอความเป็นธรรม และยืนยันว่า ข่าวสารมีความคลาดเคลื่อน จะจงใจหรือไม่จงใจไม่ทราบ ซึ่งเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ตอนเช้า ตนไปทำเนียบรัฐบาล และเข้าร่วมประชุมครม. จากนั้นตนรับประทานอาหาร ที่ห้องทำงาน และได้เชิญ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสธ.ทบ. และคณะมาพบ เพื่อสั่งงานเกี่ยวกับการปราบปรามยาเสพติดของทีม 315 เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ ตนได้ไปประชุม คณะกรรมการคดีพิเศษ จากนั้นบ่าย 3 โมง ได้มาประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ เลิกตอน 5 โมงเย็น และได้เดินทางมาที่พรรคประชาธิปัตย์อยู่จนถึง 6 โมงเย็น และได้ไปร่วมงานศพที่โรงเรียนสมถวิล
"ตารางเวลาผมชัดเจน ไม่มี 20 นาทีหรือ 30 นาที 40 นาที ที่ผมจะได้ไปพบ ผบ.ทบ.และโดยข้อเท็จจริงผมไม่ได้พบกับผบ.ทบ. เมื่อวานนี้ ไม่ได้ติดต่อกัน การออกรายการของ ผบ.ทบ. ก็เป็นการชี้แจงประเด็นที่มีคนวิพากษ์วิจารณ์กองทัพ และทหาร ซึ่งเป็นประโยชน์ แต่สิ่งที่ท่านชี้แจง และเป็นประโยชน์กลับถูกดิสเครดิตว่า ผมเข้าไปพบท่านก่อนที่ท่านจะชี้แจง ถือว่าไม่ยุติธรรมกับ ผบ.ทบ. และไม่ยุติธรรมกับผม" นายสุเทพ กล่าว
เมื่อถามว่าข่าวที่ท่านไปพบ ผบ.ทบ. จะเป็นการตอกย้ำภาพความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพกับประชาธิปัตย์มากขึ้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนกังวล จะมีคนที่ใจไม่สุจริตแกล้งสร้างข่าวนี้ขึ้นมาเพื่อทำลายเครดิต ผบ.ทบ. เอามาเขียนข่าวอย่างนี้หมายความว่าที่ ผบ.ทบ. พูดได้เตี๊ยมกับตนมาก่อน อันนี้แย่มาก แสดงให้เห็นถึงการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารที่แย่มาก
**ชม ผบ.ทบ.พูดเป็นประโยชน์ต่อชาติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ ผบ.ทบ. ออกมาพูดถึงการเลือกตั้ง ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน เป็นการหมิ่นเหม่เกินไปหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า จากการทำใจว่างๆ แล้วนั่งฟัง คิดว่าสิ่งที่ท่านออกมาพูดทั้งหมดเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เป็นการเตือนสติคนหลายฝ่าย แสดงความคิดเห็นในฐานะเป็นผู้นำกองทัพคนหนึ่ง
ต่อข้อถามว่า การชี้แจงดังกล่าวถูกตีความว่า ผบ.ทบ.สนันสนุนพรรคประชาธิปัตย์และชี้นำไม่ให้ประชาชนไปเลือกบางพรรค นายสุเทพ ตอบว่า ตีความเอาเองตามโมหะ โลภะ ของแต่ละคน คนที่ไม่ชอบท่านก็ต้องไปตีความอย่างนั้น ตนฟังแล้วฟังอีกก็ยังไม่เห็นว่าจะมาเชียร์พรรคประชาธิปัตย์ตรงไหน
ต่อข้อถามว่าจำเป็นที่จะต้องสอบต้นตอข่าวนี้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ตรวจสอบ แต่จะฟ้องประชาชนผ่านสื่อว่า มันเป็นการบิดเบือนชัดเจน และมีเจตนาที่ไม่ดี
**"เทือก"มาพบได้เพราะสวมหมวก 2 ใบ
ด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวว่านายสุเทพ ได้เข้าพบกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ที่ผ่านมา ก่อนจะแถลงข่าวเปิดใจ ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 และ ช่อง 5 ว่า กองทัพบกขอยืนยันว่า ไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น นายสุเทพ ไม่ได้เข้าพบ ผบ.ทบ. และไม่ได้มีการพบกัน เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผบ.ทบ. ก็มีภารกิจตลอดทั้งวัน
" ข้อมูลที่มีการนำเสนอไปนั้น มีความคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงมาก ผมไม่อยากใช้คำว่า ข้อมูลมันไม่ตรง แต่อยากให้สื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวเหล่านี้ ตรวจเช็คความถูกต้องก่อนนำเสนอ เพราะผลกระทบที่ตามมาคือ เกิดความเสียหายต่อกองทัพ แต่หากสมมุติว่านายสุเทพมาพบ ท่านก็ต้องให้ความยุติธรรมกับเขา เพราะปัจจุบันเขาสวมหมวก 2 ใบ คือ เขาเป็นผู้สมัคร ส.ส. ซึ่งไม่เหมาะ แต่ 2 เขามีหน้าที่ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ที่เขาต้องมีข้อราชการ หารือกัน มันไม่ได้หมายความว่า วันที่ประกาศยุบสภาจนถึงวันเลือกตั้ง คนที่อยู่ในตำแหน่งหน้าที่ จะละเลยการทำงาน แล้วบ้านเมืองจะเดินไปได้อย่างไร ก็อยากให้ท่านคิดในมุมบวกด้วย เพื่อให้โอกาสให้ทุกคนได้ทำหน้าที่ของเขา อย่ามองในเชิงลบอย่างเดียว ส่วนจะมีใครมองว่า น่าจะให้นายสุเทพ เรียก ผบ.ทบ.ไปพบมากกว่านั้น ก็สุดแล้วแต่สถานการณ์และความเหมาะสม ซึ่งหลังจากที่ประกาศยุบสภา ผมก็ไม่เคยเห็นนายสุเทพ เข้ามา แต่ผมเชื่อมั่นว่า ผบ.ทบ. ก็รู้ว่าสังคมส่วนหนึ่งตั้งข้อสังเกตุ ดังนั้นท่านก็ใช้ดุลยพินิจอย่างสูงที่สุด" พ.อ.สรรเสริญ กล่าว
**เลือกคนดีเป็นเรื่องปกติ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ออกมาแถลงว่าให้คนไทยไปเลือกคนดี เพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กลับพูดว่า คนดีไม่ชี้นำการเลือกตั้ง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเห็นว่าทุกยุคทุกสมัยก็บอกว่าไปเลือกตั้ง ก็ให้ไปเลือกคนดี คงไม่ใช่เรื่องการชี้นำ เป็นหลักทั่วไปอยู่แล้ว นอกจากเราไม่ต้องการคนดีเท่านั้นเอง
** ยันผบ.ทบ.ไม่ได้ชี้นำใคร
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า ตนต้องถามสื่อว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะเราไม่ได้เป็นผู้ให้ข่าว และไม่มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นจริง ซึ่งได้มีการพูดคุยวิเคราะห์กันในระดับฝ่ายเสนาธิการ ว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่การฟังจากวิทยุสื่อสารของบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยนั้น หมายถึง เจ้าหน้าที่ของ ช่อง 7 ที่เข้ามาร่วมรับฟังประเด็นด้วย ที่อาจจะ ว.ว่า วีไอพีของ ทบ.1 ซึ่งให้สื่อพิจารณาดู เพราะจริงๆ แล้ว ผบ.ทบ.ไม่ทราบหรอกว่าใครเข้ามาบ้าง
เมื่อถามว่าเนื้อหาที่ ผบ.ทบ.ได้เปิดใจ ผ่านโทรทัศน์นั้น ถูกนำไปตีความว่ากองทัพได้สนับสนุนพรรคการ เมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง และชี้นำให้ประชาชนไม่เลือกพรรคการเมืองใดพรรคการ เมืองหนึ่งได้ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า นี่คือสิ่งที่เราเป็นห่วง เพราะไม่ว่าเราจะพยายามชี้แจงในจุดยืนที่เป็นกลาง ให้เลือกคนดี ซึ่งทุกคนในสังคมไทยก็เรียกร้องให้ทุกคนเลือก ส.ส.ที่เป็นคนดี คนที่ซื่อสัตย์ คนที่มีวิสัยทัศน์ มีจริยธรรม คุณธรรม ซึ่งทุกคนเรียกร้องเหมือนกัน และ ผบ.ทบ.ได้มาพูดในประเด็นเดียวกับทุกคน แต่ยังมีความพยายามที่จะดึงกองทัพให้ไปเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง ดังนั้นจึงเป็นที่มาของการเปิดใจของท่าน ดังนั้นจึงอยากวอนสื่อทุกสื่อว่า วันนี้บ้านเมืองเราเปราะบาง ขอให้ทุกคนได้ใช้วิจารณญาณในการนำเสนอ
" ผบ.ทบ.ต้องการชี้แจงถึงเรื่องราวต่างๆในจุดยืนของกองทัพ ต่อการเลือกตั้งว่า ท่านไม่ได้สนับสนุน ไม่ได้ต่อต้าน ไม่ได้เกิดความรู้สึกกับใครเป็นพิเศษ แต่ท่านทำหน้าที่ของท่านในจุดที่เหมาะสม และเชิญชวนให้คนไทยได้ออกไปเลือกตั้ง คนดี คนที่จะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองในวันข้างหน้า ซึ่งการที่ใครจะมองว่า เป็นการถูกสะกิดให้ออกมาพูดนั้น ผมเชื่อมั่นว่า ในฐานะที่ท่านเป็นผู้นำองค์กร ท่านสามารถที่จะพิจารณาเรื่องราวต่างๆได้ แล้วกำลังพลทุกคนในกองทัพเราก็มีหน้าที่ระหว่างกัน เป็นทั้งผู้นำเสนอข้อมูล และเป็นผู้ที่ฟังคำสั่งนโยบายจาก ผบ.ทบ. ควบคู่กันไป" พ.อ.สรรเสริญกล่าว
**อัดสื่อสุดโต่งยุยงให้แตกแยก
สำหรับเรื่องสื่อ ที่ผบ.ทบ.พูดนั้น ท่านคงไม่ได้หมายความว่า ท่านโบ้ยทุกๆ คน ไม่ใช่ลักษณะอย่างนั้น ท่านต้องเข้าใจว่า สื่อหรือผู้ที่นำเสนอข้อมูล มาอย่างไรไปอย่างนั้น มาอย่างไร อาจจะมีการแต่งแต้มก็แล้วแต่ นั่นคือสื่อ แต่ท่านทั้งหลายไม่ใช่เป็นสื่ออย่างเดียว แต่ท่านเป็นสื่อมวลชน ซึ่งเราไม่เคยมีความคิดเป็นอย่างอื่น
ดังนั้นสื่อมวลชน จะมีความพิเศษกว่าสื่อธรรมดา คือจะมีดุลยพินิจ มีวิจารณญาณ นำเสนอในสิ่งต่างๆ ที่มันเป็นข้อเท็จจริง เป็นมุมมอง มีทัศนคติเพื่อให้สังคมได้พิจารณาได้ ดังนั้น การที่ ผบ.ทบ.พูดนั้น ไม่ได้หมายความว่า ท่านตำหนิ ต้องแยกแยะว่าเรื่องของความปรองดองที่เขาพูดกันมันเป็นเรื่องโตไปสำหรับตน สำหรับกองทัพ ดังนั้นก็ค่อยไปว่ากันในภาคของการเมือง รัฐบาล
"วันนี้ยังมีสื่อบางส่วนที่อินกับเรื่องการเมืองกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแบบสุดโต่ง แล้วทำให้เกิดการยั่วยุในคำพูด ทำให้เกิดความรู้สึกแปลกแยก แบ่งฝักฝ่ายในพี่น้องคนไทยด้วยกัน แล้วนี่หรือ ที่จะนำมาซึ่งการสมัครสมานสามัคคี ที่จะทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติเป็นปึกแผ่นในวันข้างหน้า"
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีประชาชนส่วนหนึ่งได้โทรศัพท์เข้ามายังกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ( กอ.รมน.) ที่อยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการกับคนที่เป็นสื่อ ซึ่งไม่ได้หมายถึงสื่อมวลชน แต่หมายถึงสื่อที่ ผบ.ทบ. พูดว่าอินกับเรื่องของขั้วการเมืองแบบสุดโต่ง จนไมได้นำมาซึ่งความรู้สึกสามัคคีของชาวไทย แต่พยายามที่จะทำให้เกิดความแบ่งฝัก แบ่งฝ่าย ซึ่งมีเสียงร้องเรียนเข้ามาเยอะ เราคงต้องหารือกับฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ในฐานะของกอ.รมน. ที่จะต้องบูรณาการหน่วยงานต่างๆ ที่จะต้องมีส่วนร่วมกันว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง ที่เป็นไปตามข้อกฎหมาย และตามเสียงเรียกร้องของประชาชน ที่ ต้องการให้เกิดความสามัคคี ไม่มีสื่อที่ยั่วยุให้เกิดอาการแปลกแยกแบบนี้ ในสังคม
** ขอให้มองโลกในแง่บวก
เมื่อถามว่า การดำเนินการแบบนี้ อาจจะทำให้กลุ่มการเมืองทั้ง 2 ฟาก จะรวมตัวกันโจมตีกองทัพหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ตนไม่ได้บอกว่ามี 2 ฟาก ท่านต้องพิจารณาดูว่ามันมีสื่อประเภทนั้นหรือไม่ ซึ่งในสังคมทุกคนวิเคราะห์ได้เอง เพราะกลุ่มที่เป็น “สื่อ” กับ “สื่อมวลชน” นั้นมีความแตกต่างกัน
ส่วนการที่ ผบ.ทบ.ออกมาพูดนั้น จะถูกมองว่าเป็นการการสร้างความกระเพื่อมให้กับสังคมนั้น ตนมองว่า การที่กองทัพบกออกมาพูด ก็หาว่ากระเพื่อม ถ้าไม่พูดก็หาว่ากองทัพบกอมพะนำ นิ่ง ให้สังคมวิเคราะห์กันเองในสังคมอีก ก็เกิดความสับสนในสังคมอีก
" ผมยังเกร็งเลยว่า..ตกลงจะเอายังไง ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้ คือ ทำให้สังคมได้เห็นถึงจุดยืนของกองทัพอย่างแท้จริง ว่าเราเป็นอย่างนี้ เราเป็นทหารของประชาชน"
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า ตนมีคำกลอน 1 บท ซึ่งไม่ได้ต้องการจะเอาใจใคร ตนจำได้ว่า เราเคยได้รับการสอนสั่งมาตั้งแต่เป็นสมัยนักเรียน ซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์ของ ร.6 ความว่า “เพียงหวัง จะเฟื่องฟุ้ง ฤาจะมุ่งมาศึกษา เพียงเพื่อปริญญาเอาตัวรอดกระนั้นฤา แท้จริงเจ้าควรคิด จงตั้งจิตและยึดถือ รับใช้ชาติไทยคือปลายทางเราที่เล่าเรียน” ทุกคนที่เป็นทหาร ยึดมั่นใจเจตนารมย์อันนี้มาโดยตลอด และเราพยายามทำทุกอย่าง ให้เป็นไปตามนี้
เมื่อถามว่าขณะนี้กองทัพมีกี่มาตรฐานในการดำเนินการ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ผ่านมา เราก็ทำตามกฎหมาย ตนไม่ทราบว่ามีกี่มาตรฐาน แต่เราทำตามทุกอย่างตามข้อกฎหมาย เราเป็นกลไกหนึ่งของรัฐ ใครเป็นรัฐบาลที่สั่งการถูกต้องตามข้อกฎหมาย เราก็ปฏิบัติตามนั้น แล้วได้ชี้แจงมาโดยตลอด ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ตาม
ส่วนการที่ ผบ.ทบ.ออกมาพูด อาจจะมีกลุ่มคนพุ่ง และมองไปว่า เป็นการโจมตีกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งตนคิดว่าวันนี้ เราจึงต้องสร้างสังคมให้เข้าใจว่า อย่ามองทุกอย่างในทางลบ พยายามคิดบวก บ้านเมืองเราจะได้เดินไปข้างหน้า ถ้าทุกอย่างตั้งข้อสังเกตุในเชิงลบไปหมด ทุกคนก็คงจะมีอาการเกร็งเหมือนกัน
** "ชุมพล"ตะแบงผบ.ทบ.ไม่ได้ชี้นำ
นายชุมพล ศิปลอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณี ผบ.ทบ. เปิดใจผ่านรายการพิเศษว่า ท่านเป็นคนเปิดเผยดี ท่าทีของฝ่ายทหารก็ถือว่า วางตัวเป็นกลาง และที่ท่านออกมาประกาศชัดเจนแบบนี้ ทำให้ทุกฝ่ายทราบว่าท่านไม่มีอะไร จะไปหาเสียงในค่ายทหารก็ได้ ท่านจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่การเมืองอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับท่านก็แล้วกัน ท่านก็พูดตรงไปตรงมาดี แบบชายชาติทหาร ตนคิดว่าท่านไม่มีอะไร อย่าไปคิดกันมาก กับคำพูดของท่าน ท่านเป็นคนอย่างนั้นอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า หลายฝ่ายเกรงว่าคำพูดของ ผบ.ทบ.จะกลายเป็นการชี้นำทางการเมืองในการเลือกตั้ง นายชุมพล กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น ใจประชาชน เสียงประชาชน อยู่ที่ประชาชน ใครจะพูดอย่างไร เชื่อว่าไม่มีผล
เมื่อถามว่าหลายคนก็ระบุว่า บทบาทของกองทัพต้องวางตัวเป็นกลาง นายชุมพล กล่าวว่า เท่าที่ตนฟัง ก็ไม่ได้พูดอะไรถึงขนาดนั้น เพียงแต่ว่า อาจจะไม่สบายใจบ้าง เพราะนาน ๆ ทหารจะพูดที แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะท่านวางตัวได้ดี ตนฟังดูคำพูด รวมทั้งฟังการวิเคราะห์มาทั้งหมดแล้ว ก็ไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนกรณีที่นายสุเทพ เข้าพบ ผบ.ทบ.นั้น ตนไม่ทราบเรื่อง
** อ้างแค่เป็นการแสดงความเห็นส่วนตัว
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงการแสดงท่าทีของ ผบ.ทบ. ต่อการเลือกตั้งว่า การแสดงความคิดเห็นสามารถกระทำได้ เพราะพล.อ.ประยุทธ์ ก็ถือว่าเป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง และเป็นการดีที่ ผบ.ทบ. ออกมาสนับสนุนให้ประชาชนออกมาเลือกตั้ง เพื่อให้การเมืองผ่านพ้นวิกฤติไปได้ ทั้งนี้ ตนไม่ได้คิดว่าเป็นการเข้ามาก้าวก่ายเรื่องการเมืองแต่อย่างใด
เมื่อถามว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า คนผิดต้องได้รับโทษตามกฎหมายนั้น ถือเป็นการส่งสัญญาณการคัดค้านนิรโทษกรรมหรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ตามกฎหมายก็ระบุไว้ชัดว่า ถ้าใครทำผิดต้องได้รับโทษตามกฎหมาย ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่ไม่อยากให้สังคมคิดมากว่า การพูดในกรณีนี้ของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นการส่งสัญญาณอะไรทางการเมือง เพราะเป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นทั่วไปเท่านั้นในฐานะส่วนตัว
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายสุเทพ เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ปฎิเสธไม่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย เข้าพบก่อนหน้านี้ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า เรื่องนี้เห็นจากข่าว นายสุเทพได้ออกมาปฎิเสธแล้ว อย่างไรก็ตามแม้นายสุเทพจะเข้าพบจริงก็ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกอะไร เพราะนายสุเทพ เป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ซึ่งถือว่าเป็นผู้บังคับบัญชาพล.อ.ประยุทธ์อยู่แล้ว ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น