xs
xsm
sm
md
lg

“เผาไทย”ผวาสายลับกอ.รมน 2พรรคใหญ่จี้ถอดรายการ“เจิมศักดิ์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้(25 พ.ค.) นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ผู้อำนวยการศูนย์เลือกตั้ง กทม.พรรคเพื่อไทย แถลงว่า พรรคพบการสั่งให้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจสนธิกำลังกันเป็นชุดเฉพาะกิจ ตามคำสั่งของรักษาการนายกรัฐมนตรี ที่ ปส. 315 (ปราบปรามยาเสพติด ตามยุทธศาสตร์ 315) โดยใช้รถทหารที่ใช้ในการสงคราม ลงพื้นที่หนองจอก มีนบุรี รามอินทรา และทั่วพื้นที่ กทม. แล้วอ้างว่าเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมีการจดรายละเอียดส่วนบุคคลของประชาชน แล้วได้บอกกล่าวให้ช่วยสนับสนุนพรรคการเมืองหนึ่งประมาณว่าขอให้ช่วยให้รัฐบาลได้ทำงานต่อ ซึ่งไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และสร้างความแตกตื่นให้ประชาชนในพื้นที่ ซึ่งตนได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ที่บอกว่าทหารจะเป็นกลางในการเลือกตั้งขอให้ตรวจสอบและถอนกำลังชุดปฏิบัติการทั้งหมด รวมไปถึงการยกเลิกคำสั่งดังกล่าวด้วย
ด้านนายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 9 พรรคเพื่อไทยว่า ประชาชนในพื้นที่หนองจอกได้แจ้งว่า จู่ๆ เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจใช้รถที่ใช้ในราชการสงครามเข้าไปในพื้นที่ตรวจค้นบ้านประชาชน โดยเฉพาะบ้านไหนที่มีการแขวนเสื้อสีแดงบริเวณราวตากผ้าหรือมีสัญลักษณ์ของคนเสื้อแดงจนทำให้ประชาชนหวาดกลัวว่าเจ้าหน้าที่จะมายัดข้อหาหรือยาเสพติดให้ ซึ่งเมื่อตนได้ลงพื้นที่ก็พบกับเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจค้นชาวบ้านด้วยตัวเอง ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีพยาน หลักฐานและถ่ายรูปไว้ทั้งหมด

**ปูดเคลือบมันช่องเบอร์ 1ถึง 3 ล้านใบ
นายวิชาญ กล่าวว่า เป็นห่วงเรื่องการจัดส่งและเก็บหีบบัตรเลือกตั้ง โดยเฉพาะหีบบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า เพราะเกรงว่าการจัดเก็บและจัดส่งหีบบัตรเลือกตั้งไปต่างจังหวัดนั้นจะมีช่องโหว่จนทำให้เกิดการทุจริต ดังนั้น จึงขอเรียกร้อง กกต.อนุญาตให้จัดตั้งคณะกรรมการกลางไปดูแลหีบบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าทั้งหมด เพราะขณะนี้พรรคเพื่อไทยพบความเคลื่อนไหวการระดมซื้อบัตรประจำตัวประชาชนและเอกสารแทนบัตรประจำตัวประชาชน (ใบเหลือง) บัตรละ 1,000-2,000 บาท เพื่อใช้ในการเวียนเทียนลงคะแนนในการเลือกตั้งล่วงหน้า โดยเฉพาะใบเหลืองที่สามารถใช้เทคโนโลยีการสแกนรูปบุคคลอื่นเข้าไปแทนรูปของเจ้าของบัตรได้ทันที ซึ่งจะทำให้การทุจริตการเลือกตั้งล่วงหน้าจะหนักกว่าการเลือกตั้งปี 2550
ล่าสุดพรรคเพื่อไทยได้รับแจ้งมาเป็นการภายใน โดยบุคคลที่รับรู้ข้อมูลการพิมพ์บัตรของ กกต.ว่าเกิดความผิดปกติในการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งของ กกต. ซึ่งพรรคเพื่อไทยไม่ทราบว่า กกต.ไปจัดพิมพ์ที่ไหน แต่มีความพยายามจะพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินจำนวนที่กฎหมายกำหนด และมีความพยายามที่จะพิมพ์บัตรเลือกตั้งจำนวน 3 ล้านใบ ที่มีการพิมพ์เคลือบมัน บริเวณช่องกากบาทเบอร์ 1 ซึ่งจะทำให้ประชาชนที่กาเบอร์ 1 เลือกพรรคเพื่อไทยในบัตรเลือกตั้งแล้วเกิดความเลอะเทอะหรือลบเลือนออกไป จนกลายเป็นบัตรเสีย ซึ่งจะทำให้คะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยเสียหายอย่างมาก เพราะจำนวนบัตรเลือกตั้ง 3 ล้านใบนั้น หากนับคะแนนออกมาแล้วจะเท่ากับจำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ถึง 10 คน ซึ่งพรรคเพื่อไทย จะตั้งตัวแทนเดินทางไปพบกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพราะมีเอกสารหลักฐาน รวมทั้งรายละเอียดจะยื่นให้ กกต.ทั้งหมด

**ผวา"สายลับ"กอ.รมน.ย้ายวอร์รูม
รายงานระบุว่า ขณะนี้แกนนำพรรค ได้ตั้งข้อสงสัยว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) อาจแอบส่งสายลับเข้ามาแฝงตัวอยู่ภายในพรรค แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่า เป็นรูปแบบใด ซึ่งแนวทางหนึ่งอาจจะมาในรูปของผู้สมัคร ส.ส. ดังนั้น จึงมีการกำชับให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองต้องมีความระมัดระวังและเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย รวมถึงวอร์รูมการเมือง ที่มีนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เป็นที่ปรึกษา ได้หลีกเลี่ยงการเดินทางมาประชุมยังที่ทำการพรรคเพื่อป้องกันการร้องเรียนภายหลัง โดยสถานที่ตั้งวอร์รูมดังกล่าว อยู่ที่อาคารชินวัตร 3

**กอ.รมน.” ปัดส่งสายลับฝัง “เพื่อไทย”
ๅพล.ต.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคเพื่อไทย(พท.)ระบุถึง กอ.รมน.ได้ส่งสายลับแฝงตัวเข้า ไปในพรรคเพื่อไทยว่า เรื่องนี้ทางกอ.รมน.พิจารณาเป็นการออกข่าวโดยไม่ระบุผู้พูดแต่มีการกล่าวอ้างถึงกอ.รมน.เพื่อเชื่อมโยงให้มีความขัดแย้งกับเพื่อไทย ดังนั้นกอ.รมน.จะไม่ตอบโต้เพราะไม่มีคนที่ให้ข่าว ทั้งนี้ ยืนยันว่ากอ.รมน.ไม่มีหน้าที่ทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย และไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องทำ
ส่วนกระแสข่าวว่าชุดฉก.315 ของกอ.รมน.เข้าไปข่มขู่คนในหมู่บ้านเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง พล.ต.ดิฏฐพร กล่าวว่า ไม่มีการกระทำดังกล่าว แต่อาจมีบุคคลที่ได้รับผลกระทบที่เสียผลประโยชน์จากการทำงานของเจ้าหน้าที่ ฉก.315 ในเรื่องยาเสพติด เขาต้องทำให้เกิดความสับสนและใส่ร้ายเจ้าหน้าที่
“พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบก ในฐานะเลขา กอ.รมน.ได้กำชับในที่ประชุมกอ.รมน.ให้หน่วยงานของกอ.รมน.ทั้งหมดที่จำเป็น ต้องลงพื้นที่ปฏิบัติงานในช่วงนี้ที่กำลังมีการเลือกตั้ง อาทิ ฉก.315 ที่ ดูแลเรื่องยาเสพติด หรือหน่วยงานในกอ.รมน.ภาคต่างๆ ขอให้ระมัดระวังที่อาจจะไปเกี่ยวข้องกับการเมืองในพื้นที่ ขอให้หลีกเลี่ยงการเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะจะมีคนนำไปแอบอ้างหาผลประโยชน์ทางการเมือง ”โฆษกกอ.รมน.ระบุ
พล.ต.ดิฏฐพร กล่าวถึงกรณีที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.)ได้ยุติบทบาทว่า ทางตำรวจพิจารณาว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ด้วยกฎหมายปกติจึงขอยกเลิก ศอ.รส. ส่วนศูนย์ติดตามสถานการณ์ (ศตส.) ยังไม่มีการยกเลิกยังคงปฏิบัติหน้าที่ติดตามข่าวสารอยู่เพราะยังอยู่ในหมวด ที่ 1 มาตราที่ 7 พ.ร.บ.มั่นคงฯ เพราะ ศอ.รส.อยู่ในหมวดที่ 2 มาตรา 15 ของพ.ร.บ.มั่นคงฯ อย่างไรก็ตาม ศตส.ยังคงติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ที่จะกระทบต่อความมั่นคง ยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับทางการเมือง รวมถึงกอ.รมน.ก็ไม่ได้มีการทำโพลล์สำรวจการเลือกตั้งตามที่ใครกล่าวอ้าง
พล.ต.ดิฏฐพร กล่าวว่า ขณะนี้มีกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กอ.รมน.หรือมีบัตร กอ.รมน.ปลอม โดยได้นำไปใช้หาประโยชน์ จึงอยากให้ประชาชนระมัดระวังบุคคลเหล่านี้ หากพบบุคคลที่แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กอ.รมน.ขอให้ประชาชนตรวจสอบกลับมา ยังกอ.รมน.หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินคดีต่อบุคคลดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทราบแล้วว่าบุคคลที่แอบอ้างเป็นใคร ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนดำเนินการแจ้งความดำเนินคดี

**“ชทพ.”จี้ “องอาจ”ถอดรายการ“เจิมศักดิ์”
ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา แถลงว่า อยากเรียกร้องให้นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯช่วยถอดรายการที่จัดในช่วงค่ำของช่อง 11 ออกจากผังในช่วงเลือกตั้ง เพราะรายการดังกล่าวเป็นรายการทำให้เกิดการยั่วยุแตกแยก และทำให้การปรองดองไม่เกิดขึ้นเป็นการกล่าวหาพาดพิง ขนาดพรรคร่วมรัฐบาลยังโดนเป็นจำเลยในรายการนี้ด้วย ยกเว้นพรรคการเมืองใหญ่บางพรรค หรือพรรคของกู ดังนั้นจึงขอให้นายองอาจเข้าไปดูแล เพราะเป็นการไม่ยุติธรรมที่ใช้สื่อของรัฐไปกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่ง

**องอาจปัดใช้สื่อของรัฐหาประโยชน์
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่าตนและนายกรัฐมนตรีไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่หาประโยชน์ในการเลือกตั้งในรายการทีวีใดๆ โดยเฉพาะสื่อของรัฐแต่อย่างใด การที่พรรคเพื่อไทยจะดำเนินคดี จึงไม่ได้หวั่นไหวอะไร เพราะยืนยันว่าไม่ได้ดำเนินการใดๆ ที่จะใช้อำนาจหน้าที่สั่งการหรือดำเนินการ
หากพรรคเพื่อไทยได้อ่านรัฐธรรมนูญและอำนาจหน้าที่ของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับสื่อของรัฐ จะเห็นได้ชัดเจนว่าไม่สามารถดำเนินคดีกับนายกฯและตนได้ แต่ถ้าเห็นว่ายังมีช่องทางที่จะดำเนินการทางการกฎหมายหรือช่องทางอื่นในการร้องเรียน เราก็พร้อมที่จะไปชี้แจงข้อเท็จจริง

**ชพน.เปิดนโยบายสังคม 5 ด้านชีวิตที่ดีขึ้น
ที่พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน มีการแถลงข่าวเปิดตัวนโยบายด้านสังคม กำหนดนโยบายสังคมไว้ใน 5 ด้านด้วยกัน คือ 1.สุขภาพดีทั่วไทย 2.ประชาชนมีคุณภาพ 3.ขยายระบบสวัสดิการ 4.เพิ่มเงินอุดหนุนท้องถิ่น และ 5.รักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปสู่ความประเทศมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง สังคมยั่งยืน ซึ่งสิ่งสำคัญคือในเรื่องของสุขภาพดีทั่วไทย และการพัฒนาพัฒนาคนด้านการศึกษา ทักษะในการประกอบอาชีพ เป็นเครื่องมือในการดำรงชีวิต ที่จะเป็นหนทางไปสู่การสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี
นโยบายด้านการศึกษา พรรคจะสนับสนุนโรงเรียน 2 ภาษาทั่วประเทศ เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา และเป็นการรองรับเกิดขึ้นของประชาคมอาเซียน การสร้างศูนย์นวัตกรรมการเรียนรู้ในทุกจังหวัด ส่วนของโครงการเรียนฟรีในปัจจุบันยังไม่ใช่การเรียนฟรีที่แท้จริง โดยต้องเป็นการแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ไม่ใช้สร้างภาระเพิ่มขึ้น ให้เกิดอุปสรรคแห่งการเรียนรู้ โดยทำให้การศึกษาฟรีจริง สุดท้ายต้องทำให้ท้องถิ่นเกิดความร่วมมือกับสถานศึกษา การลงรากลึกถึงการพัฒนาเยาวชน โดยการตั้งกองทุนพัฒนาเยาวชนในระดับหมู่บ้านๆละ 1 แสนบาท
ส่วนสวัสดิการสังคมนั้น จะเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก คนทำงาน คนชรา จนไปถึงคนพิการ อาทิ โครงการเงินออมคูณสอง โดยมีเงินออมตั้งแต่วันแรกเกิดไปถึงอายุครบ 20 ปี ต้องมีเงินออมคนละ 1 ล้านบาท ในส่วนของคนทำงานให้มีการเพิ่มสิทธิ์เงินประกันสังคมเป็น 2 เท่าและคืนเงิน 10 เปอร์เซ็นต์กรณีที่ไม่ได้ใช้ค่ารักษาพยาบาล สร้างระบบประกันสังคมสำหรับภาคเกษตรกรที่ถูกเหลียวแล เพิ่มเบี้ยยังชีพและผู้สูงอายุจาก 500 บาทเป็น 1,000 บาท และการจัดตั้งบ้านพักผู้สูงอายุตามจังหวัดต่างๆ เป็นต้น
ส่วนของการเพิ่มเงินอุดหนุนท้องถิ่นกล่าวว่า คุณภาพชีวิต สาธารณูปโภคพื้นฐานทั่วประเทศ พรรคเล็งเห็นถึงบทบาทสำคัญขององค์กร จึงได้คิดนโยบายอุดหนุนงบประมาณเพิ่มขึ้น 3 เปอร์เซ็นต์ทั่วประเทศในทุกปี จนครบ 35 เปอร์เซ็นต์ จากทุกวันนี้ที่ได้รับอยู่ 26 เปอร์เซ็นต์ พร้อมการปรับอัตราค่าจ้างค่าตอบแทนให้ผู้บริหารและสมาชิก เพิ่มไม่น้อยกว่า 20 ในส่วน อบต.ขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม สามารถเสนอเพื่อขอยกระดับให้เป็นเทศบาลได้ ทั้งยังมีเบี้ยสวัสดิการให้กลุ่มคนทำงานอาสามัคร อีกเดือนละ 1.000 บาท

**“ภท.”ยัน“สุเชาว์ นุชนุ่ม”พรีเซนต์เตอร์ไม่ผิด
ที่พรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่มีบางกลุ่มออกมาโจมตีนโยบายพรรคเกี่ยวกับการสร้างศูนย์นักกีฬาอาชีพ ที่มีการนำรูปของนายสุเชาว์ นุชนุ่ม นักเตะทีมชาติไทย และนักเตะสโมสรบุรีรัมย์พีอีเอ มาขึ้นป้าย โดยถูกมองว่านายสุเชาว์เป็นผู้สมัคร และเป็นการนำคนดังมาโฆษณาหาเสียง ว่า เรื่องนี้คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.)ไม่ได้ว่าอะไร เพราะตรงนี้เป้าหมายคือนายสุเชาว์มาเป็นต้นแบบ เพราะต้องการสื่อให้เห็นว่านายสุเชาว์เป็นผู้ที่มีความสามารถเอาลำแข้งของตัวเองมาเลี้ยงครอบครัวและเชื่อว่านักกีฬาทุกคนหรือแม้แต่เยาชนที่สนใจด้านกีฬาอยากเป็นแบบนายสุเชาว์ที่เอากีฬามาเป็นอาชีพ ซึ่งพรรคภุมิใจไทยยืนยันว่านโยบายนี้เราจะสร้างโอกาสให้กับผู้ที่สนใจเอากีฬาไปเป็นอาชีพ ซึ่งโครงการนี้ยืนยันได้ว่าสร้างได้จริงเป็นพันๆ คน

**“โฆษกภท” โต้ทำร้ายพรรคคู่แข่ง
นายศุภชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่พล.ต.ท.ชัชจ์ กุลดิลก ระบุว่าพรรคภูมิใจไทยทุจริตการเลือกตั้งและมีการโยนระเบิดปิงปองใส่พรรคผู้สมัครพรรคเพื่อไทย ซึ่งก่อนเกิดเหตุมีรัฐมนตรีของพรรคปรากฏตัวด้วย ว่า ยืนยันว่าพรรคไม่ทำผิดกฎหมาย คำว่าทุจริตหมายความว่าอย่างไร เพราะยังไม่มีการลงคะแนนเสียง หากผิดเลือกเลือกตั้งก็ร้องเรียนได้ ทั้งนี้นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีของพรรคก็ดูแลทั้งจังหวัดอยู่แล้ว เพราะมีทั้งภรรยาและพรรคพวกลงสมัคร ดังนั้นอย่าพยายามกล่าวหากัน อยากให้คิดใหม่ทำใหม่ หรือการคิดใหม่ทำใหม่อีกครั้งคือการกล่าวหาคนอื่นเหมือนเดิม อย่างไรก็ตามพรรคเราจะได้ครบถ้วนทุกเขตในบุรีรัมย์อยู่แล้วจะทำผิดทำไม
กำลังโหลดความคิดเห็น